เครื่องเคียงศึกวิวาทะ ! พลิกปูมธุรกิจ 2 คนดัง ‘เสี่ยชูวิทย์’ VS ‘ทนายษิทรา’ ทายาท‘กมลวิศิษฎฺ์’ 4 คน ถือหุ้น กก. 9 บริษัท 2 แห่งจดทะเบียนก่อตั้ง มี.ค.2565 - ก.พ.2566 ขณะที่ บ.ษิทรา ลอว์เฟิร์ม รอบปี 2564 แจ้งรายได้ 1,807,017 กำไร 412,502 บาท
คู่พิพาทคนดัง!
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎฺ์ นักธุรกิจ อดีตนักการเมือง
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความในนาม ‘ทนายประชาชน’
ฝ่ายหนึ่งหันมาเล่นบท ‘คนเป่านกหวีด’เปิดโปงบ่อน การพนันออนไลนของคนมีสี และต้านนโยบายกัญชาเสรีกระทั่งถูกอีกฝ่ายหนึ่งแฉว่ารับเงิน 6 ล้านจาก ‘สารวัตรซัว’
อีกฝ่ายหนึ่งโต้กลับว่าด้วยกรณีการเรียกค่าจัดแถลงข่าว 3 แสนบาท สวนทางบทบาททนายประชาชน
มาดูธุรกิจของบุคคลทั้งสอง
@ชูวิทย์ กมลวิศิษฎฺ์
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันว่านายชูวิทย์ฐานธุรกิจเดิมอาบอบนวดต่อมาขายกิจการให้นายกำพล วิระเทพสุภรณ์
ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) อมรินทร์ออนเซน (อาบ อบ นวด วิคตอเรีย ซีเครท) ,บริษัท เดวิส โคปา คาบานา จำกัด ,บริษัท เดวิส ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด ,บริษัท เดวิส ไดมอนด์ สตาร์ จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เทอร์เม่ และห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) เวนิสสถานบริการอาบน้ำ นวดอบ
ธุรกิจปัจจุบันทำโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ซึ่งผ่องผ่ายโอนหุ้นให้ลูก 4 คนไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลธุรกิจของ นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎฺ์ บุตรชายนายชูวิทย์มารายงานแล้วว่ามีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นรวม 10 บริษัทในกิจการหลายพันล้านของครอบครัว โดยมีบุตรนายชูวิทย์อีก 3 คนร่วมถือหุ้นด้วย
ล่าสุดพบว่า บุตรชายและบุตรสาวของนายชูวิทย์รวม 4 คน นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ มีชื่อถือหุ้นและหรือเป็นกรรมการ 9 บริษัท ได้แก่ บริษัท ต้นตระกูล จำกัด บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด บริษัท เดวิส 24 จำกัด บริษัท เทนธ์ อเวนิว จำกัด บริษัท สเปเชียล รีโคฟเวอรี่ จำกัด บริษัท ซัมติง เบฟเวอเรจ จำกัด บริษัท มารีนาโฮม จำกัด และ บริษัท ทีเค กอล์ฟ จำกัด
2 บริษัทหลังเพิ่งก่อตั้งไม่นาน บริษัท มารีนาโฮม จำกัด จดทเบียนวันที่ 23 มี.ค. 2565 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบการขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ ที่ตั้งเลขที่ 88 ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร บริษัท ทีเค กอล์ฟ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ทุน 1 ล้านบาท กิจกรรมด้านสโมสรกีฬา ที่ตั้งเลขที่เดียวกัน
@ ษิทรา เบี้ยบังเกิด
ขณะที่ฝั่งนายษิทรา จากการตรวจสอบพบเป็นกรรมการ 4 บริษัท เลิกดำเนินการแล้ว 3 บริษัท บริษัทที่ยังเปิดดำเนินการแห่งเดียว คือ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท วิสดอม ลอว์ เฟิร์ม จำกัด) จดทะเบียนวันที่ 25 ก.ย.2561 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและธุรกิจ ที่ตั้งเลขที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 24 ห้อง 2409 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 30 เม.ย.2565 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด คนละ 4,500 หุ้น นางสาวปิณฑิรา การิวัลย์ 1,000 หุ้น รวมทั้งหมด 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
นำส่งงบการเงินรอบปีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2564 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 1,807,017.91 บาท กำไรสุทธิ 412,502.88 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 118,991.58 บาท หนี้สิน 363,800 บาท ขาดทุนสะสม 494,808.42 บาท
กิจการที่เลิกดำเนินการแล้ว ได้แก่
1.บริษัท มอนสเตอร์บายส์ จำกัด จดทะเบียน 21 ม.ค. 2565 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจำหน่ายบัตรที่พัก บัตรร้านอาหารและบริการอื่นๆ ที่ตั้ง 53/294 หมู่ 1 ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเมื่อ 23 พ.ย. 2565
2.บริษัท อเมทิส สกินแคร์ จำกัด จดทะเบียน 5 มี.ค. 2555 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าเครื่องสำอางอุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้เสริมความงาม ที่ตั้ง 67/4 หมู่ 3 ถนนเศรษฐกิจ ตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบริษัทร้างซึ่งนายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเมื่อ 9 มิ.ย. 2560
3.บริษัท เอสที.อินเตอร์ 2016 จำกัด จดทะเบียน 13 ม.ค.2559 ทุน 1 ล้าน ประกอบกิจการโรงแรม ที่ตั้ง 67/4 หมู่ 3 ตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบริษัทร้างและสิ้นสภาพนิติบุคคลตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนตามความในมาตรา 1273/3 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อ 17 ส.ค. 2564
ทั้งหมดเป็นข้อมูลธุรกิจของสองคนดังซึ่งวันนี้ซัดกันนัวเนียจนเป็นคดีความ ต่างฝ่างต่างมีช่องทางในการเคลื่อนไหว สื่อสาร มีฐานแฟนคลับในโลกออนไลน์จำนวนมาก ชักธงเชียร์
คนหนึ่งเล่นบท ‘ตรวจสอบ’ อีกคนเล่นบท ‘ตรวจสอบคนตรวจสอบ’
อยู่ที่ว่า บทบาทของเขาทั้งสอง ตรงกับ ‘จริต’ ใครมากกว่ากัน?