ประชาคมสนามบินน้ำยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ นนทบุรี ค้านสร้างสะพานข้ามเจ้าพระยา อ้างใช้งบไม่คุ้มค่า-ก่อมลภาวะ กระทบคุณภาพชีวิต 500,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2565 นายวันชัย เกียรติสุวรรณ ประธานประชาคมสนามบินน้ำและคณะกรรมการ ได้ยื่นหนังสือคัดค้านโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี ต่อนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการนนทบุรี เนื่องจากประชาชนประมาณ 500,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด ใน 5 ตำบลคือ ท่าทราย บางกระสอ ไทรม้า ท่าอิฐ อ้อมเกร็ด ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหามลภาวะและกระทบต่อคุณภาพชีวิต จากเดิมที่เป็นชุมชนเก่าแก่ สะอาดและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขตามวิถีชุมชน ซึ่งในปัจจุบันมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีโรงเรียน ตลาด ศาสนสถาน เช่น วัดตำหนักใต้เก่าแก่นับร้อยปี วัดชมภูเวก มีประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าเคียงคู่กับจังหวัดนนทบุรีมาอย่างยาวนาน
นายวันชัย เกียรติสุวรรณ ประธานประชาคมสนามบินน้ำ กล่าวว่า โครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนสนามบินน้ำไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ กล่าวคือ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการจราจรตามแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดนนทบุรี แต่กลับสร้างปัญหาทำให้การจราจรติดขัดบริเวณแยกสนามบินน้ำเพิ่มขึ้น และในปัจจุบันมีระบบขนส่งมวลระบบรางคือ รถไฟฟ้า อำนวยความสะดวกในการสัญจรของประชาชนในจังหวัดนนทบุรีและปริมณฑล สามารถช่วยลดการสัญจรโดยใช้รถยนต์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะต้นเหตุของปัญหาภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและก่อให้เกิดภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหวที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังใช้งบประมาณจากเงินกู้ของภาครัฐไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจในขณะที่รัฐบาลมีหนี้สินที่ต้องชำระคืนในอนาคตมหาศาล และในปัจจุบันยังต้องแบกรับใช้จ่ายดูแลสุขภาพของประชาชนด้านโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและกระทบด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนว่างงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องใช้เงินอีกนับหลายแสนล้านบาท
อีกทั้งยังได้ส่งผลกระทบด้านสังคม ประชาชนบางส่วนต้องถูกเวนคืนที่อยู่อาศัย ครอบครัวชุมชน ที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่นสมานฉันท์จะต้องได้รับความเดือดร้อนในระหว่างการก่อสร้างสะพาน หลังสะพานสร้างเสร็จมีรถวิ่งผ่านล้วนก่อให้เกิดปัญหามลภาวะทั้งสิ้น คุณภาพชีวิตของประชาคม 2 อำเภอ 5 ตำบล ตลอดเส้นทางลดต่ำลง เมื่อเกิดมลภาวะทางอากาศย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนกว่า 500,000 คน ตลอดเส้นทาง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพ มีภาระค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น คนจนจะจนยิ่งขึ้น จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตความสุขของประชาคม คุณค่าของโบราณสถาน ที่มีประวัติศาสตร์นับร้อยปี ฯลฯ รัฐบาลจึงควรพิจารณายกเลิกโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี
โดยหนังสือเรียกร้องดังกล่าวระบุว่า ด้วยกรมทางหลวงชนบทมีโครงการจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนสนามบินน้ำ จากฝั่งชุมชนสนามบินน้ำ อำเภอเมืองนนทบุรี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด ผ่านตำบลท่าอิฐไปสิ้นสุดที่ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งจะทำให้ราษฎรในชุมชนสนามบินน้ำเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
พวกเรากลุ่มประชาคมสนามบินน้ำ จึงไม่เห็นด้วยในการก่อสร้างสะพานสนามบินน้ำ ด้วยเหตุผลการสร้างสะพานไม่ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างแท้จริง ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตามแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดนนทบุรี แต่กลับสร้างปัญหาจราจรติดขัดบริเวณแยกสนามบินน้ำเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันระบบขนส่งมวลชน ระบบรางคือรถไฟฟ้ามีถึง 2 สาย คือ สายสีม่วงที่เปิดดำเนินการแล้วกับสายสีชมพูที่กำลังก่อสร้างและกำลังจะเปิดดำเนินการใช้ในปี 2566 ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐท้องถิ่นแก้ปัญหาไม่ตรงจุด สภาพการจราจรภายในเขตอำเภอเมืองนนทบุรีแออัดอยู่แล้ว
และมีสะพานหลักคือ สะพานพระนั่งเกล้า 2 สะพาน (เท่ากับเป็นสะพานสนามบินน้ำได้) สะพานพระนั่งเกล้า หากข้ามจากฝั่งตะวันตกเลี้ยวซ้ายเข้าผ่านกระทรวงพาณิชย์ถึงโค้งสนามบินน้ำ มีระยะห่างจากสะพานพระนั่งเกล้า 1.5 กิโลเมตร ถ้าเลี้ยวขวาไปทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าระยะห่างถึงสะพานเจษฎาบดินทร์เพียงประมาณ 1.5 กิโลเมตรเช่นกัน
ถ้านับจากสะพานเจษฎาบดินทร์ไปสะพานพระราม 5 จะมีระยะห่างประมาณ 4.5 กิโลเมตร ซึ่งทุกสะพานที่ข้ามจากฝั่งตะวันตกมารถ ก็จะมาถูกกองไว้ที่แยกแคลาย และแยกหัวถนนติวานนท์ ใกล้ห้าง BIG C ติวานนท์ เข้าถนนวงศ์สว่างเบี่ยงซ้ายออกถนนรัชดาภิเษกไปรัชโยธิน ถ้าจากแยกแคลายก็จะข้าไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และถนนวิภาวดีรังสิต เป็นแบบนี้ทุก ๆ วัน
การสร้างสะพานสนามบินน้ำก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาจราจร มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายรากเหง้าวิถีชีวิตชุมชนอันเก่าแก่ เช่น วัดตำหนักใต้ วัดชมภูเวก ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ถ้าสร้างสะพานต้องใช้งบประมาณลงทุนเกือบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในการสร้างสะพานเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรได้ตามข้อกล่าวอ้างของหน่วยงานรัฐ
ในสภาวการณ์ปัจจุบัน สถานะของประเทศอยู่ในภาวะที่จะต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณด้วยความรอบคอบ เพราะนอกจากจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุข อันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนสูงเพื่อผลิตวัคซีน ดูแลผู้ป่วย และเฝ้าระวังผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
อีกทั้งรัฐบาลยังต้องให้ความเป็นห่วงผู้มีรายได้น้อยโดยการเยียวยา ด้านเศรษฐกิจของครอบครัว และกระจายให้ทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และจะต้องเตรียมงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาในระยะต่อไปเพื่อฟื้นฟูประเทศ รวมไปถึงภาระหนี้ของประเทศ
การนำงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่ว่าจะได้จากงบประมาณแผ่นดิน หรือกู้ยืมจากแหล่งเงินต่าง ๆ เพื่อมาลงทุนในโครงการ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ
โดยเฉพาะโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี ใช้เงินลงทุนสูงประมาณเกือบ 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาท) ในขณะที่ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในการแก้ไขปัญหาระบบการจราจรขาดความชัดเจน ประกอบกับมีการขยายถนนและเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าวหลายสายแล้ว
จึงรียนมาเพื่อโปรดพิจารณายกเลิกโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี และถอดโครงการออกจากแผนแม่บทฯ ด้วย