“...กระทั่งนายมาโนช ถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และปี 2558 ศาลมีคำพิพากษาให้ ‘ใบแดง’ แก่นายมาโนช ต่อมามีการฟ้องร้องในส่วนคดีอาญา จนนายเทพไทตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยเช่นกัน และเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563 ศาลนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาแก่นายเทพไท และนายมาโนช พร้อมกับตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี อย่างไรก็ดีทั้งคู่ได้รับการประกันตัว และยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ…”
----
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชาย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช คือรายชื่อ 2 นักการเมืองล่าสุดที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกรายละ 2 ปี ตัดสิทธิทางการเมืองรายละ 10 ปี กรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2556-2557 (อ่านประกอบ : พิพากษาคุกคนละ 2 ปี!‘เทพไท-มาโนช เสนพงศ์’ทุจริตเลือกตั้ง-ตัดสิทธิการเมือง 10 ปี)
2 พี่น้องตระกูล ‘เสนพงศ์’ เป็นนักการเมือง ‘มากบารมี’ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยนายเทพไท เป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ขณะที่นายมาโนช น้องชาย ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และได้รับการเลือกตั้งหลายสมัยเช่นกัน
มาดูในมุมธุรกิจกันบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายเทพไท เสนพงศ์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 923,133,311 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 2,082,720 บาท รายจ่ายรวม 1,100,000 บาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า นายเทพไท เคยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใน 3 บริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้แก่ บริษัท คนคอน จำกัด ทำธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันเสร็จชำระบัญชี บริษัท บาบูอุตสาหกรรม จำกัด ทำธุรกิจการผลิตปลาป่นสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ ปัจจุบันเสร็จชำระบัญชี และ หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช ทำธุรกิจขายหนังสือพิมพ์ ปัจจุบันเสร็จการชำระบัญชีไปแล้วเช่นกัน
ส่วน น.ส.พอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ อดีตคู่สมรส (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/person/4573) แจ้งเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อย่างน้อย 3 แห่ง ดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ธารธัช จำกัด ทำธุรกิจให้บริการด้านโรงแรมและรีสอร์ท บริษัท ศรีเอเชียกรุงเทพธุรกิจ จำกัด ทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อีก 1 แห่ง แจ้งสถานะว่าร้าง ได้แก่ หจก.ศรีเพชรวมกิจ ทำธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการ
ส่วนนายมาโนช เสนพงศ์ ไม่พบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าปรากฏข้อมูลเป็นกรรมการบริษัท/หจก.ใด
คนในตระกูล ‘เสนพงศ์’ ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อีกอย่างน้อย 15 แห่งเท่าที่ตรวจสอบพบ
เปิดดำเนินกิจการอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ หจก.วณิธนา (นางประยูร เสนพงศ์) บริษัท เชอริช (ประเทศไทย) จำกัด (น.ส.กัลยณัฏฐ์ เสนพงศ์, นายณธายุ เสนพงศ์) บริษัท บีเฟม จำกัด บริษัท รมย์วารี เวลเนส แอนด์ สปา จำกัด (น.ส.ภัทริยา เสนพงศ์) บริษัท เขาเต่า เบย์วิว รีสอร์ท จำกัด หจก.นคร แอนด์ นคร (นายธัญญา เสนพงศ์) และ หจก.เอส พี 2015 (นายสุเชาว์ เสนพงศ์)
ส่วนธุรกิจที่เสร็จชำระบัญชีไปแล้วอย่างน้อย 8 แห่ง ได้แก่ หจก.มั่งมีก่อสร้าง หจก.สยาม โปรเฟชชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง บริษัท แองเจิล อินทิเรียร์ แอนด์ อาร์คิเทค จำกัด หจก.ทักษิวงศ์ หจก.เค มิลเลียนแนร์ กรุ๊ป หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช บริษัท บาบู อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท คนคอน จำกัด
เส้นทางการเมือง นายเทพไท มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.รามคำแหง โดยเป็นนายกองค์การบริหารนักศึกษารามคำแหง เมื่อปี 2525-2526 หลังจากนั้นปี 2531 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย ส.ส. ของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช สมัยอยู่พรรคพลังธรรม ต่อมาเมื่อปี 2537 นายชำนิ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทย นายเทพไทได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการ รมช.มหาดไทย ด้วย
หลังจากนั้นปี 2540 นายชำนิย้ายสังกัดเข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไทย้ายตามมาด้วย โดยนายชำนิได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทยอีกครั้ง นายเทพไทได้ตำแหน่งเลขานุการ รมช.มหาดไทยเช่นเดิม กระทั่งปี 2548 นายเทพไทลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นได้รับชัยชนะเรื่อยมาเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช ถึง 4 สมัย
ในด้านสื่อของนายเทพไท นอกจากเคยทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน จ.นครศรีธรรมราช แล้ว ยังเคยเป็นพิธีกรในรายการ ‘สายล่อฟ้า’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ‘บลูสกาย’ ด้วย (ปัจจุบันรายการนี้ยุติไปแล้ว)
บทบาทในการเมืองท้องถิ่นของตระกูล ‘เสนพงศ์’ นายเทพไท เป็น ส.ส. มีพี่ชาย ‘เชาวน์วัศ เสนพงศ์’ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองนครศรีธรรมราช ส่วนน้องชายนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นรองนายกเทศมนตรี ขณะที่น้องชายอีกราย นายมาโนช เสนพงศ์ เคยนั่งเก้าอี้นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ด้วย
กระทั่งนายมาโนช ถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และปี 2558 ศาลมีคำพิพากษาให้ ‘ใบแดง’ แก่นายมาโนช ต่อมามีการฟ้องร้องในส่วนคดีอาญา จนนายเทพไทตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยเช่นกัน และเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563 ศาลนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาแก่นายเทพไท และนายมาโนช พร้อมกับตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี อย่างไรก็ดีทั้งคู่ได้รับการประกันตัว และยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้างต้นว่า ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ต้องรอให้มีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย เพราะยังไม่ถูกคุมขังตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.thaipost.net/main/detail/75894)
ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะมีบทสรุปอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายเทพไท จาก https://www.naewna.com/
อ่านประกอบ : พิพากษาคุกคนละ 2 ปี!‘เทพไท-มาโนช เสนพงศ์’ทุจริตเลือกตั้ง-ตัดสิทธิการเมือง 10 ปี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/