ข้าราชการ อว.ร้อง 'อิศรา' กระทรวงตั้งเกณฑ์การบริหารเลื่อนเงินเดือน รอบ 2/2564 ไม่เป็นธรรม พบ ระดับผู้บริหารไม่ถูกตัดเงินเข้าส่วนกลาง แต่ข้าราชการชั้นผู้น้อยถูกตัดเหลือ 2.85% ทั้งที่จำนวนบุคลากรมากกว่า-เงินเดือนน้อย ด้าน 'ศุภชัย ปทุมนากุล' รองปลัด อว. เผยกระทรวงรับทราบเรื่องและชี้แจงบุคลากรเป็นการภายในแล้ว ล่าสุด ปลัดกระทรวงสั่งระดับผู้บริหารเสียสละ ตัดเงินเหมือนกลุ่มอื่น - ห้ามจัดสรรหรือประเมินกลับให้ตัวเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่กระทรวงออกประกาศ เกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารวงเงินการเลื่อนเงินเดือน รอบการประเมินที่ 2 ปีงบประมาณ 2564 โดยพบว่า การแบ่งกลุ่มข้าราชการเพื่อใช้ในการเลื่อนเงินเดือน และกำหนดสัดส่วนการจัดสรรวงเงินเพื่อใช้ในการเลื่อนเงินเพื่อบริหารแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการบริหาร
โดยประกาศ อว. เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารวงเงินการเลื่อนเงินเดือน รอบการประเมินที่ 2 ปีงบประมาณ 2564 ลงวันที่ 9 ส.ค.2564 ระบุว่า เพื่อให้การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญในสำนักงานรัฐมนตรี และ สป.อว.เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ให้แบ่งกลุ่มข้าราชการในการเลื่อนเงินเดือน ดังนี้
1.กลุ่มประเภทบริหาร ได้แก่ รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง
2.กลุ่มประเภทอำนยการ ได้แก่ ผู้อำนวยการกอง อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ
3.กลุ่มประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญ ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญ และอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ
4.กลุ่มภารกิจขับเคลื่อน อววน. ได้แก่ ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ชำนาญการ ปฏิบัติการ และประเภททั่วไป ระดับอาวุโส ชำนาญงาน ปฏิบัติงาน ในหน่วยงาน ดังนี้ กองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม , กองยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา , กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม , กองส่งเสริมและพัฒนากำลังคน , กองส่งเสริมและพัฒนาทุนทางปัญญา
5.กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และสนับสนุนการขับเคลื่อน อววน. ได้แก่ ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ชำนาญการ ปฏิบัติการ และประเภททั่วไป ระดับอาวุโส ชำนาญงาน ปฏิบัติงาน ในหน่วยงาน ดังนี้ กองกลาง , กองกฎหมาย , กองการต่างประเทศ , กองยุทธศาสตร์และแผนงาน , กองระบบและบริหารข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม , กลุ่มตรวจสอบภายใน , กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร , ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
6.กลุ่มสำนักงานรัฐมนตรี ได้แก่ ข้าราชการในสำนักงานรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังกำหนดให้การจัดสรรวงเงินการเลื่อนเงินเดือน 3% ของอัตราเงินเดือนข้าราชการสำนักงานรัฐมนตรี และ สป.อว. ณ วันที่ 1 ก.ย. 2564 จัดสรร วงเงิน ดังนี้
1.กลุ่มประเภทบริหาร จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 3% และไม่ต้องกันไว้บริหารส่วนกลาง
2. กลุ่มประเภทอำนวยการ จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 2.95% และกันไว้บริหารส่วนกลาง 0.05%
3.กลุ่มประเภททรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญ จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 2.95% และกันไว้บริหารส่วนกลาง 0.05%
4.กลุ่มภารกิจขับเคลื่อน อววน. จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 2.85% และกันไว้บริหารส่วนกลาง 0.05% และกันไว้บริหารส่วนกลางรายหน่วยงาน 0.1%
5.กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และสนับสนุนการขับเคลื่อน อววน. จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 2.85% และกันไว้บริหารส่วนกลาง 0.05% และกันไว้บริหารส่วนกลางรายหน่วยงาน 0.1%
6.กลุ่มสำนักงานรัฐมนตรี จัดสรรวงเงินเพื่อบริหารภายในกลุ่ม 2.95% และกันไว้บริหารส่วนกลาง 0.05%
สำหรับวงเงินที่กันไว้บริหารส่วนกลางรายบุคคล 0.05% กำหนดให้จัดสรรให้กับข้าราชการที่ปฏิบัติงานตามนโยบายที่สำคัญของ สป.อว. หรือตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนวงเงินสำหรับกันไว้บริหารส่วนกลาง ให้จัดสรรตามผลการปฏิบัติงานหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจเป็นพิเศษ
