พรรคเพื่อไทยจัดประชุมเสริมศักยภาพบุคลากรทางการเมือง ด้าน ส.ส. บางส่วนค้านไม่ควรยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคก้าวไกล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2566 พรรคเพื่อไทยจัดประชุมโครงการเสริมศักยภาพ ส.ส.และบุคลากรทางการเมือง นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งสิ้น 141 คน เข้าร่วมกิจกรรม
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคต้องขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ไว้ใจให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและเลือก ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณและให้กำลังใจ ส.ส. ทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักจนได้รับการเลือกตั้งมาจากพี่น้องประชาชน
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.อย่างยิ่ง เราเห็นตรงกันว่า การเป็นผู้แทนราษฎรมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อให้มีการตอบสนองการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการเป็น ส.ส. ในครั้งนี้ ทั้งในมิติของการเป็น ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นฝ่ายบริหาร การทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะเกี่ยวพันทั้งการตรากฎหมาย การตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ไปจนถึงการทำหน้าที่สำคัญในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
“ดังนั้นหน้าที่ของ ส.ส. พรรคเพื่อไทยจึงเชื่อมโยงกับการดูแลพี่น้องประชาชนในหลายมิติ พรรคเพื่อไทย ยึดมั่นการทำงานกับพี่น้องประชาชนมาตลอด ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อม เสริมศักยภาพให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อให้เป็นที่พึ่งที่หวังในการทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะให้ ส.ส.ของพรรคทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกด้านตามวิถีของประชาธิปไตย และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการส่งเสริมให้พรรคเพื่อไทยดำรงความเป็นสถาบันการเมือง และเสริมสร้างประชาธิปไตยให้ยิ่งใหญ่” นายแพทย์ชลน่านกล่าว
จากนั้นพรรคเพื่อไทยได้เปิดเวที 'เพื่อไทยเปิดใจเพื่ออนาคตไทย' รับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ความหวังและจุดมุ่งหมายในการเป็น ส.ส. รวมไปถึงความเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาล โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวนำเปิดเวทีพร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค รวมทั้งการเจรจากับพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปโดยลำดับ
นอกจากนี้มีว่าที่ ส.ส. ลุกขึ้นแสดงความเห็นต่อประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ จำนวนหลายสิบราย โดยเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. 141 คนของพรรคต่างมีความเห็นว่า ตำแหน่งดังกล่าวควรอยู่ที่พรรคเพื่อไทย และไม่ควรยกให้พรรคก้าวไกล เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. น้อยกว่าพรรคก้าวไกลเพียง 10 ที่นั่ง ดังนั้นควรแบ่งตำแหน่งประมุขให้ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อการถ่วงดุลในการทำงาน ทั้งยังระบุอีกว่าการเจรจาและการให้ข่าวใด ๆ ควรแจ้ง ส.ส. ก่อน
อย่างไรก็ตามการให้ ส.ส. แสดงความคิดเห็นไม่มีข้อสรุปใด ๆ เนื่องจากเป็นเพียงการเปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็น