เหตุระเบิดหลายสิบจุดในเขต อ.เมือง จ.ยะลา ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กลุ่มก่อความไม่สงบสามารถเปิดปฏิบัติการแบบปูพรมเป็นเหตุใหญ่สะเทือนทั้งกองทัพและรัฐบาลได้คล้ายกับเหตุการณ์ "ดับเมืองยะลา" เมื่อปี 2548 ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนอย่าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตแม่ทัพสีกากีในภารกิจดับไฟใต้ ปัจจุบันไปนั่งเป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. เคยมั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นบทพิสูจน์ว่าแท้ที่จริงพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความคมชัดต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด

เหตุรุนแรงถี่ยิบช่วงรอมฎอนซึ่งมี "ครู" ตกเป็นเหยื่อด้วย กระตุกให้สังคมไทยและสื่อสารมวลชนหันมาสนใจปัญหาความไม่ปลอดภัยและเสี่ยงอันตรายของ "ครู" ผู้เสียสละทำงานเพื่ออนาคตของชาติอยู่ ณ ดินแดนปลายสุดด้ามขวานอีกครั้ง

ปี 2554 กลายเป็นปีที่สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อนแรงขึ้นอีกครั้งในความรู้สึกของใครหลายๆ คน เพราะมีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นจึงน่าติดตามตรวจสอบว่าหากพิจารณาในแง่สถิติตัวเลขจริงๆ ที่เก็บรวบรวมกันในพื้นที่แล้ว ความถี่ของเหตุร้ายรายวันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจริงหรือไม่ และหากใช่...พื้นที่ใดน่าหวั่นใจที่สุด

หากพิจารณาในแง่ความรู้สึก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ปี 2554 รุนแรงมากขึ้นกว่าในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า ทำให้คำประกาศของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงที่ย้ำว่าภาพรวมของสถานการณ์ดีขึ้นนั้น ถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่าความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