การประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำทีมโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับรัฐมนตรีในรัฐบาล นำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันอังคารที่ 18 ก.ย.2555 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวนโยบายดับไฟใต้ ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของ "การเมืองไทย" ที่ฝ่ายการเมืองจับมือกันแก้ไขปัญหาที่เป็น “วาระแห่งชาติ” โดยไม่แยกฝักฝ่าย

รัฐบาลและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาพิจารณาปัญหาการกว้านซื้อที่ดินอย่างผิดปกติจากทุกศาสนิกในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระดำรัสแสดงความเป็นห่วง

กรณีที่ศาลโกตาบารู ประเทศมาเลเซียยกฟ้อง 3 คนไทยจาก จ.นราธิวาส ในคดีครอบครองวัตถุระเบิดและอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในย่านปาเสมัส รัฐกลันตัน และคดียุติลงอย่างเด็ดขาดเมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น กลายเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไทยต้อง "คิดหนัก" เกี่ยวกับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ของไทย ซึ่งทางการไทยคาดหวังอย่างสูงจากมาเลเซีย

กลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจาก พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ส.ค.2555 โดยเปรยถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำนองว่าต้องบังคับใช้กฎหมายพิเศษเต็มพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่เสียดินแดน แต่ถ้าชะล่าใจจะเสียดินแดนแน่ในอนาคต โดยเฉพาะหากมีการ "ลงประชามติ"

ว่าที่ ผบ.ตร.ออกโรงแนะจัดโครงสร้างองค์กรดับไฟใต้ใหม่ เหตุยังไร้ "ซีอีโอ" เปรียบเหมือนทีมฟุตบอลที่มีแต่นักเตะแต่ไม่มีโค้ช หนุนให้อำนาจ "แม่ทัพภาค 4" คุมเบ็ดเสร็จ ดึง ศอ.บต.ให้อยู่ใต้ร่ม กอ.รมน.ส่วนระดับนโยบายต้องเลือกเฟ้น "คนดี" ลงไปทำงาน ตั้งแต่ทหาร ตำรวจ ไปจนถึงผู้ว่าฯ นายอำเภอ