‘พปชร.’ ประกาศนโยบาย ‘ลดราคาแก๊สเพื่อประชาชน’ หั่นราคาก๊าซหุงต้มเหลือ 250 บาท/ถัง ดึงเงิน ‘ส่วนแบ่งปิโตรเลียม’ 2.4 หมื่น อุดหนุน 'มิ่งขวัญ' ชี้เปิดตัวนโยบาย 'พล.อ.ประวิตร' อนุญาตแล้ว
.......................................
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงเปิดตัว ‘นโยบายลดราคาแก๊สเพื่อประชาชน’ โดยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานโยบาย พปชร. ระบุว่า เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยได้รับความสุข ความเป็นธรรม และเกิดความโปร่งใสเป็นการใช้งบประมาณรายได้ของรัฐให้ถูกที่ถูกทาง พปชร.จึงมีนโยบายลดราคาแก๊สเพื่อประชาชน โดยให้คนไทยได้ใช้แก๊สในราคา 250 บาทต่อถัง จากปัจจุบันที่ราคาอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง หรือลดลง 173 บาทต่อถัง
"เราจะใช้งบอุดหนุน 24,000 ล้านบาท ที่เรากล้าพูด เพราะต้องทำได้ เนื่องจากข้อมูลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ประกาศระบบสัมปทานใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จากระบบสัมปทานสู่ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตนั้น ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับลดราคาลงจาก 279-324 ต่อล้านบีทียู เหลือ 172 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งจะทำให้รายได้กลับคืนสู่ภาครัฐมากขึ้นกว่าเดิม 24,000 ล้านบาทต่อปี นี่คือตัวเลขที่เราจะนำมาใช้อุดหนุนเพื่อลดราคาแก๊ส ทั้งนี้ หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลด้านพลังงานทั้งหมด ทั้งก๊าซและน้ำมัน รวมถึงไฟฟ้า คู่ขนานไปด้วย” นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ ระบุว่า ตนได้รับอนุญาตจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ให้มาแถลงข่าวนี้ เนื่องจากราคาพลังงานไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนของพรรค พปชร. ที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพราะเราเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของคนไทยทั้งประเทศ และเมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 จะต้องไฟเขียวนโยบายดังกล่าวแน่นอน เพราะต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชน
นายมิ่งขวัญ ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาราคาแก๊สแพงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2557 หลังจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดกรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และต่อมาคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยอมให้โรงแยกแก๊สปรับราคาแอลพีจีจาก 10 บาทเป็น 15 บาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่ 2 ก.พ.2558 รัฐบาลจึงเริ่มใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุนเพื่อเข้าไปควบคุมราคาปลายทาง
ต่อมาในปี 2560 กบง.ได้เปิดเสรีธุรกิจแก๊สแอลพีจีเต็มรูปแบบ จึงทำให้ราคาต้นทางขึ้นไม่หยุด รัฐบาลต้องเอาเงินภาษีกองทุนน้ำมันจำนวนมากไปอุดหนุน ขณะที่ตั้งแต่ เม.ย.-ก.ย.2565 กองทุนน้ำมันมีหนี้มหาศาลโดยติดลบถึง 124,602 ล้านบาท รัฐบาลจึงต้องปรับราคาแก๊สหุงต้มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ทุกๆเดือน หรือ 15 บาทต่อถัง และสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเสนอแผนกู้เงิน 150,000 ล้านบาท เพื่อนำไปโปะหนี้กองทุนน้ำมันฯ จนกลายเป็นหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ราคาแก๊สหุงต้มปรับขึ้นเป็น 423 บาทต่อถัง และรัฐบาลประกาศให้ตรึงราคาแก๊สไว้ที่ราคานี้ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2566 เนื่องจากเวลานี้ใกล้การเลือกตั้ง ถ้าปล่อยให้ราคาแก๊สสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะกระทบต่อคะแนนเสียง จึงประกาศเช่นนี้ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 30 มิ.ย.2566 อย่างแน่นอน เพราะถ้าดูจากสถิติราคาแก๊สจะพุ่งสูงขึ้นถึง 513 บาทต่อถัง ซึ่งไม่ทราบว่าเวลานั้นรัฐบาลจะเป็นใคร
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงลำดับในบัญชีรายชื่อของพรรค พปชร. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครแจ้งตนในเรื่องนี้ และขึ้นอยู่กับทางพรรคว่าจะเห็นสมควรอย่างไร อย่างไรก็ดี ขออย่าดึงให้ตนไปพูดการเมือง เพราะตนจะพูดแต่เรื่องเศรษฐกิจ จนกว่าพวกเราจะมีความสุข