โน้มน้าวEU-สหรัฐฯให้สิทธิพิเศษภาษี! เบื้องหลังชงซื้อเครื่องบิน คดีโรลส์รอยซ์ช่วง 2

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 20:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | ข่าวเด่นสืบสวน

Tags

“…ให้บริษัท การบินไทยกับกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเจรจาต่อรองกับบริษัทผู้ขาย ซึ่งมีอิทธิพลในประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ช่วยเจรจาโน้มน้าวให้ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ผ่อนคลายปัญหาการค้าสองฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการตัด GSP (Generalized System of Preferences หรือ ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) แก่สินค้าไทย ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้…”

PIC rollroyce 6 2 60 1

ภายหลังสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อมูล กรณีบริษัท โรลส์-รอยซ์ จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ล็อตสอง ระหว่างปี 2535-2540 วงเงินประมาณ 10.38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 336 ล้านบาท) โดยตามข้อมูลของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสหราชอาณาจักร (SFO) ระบุว่า ในช่วงระหว่างปี 2535-2540 มีการจ่ายค่านายหน้าเพื่อล็อบบี้เจ้าหน้าที่รัฐให้จัดซื้อเครื่องยนต์ T-800 ของโรลส์-รอยซ์ ไปติดตั้งในเครื่องบิน B777 รวม 6 ลำ

ขณะเดียวกันจากการสืบค้นข้อมูลในมติคณะรัฐมนตรี ระหว่างปี 2535-2540 พบว่า ช่วงเดือน มิ.ย. 2539 สมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.คมนาคม (ขณะนั้น) เป็นคนอนุมัติตามแผนวิสาหกิจการบินไทย ปี 2538/39-2542/43 ให้จัดซื้อเครื่องบินเพิ่มเติมอีกหลายลำ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องบิน B777 รวม 6 ลำด้วย ก่อนที่รัฐบาลนายบรรหารจะยุบสภา ต่อมามีการนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2540 และมีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจการบินไทยในวันดังกล่าว

(อ่านประกอบ : ชงยุค‘บรรหาร’-อนุมัติยุค‘บิ๊กจิ๋ว’ ข้อมูลซื้อเครื่องบินคดีโรลส์รอยซ์ช่วงสินบนก้อน 2)

หนึ่งในสาระสำคัญของแผนวิสาหกิจการบินไทยในช่วงเวลาดังกล่าว นอกเหนือจากขอให้จัดซื้อเครื่องบินเพิ่มอีกหลายลำ (มี B777 รวม 6 ลำ) และให้จัดซื้ออะไหล่เพิ่มเติมแล้ว ยังมีขอให้มีการเจรจาเรื่องการค้าต่างตอบแทนหรือการเจรจาต่อรองกับบริษัทผู้ขายด้วย

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ตามแผนวิสาหกิจการบินไทยปี 2538/39-2542/43 ที่นำเสนอแก่ รมว.คมนาคม เมื่อปี 2539 (สมัยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) มีการระบุขอยกเว้นเงื่อนไขการทำการค้าต่างตอบแทนสำหรับการจัดซื้อเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และเครื่องฝึกบินจำลองแบบ A300 และ B777

โดยระบุเหตุผลว่า เพราะเป็นการจัดหาเครื่องบินที่มีแบบเฉพาะที่เหมาะสมกับแผนการบิน โดยกำหนดเงื่อนไขการจัดหาเครื่องบินตามแผนปรับปรุงลดแบบเครื่องบิน/เครื่องยนต์/นักบิน และเงื่อนไขให้ผู้ขายรับซื้อหรือรับประกันการขายเครื่องบินที่ต้องการปลดจากฝูงบิน รวมทั้งขอส่วนลดการสั่งซื้อเครื่องบินได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขการจัดซื้อที่จะเป็นประโยชน์แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยตรง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศ นอกจากนี้การขยายบริการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังช่วยให้ดุลการค้าบริการเพิ่มขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศโดยรวมด้วย

ต่อมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2540 ได้อนุมัติตามแผนวิสาหกิจการบินไทยปี 2538/39-2542/43 โดยเน้นการเจรจาต่อรองในเรื่องการค้าต่างตอบแทนหรือการเจรจาต่อรองกับบริษัทผู้ขายในรูปอื่นใด ให้คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการมากที่สุด โดยให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้มาด้วย

โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้พิจารณากรณีนี้มีความเห็นว่า มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง บริษัท การบินไทย จำกัด และฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการการค้าต่างตอบแทน (กรมการค้าต่างประเทศ) เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2540 ที่ประชุมได้พิจารณาเหตุผล และข้อเท็จจริงในการจัดซื้อของบริษัท การบินไทย จำกัด แล้ว มีรายละเอียดดังนี้

1.การจัดซื้อเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจจำนวน 21 ลำ โดยมีแผนจัดซื้อ 5 ปี ตั้งแต่ 2538/39 ถึงปี 2541/43 แต่ได้ล่าช้าออกไป 1 ปี 6 เดือน วงเงินการจัดซื้อทั้งหมดรวมอะไหล่ ประมาณ 82,443 ล้านบาท และยังมีสว่นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรอื่น ๆ วงเงิน 16,294 ล้านบาท โดยการจัดซื้อครั้งนี้เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่จากบริษัท Airbus ประเทศฝรั่งเศส และบริษัท Boeing ประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 21 ลำ รวมกับเครื่องบินที่ได้รับการอนุมัติการจัดหาโดยวิธีจัดซื้อแล้วอีก 14 ลำ รวมเป็น 35 ลำ เพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่จะปลดระวาง 31 ลำ จะทำให้จำนวนเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็น 78 ลำ

2.การจัดซื้อเครื่องบิน 21 ลำนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด จะใช้เงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นรูปการกู้จากอาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ ไม่ได้มีการใช้เงินบาทในการจัดซื้อ การจ่ายเงินคืนจะไม่กระทบดุลบัญชีเดินสะพัด แต่กลับจะเป็นการช่วยให้เกิดรายได้เข้าประเทศมากขึ้นจากกิจการที่สามารถให้บริการ และเกิดรายได้จากเงินโอนเข้าประเทศ ทำให้ดุลบริการของไทยดีขึ้น

3.บริษัท ผู้ขายมีข้อตกลงสำหรับการซื้อเครื่องบิน 21 ลำ เกี่ยวกับการรับซื้อคืนเครื่องบินเก่า 31 ลำ ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

-ถ้าบริษัท การบินไทย ขายให้กับผู้ซื้อรายอื่น ๆ จะขายได้ราคาดีกว่า แต่บริษัท Airbus หรือ Boeing จะให้การ Subsidy (เงินสมทบ) ส่วนหนึ่งด้วย

-ถ้าบริษัท Airbus หรือ Boeing รับซื้อเครื่องบินเก่าคืนเอง จะให้ราคามูลค่าตามบัญชี (Book Value) ซึ่งปกติจะได้ราคาต่ำกว่ากรณีแรก

จากเหตุผลข้อเท็จจริงในการจัดซื้อดังกล่าวข้างต้นแล้ว เห็นว่า อาจพิจารณาได้ ดังนี้

1.หากคณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็นการเช่าแทนการจัดซื้อ ก็ให้ยกเว้นการทำการค้าต่างตอบแทน หรือ

2.หากเป็นการจัดซื้อให้บริษัท การบินไทย พยายามต่อรองกับบริษัทผู้ขาย เพื่อให้ทำการค้าต่างตอบแทน อาจจะเป็นในรูป Offset เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด หรือ

3.ให้บริษัท การบินไทยกับกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเจรจาต่อรองกับบริษัทผู้ขาย ซึ่งมีอิทธิพลในประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ช่วยเจรจาโน้มน้าวให้ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ผ่อนคลายปัญหาการค้าสองฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องการตัด GSP (Generalized System of Preferences หรือ ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) แก่สินค้าไทย ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

ลงนามโดยนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พาณิชย์ (ขณะนั้น) (ดูเอกสารประกอบ)

อย่างไรก็ดีสำนวนการสอบสวนของ SFO ไม่ได้ระบุชื่อว่า ใครเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีรับสินบนแต่อย่างใด

เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานหลักคือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่รอข้อมูลจาก SFO มาประกอบ ส่วนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาศ ผู้ว่าฯ สตง. ยืนยันว่า ทราบชื่อบุคคลย่อ ก. 2 ราย และ ส. 1 ราย ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับผิดชอบการจัดซื้อเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์

PIC โนมนาวEU 1