ผอ.สนง.ชลประทานรังสิตเหนือ มอบอำนาจ จนท.เข้าแจ้งความสถานี ตร. 2 ท้องที่ ดำเนินคดีกับชาวบ้าน 35 ราย ฐานขุดลอก ถมดิน ทำทางเชื่อมเข้าออก-ปลูกโรงเรือนทับร่องน้ำสาธารณะ บ้านหัวถนน ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี หลังแจ้งให้แก้ไขรื้อถอนใน 30 วันแล้วไม่เป็นผล ทำตาม กม.
จากกรณีที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากกรณีร่องน้ำสาธารณะริมถนนทางหลวงชนบท ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านหัวถนน ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี (บ้านคลอง 33 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อ ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี) ถูกชาวบ้านถมดินและทิ้งวัสดุเพื่อปลูกสิ่งก่อสร้างโรงเรือน ร้านซ่อมรถและบ้านพักอาศัยในลักษณะถาวร เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับสิบปี และมีแนวโน้มถมมากขึ้นเพื่อให้เต็มพื้นที่ ทั้งที่มีประตูระบายน้ำและศาลาพัก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการปัญหาหรือดำเนินการดังกล่าว
โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ สำนักงานชลประทานที่ 11
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นายสุภชัย ยังพึ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ได้มอบอำนาจให้นายคณพศ วัตอักษร วิศวกรชลประทานปฏิบัติ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอวิหารแดง จ.สระบุรี และ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีเอาผิด บุคคล รวม 35 ราย ภายหลังที่ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการขุดลอก-ถมดิน ลงในทางน้ำชลประทานเพื่อทำทางเชื่อมเข้าออก และปลูกสร้างโรงเรือนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ตำบลหนองหมู อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี
เบื้องต้นได้มีการหารือทำความเข้าใจและปิดประกาศโครงการฯแจ้งให้เจ้าของหรือผู้กระทำได้รับทราบและแก้ไขภายใน 30 วันซึ่งครบกำหนดเวลาแล้ว แต่ยังไม่มีการรื้อถอนหรือแก้ไข จึงเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรหนองเสือและสถานีตำรวจภูธรวิหารแดงตามกฎหมาย พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง ปี 2485 มาตรา 23, 25, 30 ประกอบมาตรา 37
นายคณพศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรหนองเสือ จำนวน 17 ราย และสถานีตำรวจวิหารแดง 18 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