บรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดี ปธ.อบจ.สมุทรสาคร ไม่แจ้งถือครองหุ้น 2 บริษัท
เปิดคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดีนักการเมือง ‘ซุกหุ้น’ กรณี ปธ.สภา อบจ.สมุทรสาคร ไม่แจ้งถือครองหุ้น บ.ในครอบครัว 2 แห่ง แจงไม่เป็น กก. ไม่ได้รับเงินปันผล ไม่เคยเข้าร่วมประชุม ฟันฉับ ‘ง่ายต่อการกล่าวอ้าง’ ฟังไม่ขึ้นจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ให้พ้นตำแหน่ง คุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า นักการเมืองนับสิบจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเท็จปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ หรือซุกทรัพย์สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) หนึ่งในนั้นคือคดี นายปัญญา ชวนบุญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)สมุทรสาคร (อดีตประธานสภา อบจ.สมุทรสาคร) ไม่ยื่นแสดงทรัพย์สิน 2 รายการ ได้แก่
1.เงินลงทุนในหุ้นบริษัท พงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด จำนวน 4,800 หุ้น มูลค่า 480,000 บาท และ 2.เงินลงทุนในหุ้นบริษัท สุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด จำนวน 6,250 หุ้น มูลค่า 625,000 บาท
ข้ออ้างของนายปัญญาคือ ไม่เคยได้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไร ไม่เคยได้รับการติดต่อจากบริษัท และบริษัทเลิกกิจการแล้ว ศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่าข้ออ้างของนายปัญหาฟังไม่ขึ้น มีความผิด ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาครที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันในวันที่ 30 มี.ค.2561 กับ จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท สารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.45/2561-30 มี.ค.2561) (อ่านประกอบ: ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน)
คำวินิจฉัยกรณีนักการเมืองซุกหุ้นดังกล่าว ถือเป็นบรรทัดฐานที่น่าสนใจ
สำนักข่าวอิศราเรียบเรียงมารายงานอย่างละเอียด
พิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้องและคำให้การของผู้คัดค้าน (นายปัญญา) แล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องเรียกพยานมาไต่สวน
@ไม่ยื่น ป.ป.ช. 2 ครั้ง
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2547 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2551 ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2551 โดยปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับหน้าที่ ต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2551 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2555 และได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2555 โดยดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่จนถึงปัจจุบันตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557
ในการดำรงตำแหน่งทั้งสามครั้งผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องแล้ว แต่ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในหุ้น บริษัท พงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด จำนวน 4,800 หุ้น มูลค่า 480,000 บาท และเงินลงทุนในหุ้นบริษัท สุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด จำนวน 6,250 หุ้น มูลค่า 625,000 บาท และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้คัดค้านไม่แสดงรายการเงินลงทุนในหุ้นบริษัท พงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด จำนวน 4,800 หุ้น มูลค่า 480,000 บาท และเงินลงทุนในหุ้นบริษัทสุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด จำนวน 2,000 หุ้น มูลค่า 200,000 บาท
@อ้างไม่ได้เป็น กก.-ไม่เคยรับเงินปันผล
เมื่อผู้ร้องตรวจพบได้มีหนังสือและโทรศัพท์แจ้งให้ ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบโดยไม่แสดงเงินลงทุนดังกล่าวต่อผู้ร้อง ผู้คัดค้านชี้แจงต่อผู้ร้องว่า บริษัท พงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2530 มีนายศุภพรพงศ์ ชวนบุญ พี่ชายผู้คัดค้านเป็นกรรมการผู้จัดการ ผู้คัดค้านถือหุ้นบริษัทโดยไม่เคยเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ไม่เคยได้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไร ไม่เคยได้รับการติดต่อจากบริษัท และบริษัทเลิกกิจการแล้ว ส่วนบริษัทสุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด ก่อตั้ง เมื่อปี 2545 ผู้คัดค้านถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในระยะแรก บริษัทประกอบกิจการหมู่บ้านจัดสรร และเลิกบริษัทแล้วเมื่อปี 2556 ผู้คัดค้านเห็นว่าทั้งสองบริษัทไม่ได้ประกอบกิจการใด ๆ และไม่มีผลทางรายรับหรือรายจ่าย จึงเข้าใจโดยสุจริตว่าไม่ต้องแสดงเงินลงทุนในหุ้นในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อผู้ร้อง