อ่านรายละเอียด : http://www.personnel.ops.go.th/main/images/BRN3C2AF4EEDE51_002453.pdf
ทั้งนี้ หนึ่งในข้อร้องเรียนของข้าราชการ สป.อว.เห็นว่า การแบ่งประเภทการเลื่อนเงินเดือนเป็น 6 กลุ่ม และแบ่งกรอบวงเงินตามกลุ่มประเภทตำแหน่งและระดับ อาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการบริหารวงเงินแต่ละกลุ่มประเภทตำแหน่ง อาทิ กลุ่มผู้บริหาร ที่กำหนดจัดสรรวงเงินภายในกลุ่มไว้ที่ 3% โดยไม่มีการกันไว้บริหารส่วนกลาง ขณะที่ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่อยู่ในกลุ่มอื่นๆ ถูกจัดสรรไว้ที่ 2.85 % ทั้งที่มีจำนวนบุคลากรมากกว่า และได้รับเงินเดือนน้อยกว่าระดับผู้บริหาร เช่นเดียวกับการกำหนดวงเงินที่ถูกกันไว้เพื่อบริหารส่วนกลาง ซึ่งผู้บริหารจะต้องเป็นผู้พิจารณาจัดสรรให้กับบุคลากรที่มีผลงานดีนั้น ในข้อเท็จจริงข้าราชการมีจำนวนเกือบ 500 คน ผู้บริหารอาจจะไม่รู้จักทั้งหมด และอาจพิจารณาให้เฉพาะบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดเท่านั้น
รวมถึงการกำหนดโควตาหรือสัดส่วนข้าราชการที่จะได้รับผลการประเมินในระดับดีเด่น ไว้ไม่เกิน 45% ของจำนวนข้าราชการ อาจขัดต่อกฎ ก.พ.ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ.2552 และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2552 ที่ได้มีการยกเลิกการกำหนดโควตาไปก่อนหน้านี้
นายศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และได้มีการชี้แจงเป็นการภายในกับข้าราชการไปแล้ว เช่น การแบ่งกลุ่มข้าราชการเป็น 6 กลุ่มเป็นไปตามหลักการที่หลายหน่วยงานใช้วิธีการแบบเดียวกันอยู่แล้ว
ส่วนการกันเงินไว้บริหารส่วนกลาง 0.05% เพื่อจัดสรรให้กับบุคลากรที่มีผลงานดีเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทุกหน่วยงานก็ทำกันแบบนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ร้องเรียนคงจะเข้าใจผิด โดยเหตุผลที่กลุ่มประเภทบริหาร ไม่ถูกตัดวงเงินเหมือนกลุ่มอื่น เพราะเราไม่อยากให้เอาเปรียบกลุ่มอื่น เนื่องจากการกันเงินไว้บริหารส่วนกลาง ผู้บริหารก็จะเป็นคนพิจารณาว่าจะจัดสรรให้กับใคร และเราก็กลัวว่าจะมีข้อครหาว่า จะมีการพิจารณาเพิ่มเงินให้กับตัวเอง
นายศุภชัย กล่าวย้ำว่า อย่างไรก็ตาม ตอนหลังเมื่อรู้ว่ามีคนเข้าใจผิด ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ได้สั่งการให้มีการจัดสรรวงเงินของกลุ่มประเภทบริหารใหม่ โดยให้ตัด 0.05% เพื่อกันไว้บริหารส่วนกลางเหมือนกลุ่มอื่น และเป็นที่ตกลงกันว่า เงินส่วนนี้จะไม่นำมาพิจารณาเพิ่มให้กับกลุ่มประเภทบริหาร เพื่อไม่ให้มีปัญหา และเป็นการเสียสละของข้าราชการในกลุ่มนี้
รองปลัด อว. ยังชี้แจง ถึงการจัดสรรเงินของกลุ่มภารกิจขับเคลื่อน อววน. และ กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และสนับสนุนการขับเคลื่อน อววน. ที่ต้องถูกกันเงินไว้บริหารส่วนกลางรายหน่วยงานอีก 0.1% ว่า เป็นการหักเงินเข้ากองกลางของหน่วยงานตัวเอง เพื่อให้ผู้บริหารนำไปพิจารณาให้กับหน่วยงานที่ทำงานเป็นทีม หรือทำผลงานได้ดี ซึ่งบางหน่วยงานอาจจะได้คืนมากกว่าที่ถูกหักไปด้วย
เมื่อถามว่า ข้าราชการที่ทำงานใกล้ชิดผู้บริหารจะได้รับการประเมินผลงานดีกว่าข้าราชการรายอื่นหรือไม่ นายศุภชัย ตอบว่า เราไม่ได้มองอย่างนั้นว่าใครทำงานใกล้ชิดผู้บริหารแล้วจะได้ผลการประเมินที่ดี เพราะการประเมินทั้งหมดจะเป็นไปตามตัวชี้วัดที่มีการกำหนดไว้อยู๋แล้ว ซึ่งผู้บริหารหรือผู้อำนวยการ กอง. ก็จะมีการพิจารณาไปตามระบบที่มีตัวชี้วัดชัดเจน
"ผมเข้าใจว่าน้องๆ คงจะเข้าใจผิด และก่อนหน้านี้เราก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งท่านปลัดกระทรวง อว.ให้นโยบายเรามาชัดเจนว่า การหักเงินบริหารไว้ส่วนกลาง 0.05% ของทุกกลุ่ม จะต้องไม่นำมาจัดสรรให้กลุ่มประเภทบริหาร” นายศุภชัย กล่าว
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดโควตาผู้ที่ได้รับการประเมินในระดับดีเด่นไว้ไม่เกิน 45% นายศุภชัย ยืนยันว่า ไม่ใช่การกำหนดโควตาตายตัว แต่เป็นไกด์ไลน์ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาว่า น่าจะอยู่ในสัดส่วนประมาณนี้ ซึ่งหน่วยงานอาจจะพิจารณาจำนวนผู้ที่มีผลงานดีเด่นมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันในแต่ละกอง เพราะหากมีบางกองงานประเมินให้บุคลากรได้ดีเด่นเยอะๆ ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับการดึงเงินจากกองอื่นมาเพื่อจัดสรรอีก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/