ผบช.สตม.ยืนยันหาก 'ทักษิณ' กลับไทย ต้องปฏิบัติตามขั้นตอน มีแนวทางวางไว้เหมือนเหมือนบุคคลมีหมายจับทั่วไป แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสาน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2566 พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. เผยถึงกรณีกระแสข่าวการกลับประเทศไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า หากจะมีการกลับเข้ามาประเทศไทย ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต้องมีการเตรียมการ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้รับการประสานในเรื่องดังกล่าว ทราบข้อมูลผ่านทางสื่อมวลชนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนแนวทางการปฏิบัติหากมีการกลับเข้าประเทศไทยจริงๆยืนยันว่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่มีแนวทางวางเอาไว้เหมือนกับผู้ต้องหาตามหมายจับทั่วไป ซึ่งหากสตม.ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน อาจจะเป็นที่ครหาของสังคมได้
นอกจากนี้ทางผบช.สตม.ยังกล่าวถึง กรณีหลักสูตรกอส.ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่า ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีข้าราชการตำรวจที่ผ่านหลักสูตรการอมรม กอส. มาปฏิบัติหน้าที่แต่ยังไม่ได้สำรวจว่ามีกี่นาย ซึ่งข้าราชการตำรวจก็มีทั้งปฏิบัติหน้าที่ดีและไม่ดี ซึ่งตัวหลักสูตรกับตัวบุคคลแยกออกจากกัน ไม่จำเป็นว่าคนทำผิดแล้วหลักสูตรหรือสถาบันจบมาจะต้องไม่ดีตามไปด้วย ทั้งหมดเป็นเรื่องของตัวบุคคล
ทั้งนี้ในหน่วยงานมีสายบังคับบัญชาอยู่แล้ว ซึ่งผู้บังคับบัญชาควรที่จะสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา หากพบว่ามีตำรวจกระทำผิดก็จะมีระเบียบกฎหมายในการควบคุมผู้บังคับบัญชา ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับหลักสูตร ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ส่วนใครทำดีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีโครงการชมเชยและมอบรางวัลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพร้อมปฎิบัติตามนโยบายในการปราบปรามสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามากระทำความผิดในไทยและใช้ไทยเป็นที่กระทำผิด โดยในรอบ 2ปี ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากตำรวจในสังกัดอย่างดีตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับผู้บังคับบัญชามีการทำงานเป็นหนึ่งเดียว และสตม.มีความเข้มตามนโยบายตลอด ซึ่งข้าราชการตำรวจในสังกัดสตม.คนใดที่ทำผิดก็ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่ออยู่แล้ว จะได้มีดำเนินการตามระเบียบการปกครอง ทั้งนี้อยากฝากไปยังข้าราชการตำรวจสตม.ทุกนายว่า ทำงานดีอยู่แล้ว ขอให้ทำงานดีต่อไปให้มีผลการจับกุมเป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้สตม.เป็นหน่วยงานที่มีเกียรติและมีคุณค่าในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป