เปิดธุรกิจ‘สมหวัง’หนึ่งในแกนนำ นปช. ผู้ออกมาแฉถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี 572 ล้าน ปมเปิดบัญชีรองรับเงินบริจาคแทนสามเกลอ ถือหุ้นใหญ่ บ.ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ก่อนโอนให้เมีย รอบปี 61 แจ้งรายได้ 203 ล. กำไร 4 ล. หนี้ 104 ล. ขาดทุนสะสม 41 ล. เคยเป็นที่ปรึกษา กิตติรัตน์-เลขาฯณัฐวุฒิ ล่าสุด ‘จตุพร’ เอ่ยขอโทษ
ออกมาเผยเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กว่า โดนสรรพากรเรียกเก็บภาษี 572 ล้าน โดนฟ้องล้มละลาย และโดนอายัดทรัพย์หลังจากไว้ใจเพื่อนใช้ให้เปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อรองรับเงิน แทนสามเกลอ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเอง (อ่านข่าว: ‘แกนนำนปช.’โวย‘เสียรู้เพื่อน’ โดนฟ้องล้มละลาย สรรพากรเก็บภาษี 572 ล.)
นายสมหวัง อัสราษี หนึ่งในอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
@ ภาพ นายสมหวัง อัสราษี อ้างอิงจาก ไทยรัฐออนไลน์
กระนั้นเจ้าตัว มิได้บอกว่า สามเกลอเป็นใคร?
ล่าสุด นายจุตพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ออกมากล่าวขอโทษนายสมหวังกับครอบครัว เห็นใจนายสมหวังมีสิทธิที่จะน้อยใจในโชคชะตา แกนนำ นปช. ผู้ร่วมชะตากรรม มีจุดจบไม่ต่างกัน ไม่โดนคดี ติดคุก ก็ต้องล้มละลาย (อ่านข่าว: มันคือผู้ร่วมชะตากรรม! เกลอ'จตุพร'ขอโทษ'เฮียหวัง'ชี้จุดจบแกนนำนปช.ไม่ต่างกัน)
พลิกข้อมูลธุรกิจพบว่า นายสมหวังเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิตซูชิต้า ในชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2539 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 45 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 302 หมู่ที่ 2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ มีนายสมหวัง อัสราษี ถือหุ้นใหญ่ 449,994 หุ้น ต่อมา วันที่ 5 ม.ค.2553 โอนหุ้นให้ นางเพ็ญแข อัสราษี (เจตน์ประสิทธิ์ ) ภรรยา 100,000 หุ้น กระทั่งวันที่ 3 มี.ค.2553 นายสมหวังได้โอนหุ้นให้ นายสราวุทธิ อัสราษี ทั้งหมด ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2556 นายสราวุทธิ อัสราษี ถือหุ้นใหญ่ 422,250 หุ้น (93.83%) นางเพ็ญแข เจตน์ประสิทธิ์ 20,250 หุ้น (4.5%) นายธนัช วัฒนรัฐกำธร น.ส.โนรี ปานกลิ่นพุฒ นางปัทมา บัวแก้ว คนละ 2.500 หุ้น (0.50%) ล่าสุด 13 มิ.ย. 2562 นายสราวุทธิ อัสราษี ถือหุ้นใหญ่ 242,500 หุ้น (53.88%) นางเพ็ญแข เจตน์ประสิทธิ์ 197,500 หุ้น (43.88%) และ นางปัทมา บัวแก้ว 10,000 หุ้น (2.22%ฉ รวม 450,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นางเพ็ญแข เจตน์ประสิทธิ์ เป็นกรรมการ แจ้งผลประกอบการในรอบปี 2561 รายได้ 203,493,247.43 บาท กำไรสุทธิ 4,057,393.53 บาท สินทรัพย์ 108,172,902.94 บาท หนี้สิน 104,249,898.18 บาท ขาดทุนสะสม 41,076,995.24 บาท
ในทางการเมือง นายสมหวังถูกระบุว่าเป็นนายทุนของกลุ่ม นปช.ในยุคขับเคลื่อนทางการเมืองเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) 30 สิงหาคม 2554 ,ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) 24 มกราคม 2555 และ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2555 (ดูเอกสารประกอบด้านล่าง)
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ปลายปี 2556 นางเพ็ญแข เจตน์ประสิทธิ์ (อัสราษี) อดีตภรรยานายสมหวัง อัสราษี เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ถูกนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่าอาจถือครองบ้านหลังหนึ่งในย่านสนามบินน้ำแทนนายณัฐวุฒิ และตั้งข้อสงสัยว่าบ้านหลังนี้อาจได้มาจากเอกชนที่ได้งานจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างไรก็ตามไม่มีการยืนยันในข้อเท็จจริง หลังจากนั้นประเด็นนี้ก็เงียบหายไป
ทั้งหมดคือธุรกิจของนายสมหวัง ผู้ถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีเกือบ 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาคือนายสมหวังที่ค้างชำระภาษี มิได้เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ เกิดจากการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในอดีต มีผลทำให้ไม่สมหวังกับโชคชะตาชีวิตสักเท่าไหร่ในตอนนี้ ?
อ่านประกอบ:
แกะรอย“สมหวัง อัสราษี”ผ่องถ่ายหุ้น เทียบเคียง“ณัฐวุฒิ” (มีอินโฟกราฟิก)
เปิดธุรกิจอดีต“เมีย”หน้าห้อง“เต้น-ณัฐวุฒิ”เจ้าของบ้านปริศนา!