พรรคเพื่อไทยเปิดนโยบาย ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส’ ดันรัฐวิสาหกิจ-หน่วยงานรัฐ สนับสนุนกีฬาต่อเนื่อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566 นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายกีฬา พรรคเพื่อไทย ร่วมกับ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา และนายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช แถลงข่าวนโยบาย ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส’ ณ ห้องแถลงข่าวที่ทำการพรรคเพื่อไทย
นายพิมล กล่าวว่าในปัจจุบันวงการกีฬาไทยต้องเผชิญกับยุคมืด อยู่ในจุดตกต่ำของวงการกีฬาไทย เนื่องจากภาครัฐไม่มีความเข้าใจ ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐทำให้นักกีฬาไทยไม่ได้รับการอุดหนุนในการแข่งขันระดับโลกอีกต่อไป นโยบายนี้เดิมทีมาจากโครงการ ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ’ ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2544-2549 ที่มีการมอบหมายให้กระทรวงการคลังกําหนดนโยบายให้รัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการดี หันมาสนับสนุนงบประมาณให้กีฬาสากลที่มีความหวังจะสร้างผลงานในการแข่งขันระดับนานาชาติ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
แต่หลังจากการรัฐประหารปี พ.ศ. 2549 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยต่างๆ ได้ทยอยถูกยกเลิกเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือเพียงสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ที่ยังได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทำให้โครงการ ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ’ ถูกล้มเลิกไป นโยบายนี้ดำเนินอยู่บนหลักการว่าด้วยกีฬานั้นมีความสําคัญในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
อย่างไรก็ดี นักกีฬาในระดับ ‘เป็นเลิศ’ ใน ประเทศไทยแม้มีศักยภาพ แต่ยังขาดการสนับสนุน โดยเฉพาะการสนับสนุนในด้านงบประมาณเพื่อนําไปใช้พัฒนานักกีฬาให้สร้างผลงานในการแข่งขันระดับนานาชาติ แม้ว่าภาครัฐจะมีงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และกองทุนพัฒนากีฬา แต่งบประมาณดังกล่าวมีขีดจํากัดในการใช้ และมีการจัดสรรงบฯ เป็นลักษณะปีต่อปี ทําให้สมาคมกีฬาไม่สามารถวางแผนในระยะยาวได้
ดังนั้นหลักการของโครงการ ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส’ คือ ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจรวมไปถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่มีกำไรสุทธิในแต่ละปีมากพอให้สนับสนุนกีฬาได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีกำไรในปี 2565 11,093 ล้านบาท โดยมีการวางแผนระยะยาว 4 ปี มีเป้าหมายให้กีฬาต่าง ๆ ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ พร้อมกับสร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนชาวไทยในระดับนานาชาติ อาทิ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ และอื่นๆ
มีการดำเนินตามกรอบแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ มีมาตราฐานการตรวจสอบและวัดผลที่ชัดเจน ภายในระยะเวลาหลังพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลและกำกับดูแลกระทรวงการคลัง จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุด และดําเนินการตามนโยบายเสร็จสิ้นภายใน 100 วัน ทั้งหมดเพื่อฟื้นฟูยุคทองของกีฬาไทยให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ให้นักกีฬาไทยได้ไปไกลในระดับสากล มีโอกาสคว้าเหรียญทองในโอลิมปิก เอเชียนเกมส์และซีเกมส์ ภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย