ที่มาข่าว 'รถบรรทุกน้ำ อปท. - เปิดโปงขายที่ดินการเคหะฯ' 2 รางวัลยอดเยี่ยมช่อสะอาด ปี 62
ย้อนที่มา 2 ผลงานข่าวยอดเยี่ยม 'อิศรา' รางวัลช่อสะอาด ปี 62 "เจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุก อปท. ทั่วประเทศส่อฮั้ว- เปิดโปงขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล."
1. รางวัลโล่เกียรติยศ ผลงานข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวยอดเยี่ยม ประเภทสื่อออนไลน์ : เจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุก อปท. ทั่วประเทศส่อฮั้วประมูล-สตง./ป.ป.ช. รับลูกขยายผลเตรียมไต่สวน
2. รางวัลข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวชมเชย ประเภทสื่อออนไลน์ : เปิดโปงขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล. เช็ค 2 ใบมัดเอื้อเอกชน ชงฟันบิ๊กกับพวก
คือ ผลงานรางวัลช่อสะอาด ประจำปี 2562 ของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มอบให้กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ล่าสุด เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบที่มาที่ไปของ ผลงานข่าวทั้ง 2 เรื่องนี้ มากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา ขอย้อนข้อมูลรายละเอียดมานำเสนอ ณ ที่นี้อีกครั้ง!
@ เจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุก อปท. ทั่วประเทศ ส่อฮั้วประมูล-สตง./ป.ป.ช. รับลูกขยายผล เตรียมไต่สวน
ในช่วงเดือน มิ.ย. 2561 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนครราชสีมา แจ้งให้ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด มารับทราบข้อกล่าวหา กรณีกล่าวหา นายสมชัย ปล้องพุดซา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา กับพวก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เกี่ยวกับการจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิง ของ เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ในช่วงปี 2553 กรณีดังกล่าวนำไปสู่การขยายผลการตรวจสอบ จนได้พบว่า มีการพฤติการณ์ในรูปแบบเดียวปรากฏในหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายแห่งทั่วประเทศ โดยปัจจุบัน คดีนายสมชัย ป.ป.ช. จังหวัดนครราชสีมา ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เตรียมไต่สวนแล้ว
ความเป็นมาและการสืบค้นของสำนักข่าวอิศรา
โดยสำนักข่าวอิศราตรวจสอบ พบว่า เทศบาลฯ ได้ทำสัญญาจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิง และรถบรรทุกขยะมูลฝอย จาก บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด รวม 2 คัน คือ สัญญาเลขที่ 1/2554 จัดซื้อรถยนต์บรรทุกขยะมูลฝอยแบบอัดท้าย ขนาดความจุด 6 ลบม. ชนิด 6 ล้อ วงเงิน 1,997,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 7 ต.ค. 2553 และสัญญาเลขที่ 2/2554 จัดซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบเอนกประสงค์ ขนาดความจุไม่น้อยกว่า 6,000 ลิตร ชนิด 6 ล้อ วงเงิน 1,898,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 7 ต.ค. 2553 รวมวงเงิน 2 สัญญา อยู่ที่ 3,895,000 บาท
ในสัญญาดังกล่าวปรากฏ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด เป็นคู่เทียบร่วมประมูลด้วย
และจากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้พบหลักฐานเชื่อมโยงว่า ทั้ง 2 บริษัทนั้น เป็นกลุ่มเดียวกัน คือ บุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และพยาน ของบริษัท ในการเดินทางไปติดต่องานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมถึงการทำบัญชีให้ เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน คือ นางสาวดวงพร พูลผล และนายนนวัตร์ นันท์วิรัตชัย
ต่อมายังพบว่า บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด เป็นเอกชนอีกหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกันด้วย หลักฐานที่ตรวจสอบพบคือ ในหนังสือบริคณห์สนธิ บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด ที่แจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ช่วงเดือน ก.ย. 2553 ระบุหมายเลขโทรศัพท์ ของผู้เริ่มก่อการทั้ง 4 ราย คือ น.ส.นุสรา ภูเมฆ, น.ส.คำพิดย์ จูมชัย น.ส.ศิริลักษณ์ เมืองโคตร และนายณัฐพล รัตนพันธ์ คือ 02-322-2483 ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ เบอร์เดียว กับผู้ริเริ่มก่อการตั้งบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ระบุไว้ในหนังสือ บริคณห์สนธิ ที่แจ้งจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และบุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และพยาน ของบริษัท ในการเดินทางไปติดต่องานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมถึงการทำบัญชีให้ บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด คือ นางสาวดวงพร พูลผล และนายนนวัตร์ นันท์วิรัตชัย ที่ปรากฏชื่อ เป็นผู้รับมอบอำนาจ และพยาน ของบริษัท ในการเดินทางไปติดต่องานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมถึงการทำบัญชีให้กับ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด เช่นกัน
อีกทั้ง ยังตรวจสอบพบว่า บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเอกชนทั้ง 3 ราย เช่นกัน คือ จากการตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนจัดตั้ง พบว่า นางสาวดวงพร พูลผล และนายนนวัตร์ นันท์วิรัตชัย ปรากฏชื่อ เป็นพยานมอบรับมอบอำนาจและทำบัญชี บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด เช่นเดียวกับ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด และ บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ และหลักฐานสำคัญที่สุด คือ นายประชารักษ์ ทองลี ที่ปรากฏชื่อเป็นผู้ริเริ่มก่อการตั้งบริษัทและเป็นอดีตกรรมการผู้มีอำนาจและถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด ปรากฏชื่อเป็นผู้ริเริ่มก่อการตั้ง บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด ด้วย
ทั้งยังพบว่า นายอุดร ชาภูวงษ์ มีสถานะที่แท้จริง เป็นเพียงแค่คนงานในโรงงานของนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกนำชื่อมาเป็นเจ้าของ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า ในช่วงปี 2552-2560 บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ จำนวน 119 สัญญา วงเงิน 271,481,996 บาท
ขณะที่ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด ตั้งแต่ปี 2551-2555 ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกและรถหลายประเภท กับหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ จำนวน 42 สัญญา วงเงิน 98,923,500 บาท
ส่วน บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด ในช่วงปี 2554-2560 ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นทั่วประเทศ จำนวน 99 สัญญา รวมวงเงิน 281,836,283 บาท
และ บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด ในช่วงปี 2555-2559 ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกกับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 46 สัญญา วงเงินรวม 139,088,300 บาท
ยอดรวมของสัญญาขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ทั้ง 4 บริษัท ได้รับไปทั้งหมดเป็น จำนวน 306 สัญญา รวมวงเงิน 791,375,079 บาท
โดยสำนักข่าวอิศรา รวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นแผนที่แสดงจุดที่กลุ่มบริษัทคิงส์ฯ ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกให้กับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 81 แห่ง จากทั้งหมด 38 จังหวัด แบ่งเป็น บริษัทคิงส์ฯ 14 แห่ง บริษัทไทยคาร์ฯ 41 แห่ง และบริษัทรุ่งเจริญฯ 31 แห่ง
สู่การขยายผลการตรวจสอบ โดย นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สตง. ไปตรวจสอบข้อมูลตามข่าวที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอ
ไม่ใช่เพียงกลุ่มเครือข่าย บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เท่านั้น สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบพบว่า ยังเอกชนกลุ่มอื่นๆ อีก ที่ปรากฏเป็นคู่สัญญาขายรถบรรทุกน้ำหน่วยงานของรัฐด้วย คือ
กลุ่ม หจก. ที.ซี.ซี เทรลเลอร์ แอนด์ ทรัค และ หจก. ส.ขวาธิจักร ซึ่งเข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันงานขายรถบรรทุกน้ำให้กับหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์พร้อมกันหลายสัญญา โดยในการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งทั้ง 2 หจก. นั้น ปรากฏชื่อผู้รับมอบอำนาจและพยานคนเดียวกันคือ นางประสงค์ แจ้งกิจ เป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินการ โดยมีนายขันทอง ชัยหา และนางสาวพรทิวา แสนคำ เป็นพยาน อีกทั้งในเอกสารแบบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคล ปรากฏว่าใช้อีเมลเดียวกัน คือ [email protected]
โดย นางสาวสมนา แก้วลายคำ ที่ปรากฏชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ และเป็นผู้แจ้งจองชื่อนิติบุคคล จัดตั้ง หจก. ที.ซี.ซี เทรลเลอร์ แอนด์ ทรัค สำนักข่าวอิศราได้รับข้อมูลจากญาติ ว่า นางสาวสมนา ถูกเถ้าแก่ เจ้าของบริษัทที่ทำธุรกิจขายรถบรรทุกในจังหวัดราชบุรี มาขอเอาชื่อไปใช้เปิดบริษัททำธุรกิจ และจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือนให้
ต่อมา สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า บริษัท ทรัพย์รุ่งโรจน์ซัพพลาย จำกัด ,บริษัท เอดีล พลัส จำกัด และ บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด ปรากฏเป็นเอกชนกลุ่มที่ 3 ที่เข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันงานขายรถบรรทุกน้ำเอนกประสงค์ ให้กับ องค์การบริหารส่วนตำบลหินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ในช่วงปี 2553 พร้อมกัน โดย บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะ
โดยจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานจดทะเบียนจัดตั้ง พบว่า บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด และ บริษัท ทรัพย์รุ่งโรจน์ซัพพลาย จำกัด ส่อว่าจะมีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มเดียวกัน คือ ทั้ง 2 บริษัท แจ้งชื่อผู้รับมอบอำนาจและพยานในการติดต่อกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน คือ นายวิบูลย์ สุวรรณชัยสกุล นายสมบัติ คำมีภักดี น.ส.ณัฐชานันท์ สมงาม และทั้ง 2 บริษัท ยังแจ้งชื่อผู้ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เป็นบุคคลเดียวกันอีกด้วย คือ น.ส.ปธิดา ประทุมรัตน์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาขายรถบรรทุกให้กับ อปท. หลายแห่ง ในช่วงปี 2549-2556 จำนวน 22 สัญญา รวมมูลค่า 39,178,750 บาท ส่วน บริษัท ทรัพย์รุ่งโรจน์ซัพพลาย จำกัด ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาขายรถบรรทุกให้กับ อปท. หลายแห่ง ในช่วงปี 2548-2559 จำนวน 36 สัญญา รวมมูลค่า 83,156,285 บาท นับรวมอยู่ที่ 58 สัญญา รวมมูลค่า 122,335,035 บาท
จากนั้น สำนักข่าวอิศรา พบว่า กลุ่มเอกชนทั้ง 3 คือ กลุ่ม บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กลุ่ม หจก. ที.ซี.ซี เทรลเลอร์ แอนด์ ทรัค และกลุ่ม บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด ปรากฏเป็นคู่สัญญากับหน่วยงาน อปท. พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ครบทั้ง 3 กลุ่ม คือ
บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ชัยมงคลแฟคตอริ่ง จำกัด เข้าไปแข่งขันเสนอราคารถบรรทุกน้ำดับเพลิง และรถบรรทุกขยะมูลฝอย ให้กับ เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ในช่วงปี 2553 โดย บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ชนะได้สัญญา
หจก. ที.ซี.ซี. เทรลเลอร์ แอนด์ ทรัค บริษัท วรรณพรซัพพลาย จำกัด และ หจก. ส.ขวาธิจักร เข้าแข่งขันเสนอราคารถดับเพลิงเอนกประสงค์ ให้กับ เทศบาลตำบลปรุใหญ่ ในช่วงปี 2553 โดย หจก. ที.ซี.ซี. เทรลเลอร์ แอนด์ ทรัค เป็นผู้ชนะได้สัญญา
และ บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด และ บริษัท ทรัพย์รุ่งโรจน์ ซัพพลาย จำกัด เข้าแข่งขันเสนอราคารถยนต์บรรทุกน้ำเอนกประสงค์ ให้กับ องค์การบริหารส่วนตำบลสัมฤทธิ์ ในช่วงปี 2553 โดย บริษัท เฟริสท์ อินโนเวชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะได้สัญญา
ผลจากการเสนอข่าว
สำนักข่าวอิศราเผยแพร่ข่าวชิ้นนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2561 จากนั้นได้ใช้กระบวนการรายงานข่าวสืบสวน สืบค้นข้อมูล สัมภาษณ์บุคคล และลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงนำมารายงานอย่างต่อเนื่องเวลากว่า 4 เดือน ข้อมูลของสำนักข่าวอิศราถูกนำไปใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการขยายผลการตรวจสอบ ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. เตรียมเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อไต่สวนในคดี นายสมชัย ปล้องพุดซา และ สตง. ขยายตรวจสอบการจัดซื้อรถบรรทุกน้ำเอนกประสงค์ในหน่วยงาน อปท. หลายแห่ง ถือเป็นกรณีศึกษาการทุจริตเกี่ยวกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ในรูปแบบหนึ่ง เป็นการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายสมชัย ปล้องพุดซา และพวก 9 ราย ประกอบไปด้วย นายสุวโรจน์ ดีเดิม หรือคงสงวนวงษ์ ปลัดเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยนายอุดร ชาภูวงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด โดยนายศราวุฒิ ว่องไว กรรมการผู้จัดการ นายอุดร ชาภูวงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด นายสมเดช สังข์สุริยะ นายสมชาย สังข์สุริยะ นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม นางมาลี เจริญเกียรติ
ในคดีกล่าวหาจัดซื้อ รถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ ของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ปีงบประมาณ 2553 โดยมิชอบเป็นทางการแล้ว
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติเห็นว่า นายสมชัย ปล้องพุดซา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติว่า ด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติ เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไข เพิ่มเติม มาตรา 73
นายสุวโรจน์ ดีเดิม หรือคงสงวนวงษ์ และ นางสาวภัชรี พงษ์ปิยะรัตน์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการ โดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาส เข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือ ให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด และฐานเป็น เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มี การแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคา รายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับ หน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือ ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุ ให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
ส่วน นางมาลี เจริญเกียรติ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วย ความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษา ผลประโยชน์ของทางราชการ และ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออก จากราชการ การอุทธรณ์และ การร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง
ขณะที่ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด นายอุดร ชาภูวงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด นายสมเดช สังข์สุริยะ นายสมชาย สังข์สุริยะ และนางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และ ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา โทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดในชั้น ป.ป.ช. เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และชั้นศาล คดียังไม่ถือว่าสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาจึงถือว่าบริสุทธิ์อยู่
**********************
@ เปิดโปงขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล. เช็ค 2 ใบมัดเอื้อเอกชน ชงฟันบิ๊กกับพวก
ข่าวเชิงสืบสวน (Investigative Reporting) กรณีการขายที่ดินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) ให้แก่เอกชน โดยมีบริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ของการเคหะฯ และเอกชนพัวพันนับสิบคน เกี่ยวโยงกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นกรณีศึกษาในการตรวจสอบธรรมาภิบาลในองค์กรที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ให้ความสำคัญ สืบค้นข้อมูลเชิงลึก เอกสารของทางราชการ เอกสารของเอกชน สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง นำมาตีแผ่อย่างละเอียดตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางว่า มีเงื่อนงำ ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เอื้อประโยชน์อย่างไร และใครเกี่ยวข้องบ้าง?
ความเป็นมาและการสืบค้นข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา
สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมายังสำนักข่าวอิศราให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ตัดขายที่ดินบางส่วนของโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เนื้อที่ 0-2-83.4 ไร่ (22 x 47 เมตร) ให้แก่ชาวบ้านในราคารวมทั้งสิ้น 28,897,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นทางเข้าออกที่ดินตาบอด 10 ไร่ แต่ชาวบ้านได้โอนกรรมสิทธิ์ให้เอกชนเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร อาจมีการเอื้อประโยชน์ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงแต่มีความเห็นว่าเป็นเพียงความผิดเล็กน้อยและลงโทษผู้เกี่ยวข้องไม่กี่คน
จากการตรวจสอบของสำนักข่าวอิศรา แยกออกเป็น 2 กรณี
กรณีการซื้อขายที่ดินระหว่างการเคหะฯกับเอกชน พบข้อเท็จจริงและเงื่อนงำ
1.วันที่ 28 ก.ย.2558 นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการ การเคหะฯ (ขณะนั้น) อนุมัติขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ประมาณ 0-2-83.40 ไร่ติดแนวรั้วปั๊มน้ำมันบางจากโครงการเคหะชุมชนร่มเกล้า 1 ให้สิทธิโดยตรงกับเจ้าของที่ดินจำนวน 8 ราย ในราคาตารางวาละ 80,000 บาท คิดเป็นมูลค่าขายรวม 22,672,000 บาท พร้อมค่าเสียโอกาสในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์จำนวน 5 หน่วย เป็นเงิน 6,225,000 บาท รวมมูลค่าขายที่ดินและค่าเสียโอกาส ทั้งสิ้น 28,897,000 บาท การขายที่ดินดังกล่าว ทำให้พื้นที่จัดทำโครงการฯ ลดลงจากเดิม 35.05 ไร่ คงเหลือ 34.34 ไร่ ส่งผลให้หน่วยก่อสร้าง ต้องปรับลดลงโครงการลง จำนวน 5 หน่วย (จากเดิม 269 หน่วย เหลือ 264 หน่วย)
2. กระบวนการขายที่ดิน วันที่ 3 ต.ค.2558 ชาวบ้านทำหนังสือมอบอำนาจให้นายจุลศักดิ์ มาตรไตร ซึ่งเป็นนายหน้า เป็นผู้มีอำนาจในการซื้อที่ดิน โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2558 และ จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ระหว่าง การเคหะฯ กับชาวบ้าน 8 ราย เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2558
3.ในวันเดียวกันกับที่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โฉนดที่ดินถูกจดทะเบียนขายต่อให้แก่ เอกชน คือ 1.บริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด และ 2.นายภิรมย์ แฟงทอง ซึ่งเป็นนายหน้าอีกหนึ่งคน
4.จากการตรวจสอบข้อมูลหลังโฉนดที่ดินพบว่า ที่ดินแปลงนี้ ถูกนำไปจดทะเบียนภาระจำยอม ในเรื่องทางเดิน ,ทางรถยนต์,ประปา,ไฟฟ้า และสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แก่ โฉนดที่ดินอีก 55 แปลงในโครงการหมู่บ้านจัดสรรในเครือ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
5.การชำระเงินค่าซื้อขายที่ดิน แบ่งออกเป็น 2 งวด งวดแรก จำนวน 5,800,000 บาท ชำระวันทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2558 งวดที่สอง 23,097,000 บาท ชำระวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 5 พ.ย.2558 รวม 2 งวด 28,897,000 บาท
6.เงินค่าซื้อขายที่ดินงวดแรก 5,800,000 บาท ชำระเป็นแคชเชียร์เช็คธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ฉบับเลขที่ 02352754 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2558 สั่งจ่ายการเคหะฯ ผู้ซื้อแคชเชียร์เช็คคือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เงินงวดที่สอง ชำระเป็น แคชเชียร์เช็ค ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ฉบับเลขที่ 02352957 ลงวันที่ 5 พ.ย.2558 จำนวนเงิน 23,097,000 บาท ผู้สั่งซื้อแคชเชียร์เช็คฉบับนี้คือ บริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด โดยหักจากบัญชีฯของบริษัทฯ
7.จากการลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านที่ปรากฏชื่อเป็นผู้ซื้อที่ดิน ชาวบ้านชี้แจงว่าไม่ได้เป็นผู้ซื้อที่ดินจากการเคหะฯ แต่เป็นผู้ขายที่ดินให้แก่นายหน้า โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อขายที่ดินให้แล้วจะต้องมีทางออกไปสู่ถนนสายหลักด้วย ซึ่งฝ่ายนายหน้าก็ตกลงตามเงื่อนไข
8. ก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างการเคหะฯกับชาวบ้านเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2558 นายหน้า 3 คน ได้ทําบันทึกข้อตกลงในการจัดหาที่ดินกับเอกชนไว้ก่อนเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2558 ว่าจะเป็นผู้รวบรวมที่ดินให้เอกชน
9.จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากนายจุลศักดิ์ มาตรไตร นายหน้า ยอมรับว่า เงินที่ชาวบ้านซื้อที่ดินจากการเคหะฯ เป็นเงินของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เนื่องจากชาวบ้านทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงนี้ไว้กับบริษัทแลนด์ฯไว้ก่อนแล้ว เมื่อชาวบ้านจดทะเบียนซื้อที่ดินจึงต้องโอนกรรมสิทธิ์ไปให้บริษัท แอตแลนติก เรียลเอสเตท จำกัด
10.ประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่าอาจทำให้รัฐได้รับความเสียหาย เพราะการขายที่ดินแปลงนี้ การเคหะฯขายในราคาสูงกว่าราคาประเมินของทางราชการเพียง 20%
สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า การทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินของการเคหะฯ มีการใช้ชื่อชาวบ้านเป็นผู้ซื้อในสัญญาเท่านั้น เพราะหลังจากทำสัญญาซื้อที่ดินแล้วชาวบ้านได้จดทะเบียนขายต่อให้เอกชนเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรทันที โดยกลุ่มนายหน้าเป็นคนจัดการทางด้านเอกสารให้ชาวบ้านลงชื่อ การจดทะเบียนนิติกรรม นายหน้าเป็นผู้จัดการเองหมด หลักฐานชิ้นสำคัญ คือเช็ค 2 ใบ ค่าซื้อที่ดิน จำนวน28,897,000 บาท เป็นเงินของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จํากัด กับบริษัทแอตแลนติก เรียลเอสเตท จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน และเป็นผู้ได้ประโยชน์จากที่ดินแปลงนี้โดยตรง เพราะใช้เป็นทางผ่านของโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่เอกชนรายนี้เป็นเจ้าของโครงการอีกนับร้อยหลัง
กรณีการสอบสวนเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง พบข้อมูลดังนี้
การเคหะฯตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง 4 ชุด ชุดแรก น.ส.อุบลวรรณ สืบยุบล รองผู้ว่าการฯ เป็นประธานกรรมการ เห็นควรให้ยุติเรื่อง อ้างว่า ขั้นตอนกระบวนการเกี่ยวกับการขายที่ดินแปลงนี้เป็นการซื้อขายปกติ การที่ผู้ซื้อ (ชาวบ้าน 8 ราย) จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อไปให้กับเอกชนเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดหมายได้และอยู่นอกเหนือที่การเคหะฯจึงจะรับรู้
คณะกรรมการชุดที่สอง นายบัญชา บัญชาดิฐ ผู้ช่วยผู้ว่าการ เป็นประธานกรรมการ รายงานผลการสอบสวนฯ เมื่อเดือน ส.ค.2560 สรุปว่า มีผู้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนบกพร่อง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้อื่นเป็นเหตุให้การเคหะฯได้รับความเสียหาย เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยและอาญา รวม 45 คน แบ่งเป็น รับราชการ 31 คน (ขณะนั้น) และ เกษียณอายุราชการ 14 คน ปรากฏว่า นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการฯ มีความเห็นว่า ผลการสอบสวนมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก เห็นควรให้ทบทวนแยกเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ โดยแยกการพิจารณาเป็นรายกลุ่ม ให้กลับไปสอบสวนใหม่และเสนออีกครั้ง คณะกรรมการชุดนี้สรุปอีกครั้งว่ามีผู้อยู่ในข่ายกระทำผิด 26 คน ต่อมาวันที่ 22 ม.ค.2561 นายธัชพล มีคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นชุดที่สาม มีนายณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานกรรมการ แต่นายณรงค์ ถูกคำสั่งนายกรัฐมนตรีย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2561 อันเนื่องจากกรณีทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ วันที่ 14 มี.ค.2561 นายธัชพล จึงแต่งตั้ง น.ส.อุษณี กังวารจิตต์ รองปลัดกระทรวง พม. เป็นประธานกรรมการทำหน้าที่แทน เป็นชุดที่สี่ สรุปผลสอบสวนว่า กระบวนการขายที่ดิน ไม่ทำตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ไม่ขออนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ไม่มีความเสียหาย เห็นควรลงโทษ‘ว่ากล่าวตักเตือน’ ผู้เกี่ยวข้อง 3 คนคือ นายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการฯ (ขณะนั้น) นายชวนินทร์ พรหมรัตนพงษ์ รองผู้ว่าการฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการปรับปรุงโครงการด้านกายภาพ (คณะที่หนึ่ง) และนายวิญญา สิงห์อินทร์ ผู้อำนวยการ (ต่อมาเป็น รองผู้ว่าการฯ) โดยไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร และไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาร่วมกระทำผิดตามรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการก่อนหน้านี้
จากการตรวจสอบพบว่า รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุดนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความเห็นของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ขณะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. กำกับการเคหะฯ ระบุว่า เอกชนมีความพยายามติดต่อซื้อที่ดินมาหลายครั้ง พฤติการณ์ในการซื้อขายมีลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซื้อ และมีการฉ้อฉลส่อไปในทางที่ไม่สุจริต
กรณีของการขายที่ดินมีผู้ร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อมาสรุปผลสอบว่า
1.มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ในหนังสือของผู้เสนอขอซื้ออ้างว่าใช้เป็นทางเข้า-ออกที่ดินตาบอด ที่ดินมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง แต่ขายให้ผู้ซื้อในราคาสูงกว่าราคาประเมิน 20% เท่านั้น ไม่สอดคล้องกับราคาขายในสภาพที่เป็นจริง พฤติกรรมส่อสงสัยไม่สุจริต ผู้ว่าการ การเคหะฯ อาจเข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
2.มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน การซื้อขายที่ดินเป็นการซื้อแทนกลุ่มทุนเพราะเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2558 ก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับการเคหะฯ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2558 กลุ่มนายหน้าได้ทำบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท เจ้าของหมู่บ้านจัดสรรไว้ก่อนแล้วว่าจะทำหน้าที่รวบรวมที่ดินในบริเวณดังกล่าวมาขายให้บริษัทเจ้าของผู้บ้านจัดสรร 50 โฉนด 174 ไร่ 2 งาน และจะพาชาวบ้านทั้ง 8 ราย มาทำสัญญาจะซื้อจะขายที่สำนักงานที่ดินในวันที่ 13 ต.ค.2558 เงินค่าซื้อที่ดิน 28.8 ล้านบาท ก็มาจาก บริษัทเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร กรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ,พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 โดยมีเอกชนเป็นผู้สนับสนุน จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมาย
ผลจากการเสนอข่าว
สำนักข่าวอิศราตีแผ่เรื่องนี้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2561 ได้ตรวจสอบ สืบค้นข้อมูลที่เป็นเอกสาร เดินทางลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง สอบถามผู้เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่รัฐ ยืนยันข้อเท็จจริง ก่อนนำเสนอในรูปแบบข่าว รายงาน สกู๊ป และบทสัมภาษณ์ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน ไม่มีใครปฏิเสธข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศรานำมารายงาน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในการเคหะฯ กระทรวง พม. เป็นประเด็นสนใจของสาธารณะ โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าการซื้อขายที่ดินไม่มีเงื่อนงำ ล่าสุดเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช.
