‘เศรษฐา’ เชื่ออดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เผยยังไม่ได้อ่านจดหมาย 'ประวิตร' แต่ชอบคำว่า 'ก้าวข้ามความขัดแย้ง'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมคณะลงพื้นที่บริเวณตลาดหน้าสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น โดยสอบถามถึงต้นทุนและการค้าและ เศรษฐกิจหลังโควิด-19 กับพ่อค้าแม่ค้าที่ในย่านดังกล่าว โดยผู้ประกอบการ ต่างบอกกับพรรคเพื่อไทยว่าเศรษฐกิจไม่ดีจึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เนี่ยเข้ามาดูเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง จากนั้นนายเศรษฐา พร้อมผู้บริหาร ส.ส.กทม. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดรับฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนเยาวชนที่เป็นนักกีฬาฟุตซอลจากโรงเรียนบางกะปิ และนักฟุตบอลทีมวังใหม่ ที่สนับสนุนโดย น.ส.นภัสสร ส.ก.เขตบางกะปิ พรรคเพื่อไทย ที่บริเวณลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจดหมายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เขียนเป็นบทสรุปในการก้าวข้ามความขัดแย้ง ว่า ตนยังไม่ได้อ่านจดหมายของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีต แต่ทางพรรคเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้งกับใคร พรรคมีความขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาคความไม่เท่าเทียม จากนี้ไปจนถึงวันยุบสภาฯ จนถึงวันเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะกลั่นนโยบายให้โดนใจประชาชนให้มาก ขณะนี้ตอนนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว ซึ่งมีเป้าหมายที่จะให้ได้เสียงแลนด์สไลด์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เป็นการจัดทำนโยบายและเผยแพร่นโยบายให้กับประชาชน
เมื่อถามว่าจดหมายของพล.อ.ประวิตรมีนัยทางการเมืองหรือไม่เพราะต้องการจะจับมือกับทุกพรรคการเมือง นายเศรษฐา ระบุว่า ตอนยังไม่ได้อ่านจดหมายของ พล.อ.ประวิตร แต่ก็ชอบคำที่ว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง
ถามว่าเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดสุดท้ายมีการอนุมัติงบฯ กว่า 1.7 แสนล้านบาทอาจมีผลซื้อใจประชาชนช่วงสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง นายเศรษฐา ระบุว่าก็ถือว่าเยอะอยู่ ทั้งนี้จะต้องดูและติดตามการบริหารจัดการ ว่า เป็น นโยบายที่ทำเพื่อ ประชาชนจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า การขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนให้กับอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นการหาเสียงหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ตนยังไม่ได้ดูตัวเลขแต่ถ้ามีการใช้จ่ายไปแล้ว ทางภาครัฐจะได้งบประมาณกลับมาอย่างไร จะมีรายได้เข้ามาอย่างไรต้องดูทั้งองค์รวม และยังพูดไม่ได้แต่ตอนนี้
ถามว่า การที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐเข้ามาสู่พรรคเพื่อไทยจะเป็นการตอกย้ำแลนด์สไลด์ 310 เสียงได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนคิดว่าอยู่ที่นโยบายที่จะมีการเผยแพร่ออกไป ในอดีต ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยพรรคพลังประชาชนจนมาถึงพรรคเพื่อไทยเราใช้นโยบายนำ เป็นนโยบายที่ทำได้จริงโดยใช้โยบายคิดใหญ่ ทำเป็น โดยจะใช้นโยบายเป็นเรื่องหลัก ส่วน ส.ส.ที่จะย้ายมาจากพรรคใดหรือ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าทุกคนมีความเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทย และช่วยให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่เราต้องการที่จะไป ก็ยินดีต้อนรับด้วย