@ง่ายต่อการกล่าวอ้าง-ไม่มีน้ำหนัก
ศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 1 ทั้งกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้คัดค้านย่อมทราบว่าตนมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้คัดค้านกลับยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในหุ้นบริษัทพงษ์ศิริชัยวัสดุอุตสาหกรรม จำกัด และบริษัทสุขสวัสดิ์แลนด์ จำกัด เมื่อผู้ร้องตรวจพบได้มีหนังสือและโทรศัพท์แจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง โดยไม่แสดงเงินลงทุนดังกล่าว ผู้คัดค้านชี้แจงว่า ตนเข้าใจโดยสุจริตว่าเมื่อไม่ได้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรประกอบกับบริษัททั้งสองปิดกิจการไปแล้ว จึงไม่ต้องแสดงเงินลงทุน ซึ่งเงินลงทุนในหุ้นที่ผู้คัดค้าน ถือครองอยู่ทั้งสองบริษัท มีมูลค่าสูงถึง 480,000 บาท และ 625,000 บาท ผู้คัดค้านย่อมทราบว่าต้องแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง คำชี้แจงของผู้คัดค้านที่ชี้แจงต่อผู้ร้องจึงเป็นการง่าย แก่การกล่าวอ้างและไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟัง ทั้งในชั้นพิจารณาผู้คัดค้านให้การรับสารภาพตามคำร้อง พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 2 มีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง
@ต้องพ้นตำแหน่งทันที
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าภายหลังจากผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งครั้งที่ 2 แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2555 ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นครั้งที่ 3 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน อันเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระยะเวลาต้องห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ผู้คัดค้านจึงต้องพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 3 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันในวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย
พิพากษาว่า นายปัญญา ชวนบุญ ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 20 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 3 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันในวันที่ 30 มี.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ครั้งที่ 2 มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
(อ่านคำวินิจฉัยฉบับเต็มhttp://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/055/5.PDF )
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
ศาลฟัน สท.จ.ปทุมฯ-ส.อบจ.นครนายก ยื่นเท็จ-นายก อบต.ชัยนาทซุกที่ดินชื่อ‘ลูกนอกสมรส’
ไม่มาตามนัด!ศาลฎีกาฯจำคุกจริงอีก 2 นักการเมืองท้องถิ่นคนละ 2-4 เดือน ซุกบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จว.ไม่ยื่นบัญชีฯ -1 รายยื่นเท็จอยู่นนทบุรี
ซื้อเงินสด-ใส่ชื่อเมียนอกสมรส-ปั้นสัญญากู้เท็จ! พฤติกรรมนายกเทศมนตรี ซุกทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯจำคุกจริง 2 เดือน นายกเทศมนตรี จ.ปทุมฯซุกทรัพย์สินในชื่อ‘เมียนอกสมรส’
ศาลฎีกาฯปรับ 4,000-12,000 บาท รอลงโทษจำคุก 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.เชียงใหม่ พังงา-10 นักการเมืองท้องถิ่น 8 จว.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลจำคุก 2 เดือน นายก อบต.ใน จ.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ ซุกหนี้สินเมีย 1.1 ล.
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รองนายก อบจ.สกลฯซุก 5 ครั้ง
ฟันอีก 5 ! ศาลฎีกาฯจำคุกจริง รองนายก อบต. จ.ปัตตานี ไม่ยื่นทรัพย์สิน นับโทษจากคดีเก่า
ชื่อหรา‘เสี่ยชูวิทย์’หุ้นใหญ่ ภัตตาคารซินกี่ โอนให้ลูกน้องปี 47 คดีจำคุก ซุก ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม!คดีจำคุก‘ชูวิทย์’ ที่แท้ซุกหุ้น‘ภัตตาคารซินกี่’ ใช้ลูกน้อง‘นอมินี’
ลอตใหญ่! ศาลฎีกาฯฟัน 17 นักการเมืองท้องถิ่น 14 จังหวัด จงใจไม่ยื่นทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯฟันนักการเมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจใหญ่ ยื่นเท็จ ซุกที่ดิน 36 แปลง
ศาลฎีกาฯฟัน 9 นักการเมืองท้องถิ่น! 8 คนไม่ยื่นบัญชีฯ-ส.อบจ.สุราษฎร์ฯซุกหนี้ ที่ดิน เงินฝาก
ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สมุทรสาคร ซุกหุ้น 2 บ. – 7 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รองนายก อบต.-เทศบาล จ.ลพบุรี สกลนคร อุดรฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