ทั้งหมดนี่ เป็นการทำหน้าที่โดยยึดหลักสุจริต เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ
อ่านประกอบ :
@ เจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุก อปท. ทั่วประเทศส่อฮั้วประมูล-สตง./ป.ป.ช. รับลูกขยายผลเตรียมไต่สวน
พบ 2 บ.แข่งขายรถบรรทุกขยะ-น้ำ เทศบาลต.หนองไข่น้ำ 4 ล้าน ถูกป.ป.ช.สอบคดีฮั้ว(1)
อิศรา' เปิดหลักฐานมัด 2 บ.แข่งขายรถบรรทุกขยะ-น้ำ เทศบาลต.หนองไข่น้ำ กลุ่มเดียวกัน?(2)
เบื้องลึก! จัดซื้อรถน้ำเทศบาลต.หนองไข่น้ำ -ปูด บ.คิงส์ฯ กวาดสัญญาขายทั่วปท.เป็นร้อยล.(3)
119 สัญญา 271ล.! เจาะบ.คิงส์ กวาดงานขายรถบรรทุกท้องถิ่นทั่วปท. (4)
ถึงคิว! เจาะคู่เทียบบ.คิงส์ คว้าขายรถท้องถิ่น42 สัญญา 98.9 ล.-รวม 2 แห่งเงินพุ่ง 370ล. (5)
เผยโฉมหนุ่มหนองบัวลำภู เจ้าของ-ที่มา บ.คิงส์ โกยงานขายรถบรรทุกท้องถิ่นทั่วปท.271ล.(6)
หนุ่มมุกดาหารวัย20หุ้นใหญ่ แจ้งชื่อออกปี55! เปิดที่มา'คู่เทียบ'บ.คิงส์ โกยขายรถท้องถิ่น98ล.(7)
ใช้ 'ทาวน์เฮ้าส์-บ้านเดี่ยว' แจ้งที่ตั้ง! ตามไปดู บ.คิงส์ โกยงานขายรถบรรทุกท้องถิ่น 271ล. (8)
ความลับแตก! หนุ่มหนองบัวลำภู เจ้าของบ.คิงส์ฯ โกยงานขายรถท้องถิ่น271ล.ที่แท้แค่คนงาน?(9)
เหลือแค่ที่ดินโล่ง-แคมป์คนงาน! ข้อมูลล่าสุด 'คู่เทียบ' บ.คิงส์โกยขายรถท้องถิ่นร้อยล.(10)
ใช้ชื่อคนงานตั้งบ.เพียบ! ล้วงผลสอบจัดซื้อรถเทศบาลหนองไข่น้ำ-ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหานับ10ราย(11)
คฤหาสน์2ชั้นหลังใหญ่! เปิดที่อยู่เจ้าของ 'คู่เทียบ' บ.คิงส์ โกยขายรถท้องถิ่นร้อยล.(12)
คราวนี้เจ้าของคนมุกดาหาร! เปิดตัว 'คู่เทียบ' รายใหม่ บ.คิงส์ แข่งขายรถบรรทุกท้องถิ่นปี 60 (13)
โป๊ะแตก! แจ้งเบอร์โทรผู้ก่อตั้งบ.เหมือนกัน-หลักฐานชัด ไทยคาร์ฯ กลุ่มเดียวบ.คิงส์ (14)
เช็คชื่อ 50 เทศบาล-อบต.ซื้อรถบรรทุกบ.คิงส์ฯ แข่งคู่เทียบกลุ่มเดียวกัน-เงินพุ่ง652ล.(15)
เผยโฉม'สาวมุกดาหาร' เจ้าของ-ที่มาคู่เทียบแห่ง2 บ.คิงส์ฯ โกยงานขายรถท้องถิ่น 652ล. (16)
ใช้ทาวน์เฮ้าส์ที่ตั้ง-ย้ายออกแล้ว! ตามไปดูบ.ไทยคาร์ คู่เทียบแห่ง2 โกยขายรถท้องถิ่น652ล. (17)
INFO:ผ่าขบวนการจัดซื้อรถบรรทุกเทศบาล-อบต.ทั่วปท. 50แห่ง บ.กลุ่มเดียวแข่งงานโกย652ล. (18)
@ เปิดโปงขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล. เช็ค 2 ใบมัดเอื้อเอกชน ชงฟันบิ๊กกับพวก
โฉมหน้าหนังสือ 2 ฉบับสุดท้าย ‘ชง-อนุมัติ’ขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.เอื้อเอกชน
รับลูกรองปลัด พม.! ผู้ว่า กคช.สั่ง‘กล่าวตักเตือน’ 3 อดีตผู้บริหาร ตัดขายที่ดินเอื้อเอกชน
ยันตามเร่งรัดให้สังคมคลายสงสัย! 'อนันตพร' ส่งผลสอบ กคช.ขายที่ดินให้บอร์ดพิจารณาแล้ว
ฉบับเต็ม! ให้ตักเตือน‘อดีตผู้ว่าฯ-2 รองฯ’ขายที่ดิน กคช.28.8 ล.เอื้อเอกชน-25 คนรอด
ผลสอบชุดรองปลัด พม.ปมขายที่ดิน กคช. ผิดขั้นตอน แค่‘ให้ตักเตือน’อดีตผู้ว่าฯ-2 รองฯ
แฉ‘นายหน้า’ยื่นผังขอซื้อที่ดินเป็นทางผ่านตั้งแต่ต้นปี 56 ปมการเคหะฯเอื้อเอกชน
อ้าง'อนันตพร'ไม่ได้เตรียมตัว! จนท.การเคหะฯล็อบบี้ 'อิศรา' งดถามผลสอบตัดขายที่ดินเอื้อเอกชน
10 คน - 2 รองผู้ว่าฯ ร่วมประชุมครั้งสุดท้าย ขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.
