อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนักธุรกิจรุกป่าถ้ำน้ำผุด ปี 60- สทช.พังงาเดินหน้าถอน ส.ค.1 ต่อ

Cv1111pgg

อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนักธุรกิจ บุกรุกป่าชายเลน ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา หลังถูกเอาผิดตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ปี 2560 ขณะที่ ผอ.สำนักงานบริหารทรัพยากรทะเลและชายฝั่งที่ 6 เตรียมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคัดค้าน - ขอเพิกถอน ส.ค.1 โฉนด 2 แปลง 18 ไร่ เชื่อแปลภาพถ่ายทางอากาศชี้ชัดพื้นที่อยู่ในป่าชายเลน

-----------------------------

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า มีเรื่องร้องเรียนกรณีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนกับแนวเขตป่าชายเลนสาธารณะประโยชน์ ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 18 ไร่ โดยเป็นการปิดประกาศเพื่อออกโฉนดให้กับนักธุรกิจรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายนิวัฒน์ ปิยามวานิช นอกจากนั้น เมื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังยังพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยถูกตรวจยึดเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2560 ตามนโยบายทางคืนผืนป่า โดยปรากฎชื่อของนายนิวัฒน์ อ้างสิทธิการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 23 ทำให้เจ้าหน้าที่แจ้งความคดีอาญาที่ 367/2563 ตามฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฐานบุกรุกแผ้วถางป่า และ ครอบครองพื้นที่ป่า

(อ่านประกอบ:เปิดตัวนักธุรกิจ ผู้ขอโฉนด 18 ไร่ถ้ำน้ำผุด พบเคยอ้างสิทธิ-ถูกทวงคืนผืนป่าตั้งแต่ปี 2560 )

ล่าสุด อัยการจังหวัดพังงา เผยแพร่คำวินิจฉัยอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายนิวัฒน์ ในคดีอาญาที่ 367/2563 ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ฐานบุกรุกแผ้วถางป่า และ ครอบครองพื้นที่ป่า โดยคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดระบุว่า ผู้ต้องหาซื้อขายที่ดินแปลงเกิดเหตุต่อจาก นางวรรณา ชูเพ็ชร บุตรของ นายเฉ้ง โกยกุล ผู้มีชื่อตามใบครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 23 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เนื้อที่ 30 ไร่ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2552 แล้วเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่มีสภาพเป็นป่าชายเลนมาตั้งแต่ปี 2472 ทั้งนี้เมื่อผู้ต้องหายื่นออกโฉนดที่ดินแปลงเกิดเหตุต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ก็มีการรังวัดสอบเขตที่ดินและทำบันทึกถ้อยคำรับรองที่ดินข้างเคียงไว้ กำนัน อดีต ผู้ใหญ่บ้าน และนางสุภาพร บุตรปอด เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพังงา ได้รับรองว่าพื้นที่ดังกล่าวตรงกับ ส.ค.1

ดังนั้นยอมเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาเชื่อโดยสุจริตว่าตนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงที่เกิดเหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเข้ากระทำการใดลงในที่ดิน ส่วน ส.ค.1 จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานผู้เกี่ยวข้องจะกระทำการตรวจสอบต่อไป คดีมีพยานหลักฐานไม่พอรับฟังว่าผู้ต้องหามีเจตนากระทำความผิดในคดีนี้

ขณะที่ นายประถม รัสมี ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สทช.6) ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ป่าชายเลน กล่าวว่า ในคำวินิจฉัยของอัยการสูงสูด เล็งไปที่เจตนาของผู้ครอบครอง ไม่ได้หมายว่าพื้นที่ดังกล่าวจะออกโฉนดที่ดินได้ ใบ ส.ค.1 เลขที่ 23 ต้องได้รับการพิสูจน์ต่อไปตามคำคำวินิจฉัยของอัยการ เพราะเราเชื่อว่าเอกสาร ส.ค.1 ออกโดยมิชอบ ด้วยเหตุผลว่าการอ้างพื้นที่ใกล้เคียงและทิศในเอกสาร ไม่สอดคล้องกับภูมิประเทศจริงทุกด้าน และ ส.ค.1 ดังกล่าว ไม่สามารถออกได้เนื่องจากผลการแปลภาพถ่ายพื้นที่อยู่ในคลอง เป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่สามารถออกใบครอบครองได้

“ขั้นตอนต่อไปจะให้ทางสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 20 (วังหม้อแกง) ที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้ทำหนังสือเข้าไปที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ส่งเรื่องต่อไปยังกรมที่ดิน เพื่อให้ทำการเพิกถอนเอกสาร ส.ค.1 และแจ้งไปยังผู้ครอบครองที่ดินว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มาโดยมิชอบ”

นายประถม กล่าวต่อว่า ในส่วนของการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว 2 แปลง จำนวน 18 ไร่ ที่อยู่ในขั้นตอนการรอพิสูจน์สิทธิ์นั้น สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จะได้ทำการแย้งว่า ถึงแม้อัยการจะสั่งไม่ฟ้องตามเจตนาครอบครองที่เชื่ออย่างสุจริตว่าซื้อมาถูกต้อง แต่ถือเป็นพยานบุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อในพยานหลักฐานเอกสาร การแปลภาพถ่าย พื้นที่ข้างเคียง สภาพพื้นที่ เราไม่เห็นด้วย ก็ยังยืนยังคำแย้งอยู่เหมือนเดิมว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในป่าชายเลน

สำนักข่าวอิศราติดต่อไปยัง นายนิวัฒน์ ปิยนามวานิช ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในเว็บไซต์บริษัท ยังไม่สามารถติดต่อให้ชี้แจงได้ ทั้งนี้หากต้องการชี้แจง ติอต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2241-3160 ตลอดเวลา

Cvsk2222