'ชลน่าน ศรีแก้ว' เผยกรณี 'แพทองธาร ชินวัตร' เสนอชื่อ 'เศรษฐา ทวีสิน' นั่งนายก หากโหวต 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ไม่ผ่าน เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรคเพื่อไทย ลั่นหากได้ตั้งรัฐบาลจ่อแก้ MOU เพิ่มเสียงพรรคที่ 9-10
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังการประชุมวิปรัฐสภา เกี่ยวกับญัตติในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 19 ก.ค. 2566
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ผลการประชุมหารือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ มีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่ 1 นำกฎหมายมาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้นำข้อเท็จจริงและเหตุผลอื่นว่าจะโหวตได้หรือไม่ได้ ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ไม่เห็นชอบข้อบังคับที่ 41 ของที่ประชุมรัฐสภาที่ระบุว่าญัตติใดที่ตกไปแล้วห้ามนำมาเสนอซ้ำ เว้นแต่ประธานสภาฯ อนุญาต เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป และอีกฝั่งหนึ่งก็เห็นว่าเป็นการนำเสนอตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งเป็นเรื่องลักษณะเฉพาะ ฉะนั้นจะนำข้อบังคับข้อ 41 มาใช้ไม่ได้ ที่ประชุมในวันนี้พยายามหาทางออก สุดท้ายจึงขอให้ประธานสภาฯช่วยวินนิจฉัย หากมีการเสนอจะมีการลงมติอย่างไร ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบก็เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และโหวตต่อได้ แต่หากที่ประชุมไม่เห็นชอบ การโหวตชื่อ นายพิธา ก็จะถูกตีตก
นพ. ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนที่ทางพรรคก้าวไกลระบุว่าจะได้เห็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการโหวตนายพิธา ครั้งที่ 2 นพ.ชลน่าน ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ถือเป็นมติร่วมกันของทั้ง 8 พรรค แต่เป็นข้อหารือร่วม แต่ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ก็เห็นตรงกันว่าการเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จึงถือว่าเป็นนัยสำคัญ ส่วนที่มีการยกตัวอย่าง 344-345 เป็นการคำนวณแบบเร็ว ๆ สุดท้ายมองว่าตัวเลขที่สอดคล้องกับ 10% คือ 356 เสียง หรือถ้ามากกว่า 10% จะเป็น 360 เสียงก็ได้ ซึ่งใช้เป็นเงื่อนไขในหลักการพูดคุยกัน แม้พรรคก้าวไกลจะได้คะแนนโหวตไม่ถึง พรรคเพื่อไทยยังให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่ง หากพรรคแกนนำยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการจะไปออกตัวไม่ได้ เป็นข้อที่ควรระวัง ตามที่นายพิธา แถลงว่า หากทำสุดความสามารถ ก็จะแถลงเปิดทางเพื่อประชาชน ถอยให้พรรคอันดับ 2 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคก้าวไกลยอมถอย พรรคเพื่อไทยจะใช้เวลานานเท่าใดในการหาเสียงสนับสนุน นพ.ชลน่าน ตอบว่า พรรคเพื่อไทยพร้อม แต่ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาภายในพรรคก่อน เพื่อเตรียมเสนอในสภา ที่สำคัญหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลายเรื่องอาจจะต้องเปลี่ยนแปลง เช่น ข้อตกลงใน MOU เดิมลงนามไว้ 8 พรรค เนื้อหาสาระจะต้องมีการเปลี่ยน แต่ก็ยังคำนึงถึงเนื้อหาโดยรวมอยู่ แต่ไม่ได้ยกเลิก และสิทธิในการเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็จะต้องพูดคุยใน 8 พรรค เช่น การเติมเสียงพรรคที่ 9 และพรรคที่ 10 และกระบวนการหาเสียงกับ ส.ว. ก็ต้องใช้เวลา ซึ่งหากประธานสภาฯ มีการนัดประชุมเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์ถัดไป พรรคเพื่อไทยก็พร้อม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ถ้าโหวตนายพิธาไม่ผ่าน นพ.ชลน่าน ตอบว่า เป็นความเห็นของ น.ส.แพทองธาร เรื่องดังกล่าวยังต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง แต่ก็ต้องรอผลโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 19 ก.ค.
“ผมจะไม่พูดข้ามขั้นตอนวันที่ 19 กรกฎาคมไป เพราะต้องรักษามารยาท เดี๋ยวจะถูกหาว่าเพื่อไทยกระดี๊กระด๊า อย่างไรก็ตาม ความชอบธรรมนั้นจะต้องรอให้การแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากพรรคแกนนำอันดับ 1 ก่อน ถึงจะมีความชอบธรรมในการดำเนินการทุกอย่างได้ ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยวันนี้จะไม่มีการบอกว่าเสนอชื่อใครไปแข่ง แต่เป็นกระบวนการภายในที่เตรียมพร้อมไว้เท่านั้น ฉะนั้นผลการประชุมจะไม่มาแถลงเพราะต้องรอวันที่ 19 ก.ค.และรอแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล” นพ.ชลน่านกล่าว