ดูชัดๆ ผลสอบ ไฉน! คกก.พิจารณาขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล. ‘บกพร่อง’
เบื้องหลังตัดผู้เข้าข่ายผิด 45 เหลือ 26 คนปมขายที่ดินการเคหะฯ อ้างเยอะไป-เสียขวัญ
ยังไม่ทราบปมลดผู้เข้าข่ายกระทำผิด! 'อนันตพร' เผยผลสอบการเคหะฯตัดขายที่ดินถึงมือแล้ว
ตีกลับผลสอบชุดผิด 45 คน ปมขายที่ดินเอื้อเอกชน!ผู้ว่าการเคหะฯตั้งใหม่เหลือ 26 คน
ข่ายผิด 45 คน! ผลสอบลับชุดรองผู้ว่าการฯ ปมขายที่ดิน ‘ไม่มีใครตอบได้ไฉนกว้าง 22 ม.’
ผลสอบชุด‘อุบลวรรณ’: ผู้ซื้อที่ดินการเคหะฯ นำขายต่อ บ.อสังหาฯ‘เป็นสิทธิ-ให้ยุติเรื่อง’
เปิดผลสอบดีเอสไอ ที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.'นายหน้า' 3 คนจัดการ ชาวบ้านซื้อแทนกลุ่มทุน
แคชเชียร์เช็ค-ใบเสร็จรับเงิน 5.8 ล. ค่ามัดจำซื้อที่ดิน บ.แลนด์ฯสั่งจ่ายการเคหะฯ
ดีเอสไอส่ง ป.ป.ช.สอบปมขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.-พบออกเช็ควันเดียวกว่า 100 ล.
ที่แท้ นายหน้า-เอกชน ทำข้อตกลง ก่อนซื้อที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.?
มัดการเคหะฯขายที่ดินพาร์ควิลล์ร่มเกล้า! สัญญาระบุชัด‘ห้ามโอนสิทธิเด็ดขาด’
ข้อมูลซื้อขายที่ดิน-เส้นทางจ่ายเงิน 28.8 ล. พาร์ควิลล์ร่มเกล้า ‘การเคหะฯ-ชาวบ้าน-บ.แลนด์ฯ’
เปิดเอกสารจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน-เส้นทางจ่ายเงิน บ.แลนด์ฯ - การเคหะฯ 28.8 ล.
นายหน้ายอมรับ ค่าซื้อที่ดินการเคหะฯ - ชาวบ้าน 28.8 ล. เงินจาก บ.แลนด์ฯ
ค่าซื้อที่ดินการเคหะฯ 23 ล.ชำระด้วยเช็คเงินสด ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
บ.แอตแลนติกฯ ผู้ซื้อที่ดินการเคหะฯจากชาวบ้าน 28.8 ล. เป็นใคร?
ดูชัดๆ หลังโฉนดที่ดินการเคหะฯพาร์ควิลล์ ชาวบ้านซื้อปุ๊บ ขาย บ.อสังหาใหญ่ทันที
ปริศนา! ลายเซ็น ชาวบ้านหรา 8 รายในสัญญาซื้อขายที่ดินการเคหะฯ 28.8 ล.
ตามขอสัมภาษณ์ 'นายหน้า' ชาวบ้านอ้างติดต่อซื้อที่ดินการเคหะฯ ม.พาร์ควิลล์ฯ
มีแต่ขายให้นายหน้า บ.เอกชน! เปิดคำชี้แจงชาวบ้านยันไม่เคยซื้อที่ดินการเคหะฯ ม.พาร์ควิลล์ฯ
'อนันตพร' ยันผลสอบการเคหะฯตัดขายที่ดินให้เอกชนถึงมือแล้ว-รอฝ่ายกม.ตีความอำนาจเพิ่ม
ไทม์ไลน์ ปมขายที่ดินการเคหะฯร่มเกล้า 28.8 ล. ‘ผู้รับมอบอำนาจ’ยื่นข้อเสนอ 2 ครั้ง
เปิดสัญญาขายที่ดิน การเคหะฯ-ชาวบ้าน 8 ราย 28.8 ล. ชนวนสอบเอื้อเอกชน?
ตามไปดูที่ดินแปลงปัญหา ม.พาร์ควิลล์ฯ การเคหะฯตัดขายให้เอกชน-อยู่ริมหมู่บ้านดัง
เผยโฉมคำสั่งผู้ว่า กคช. ตั้ง กก.สอบ 3 ชุดปมขายที่ดินเอื้อเอกชน 26 คน เหลือผิด 3 คน
เปิดหนังสือ พล.ต.อ.อดุลย์ จี้ปธ.บอร์ด 2 รอบ บิ๊กการเคหะฯขายที่ดินส่อไม่สุจริต
ผู้ว่าฯ กคช.แจงปมขายที่ดินเอื้อเอกชน ผิด 3 คน ส่ง พล.อ.อนันตพร แล้ว
ร้องยื้อฟันบิ๊กการเคหะฯ-พวก 45 คน ปมขายที่ดินเอื้อเอกชนราคาถูก-ไม่ผ่าน ครม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/