โชว์คำพิพากษาศาลฎีกาฯมัด‘บุญทรง’แก้ไขสัญญาข้าวจีทูจีฉบับแรก ชนวนถูกเพิ่มโทษ 48 ปี?
“...พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 (นายบุญทรง) ในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 คือ คือการขยายระยะเวลารับมอบข้าว 2 ครั้งนั้น จำเลยที่ 2 ย่อมทราบได้จากบันทึกการขอความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาว่ามีพิรุธหลายประการดังที่วินิจฉัยข้างต้น อีกทั้งบันทึกขอความเห็นชอบแก้ไขสัญญาแต่ละครั้ง ไม่ปรากฏว่า มีการเจรจาในประเด็นขอแก้ไขแต่อย่างใด มีผลให้เหมือนเป็นการทำสัญญาขึ้นใหม่ ควรต้องมีการเจรจาข้อตกลงใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ฝ่ายไทย มิใช่อาศัยสัญญาเดิมที่บริษัท กว่างต่งฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบมาขอแก้ไขสัญญาเพิ่มชนิดข้าวไปเรื่อย ๆ…”
หลายคนคงทราบไปแล้วว่า คำวินิจฉัยอุทธรณ์ขององค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษาแก้ เพิ่มโทษนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต อีก 1 กระทง จำนวน 6 ปี เดิมที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 42 ปี รวมเป็น 48 ปี
สาเหตุสำคัญที่ผลอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษาแก้เพิ่มโทษนายบุญทรงนั้น เป็นเพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า นายบุญทรง มีส่วนร่วมในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 จากทั้งหมด 4 สัญญา ที่ทำจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจจีน ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ส่งผลให้เปิดช่องให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ผูกขาดนำข้าวไปเวียนขายต่อภายในประเทศ คำอุทธรณ์ของฝ่ายโจทก์ (อัยการสูงสุด) ฟังขึ้น (อ่านประกอบ : ผิดครบทั้ง 4 กรรม! เบื้องหลังเพิ่มโทษคุก‘บุญทรง’48 ปี เหตุไปแก้ไขสัญญาแรกด้วย)
เพื่อให้สาธารณชนทราบรายละเอียด ที่มาที่ไปของการทำโครงการระบายข้าวจีทูจี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำฟ้องของ อสส. ต่อนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) นายบุญทรง (จำเลยที่ 2) พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 3) นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 4) นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว (จำเลยที่ 5) และนายอัครพล ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 6) กับพวกรวม 28 ราย และส่วนหนึ่งในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มานำเสนออีกครั้ง ดังนี้
คำฟ้องของฝ่าย อสส. เฉพาะกรณีกลุ่มการเมือง 3 ราย ได้แก่ จำเลยที่ 1-3 สรุปได้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 8 ก.ย. 2554-22 ก.พ. 2556 นายภูมิ และนายบุญทรง มีอำนาจและหน้าที่ในการอนุมัติ พิจารณา จัดการ และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการเจรจาต่อรองตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขต่อรอง การทำสัญญา การแก้ไขสัญญา และการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ส่วน พ.ต.นพ.วีระวุฒิ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา จัดการ และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการเจรจา ส่วนจำเลยที่ 4-6 (กลุ่มข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์) มีอำนาจในการเจรจา กำหนดเงื่อนไขต่อรอง ทำสัญญา แก้ไขสัญญา พิจารณาชำระค่าข้าว และสั่งคลังสินค้าส่งมอบข้าว
โดยจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันเสนอราคาซื้อข้าวให้แก่บริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ (2 รัฐวิสาหกิจจีน) เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศแบบจีทูจีในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเป็นพิเศษ โดยอ้างว่า 2 รัฐวิสาหกิจจีนดังกล่าว เป็นผู้แทนรัฐบาลจีน ทำให้บริษัท กว่างตงฯ ทำสัญญา 3 ฉบับ และบริษัท ห่ายหนานฯ ทำสัญญา 1 ฉบับ แต่ข้อเท็จจริง 2 รัฐวิสาหกิจจีนดังกล่าว ไม่ใช่ผู้แทนรัฐบาลจีน แต่ร่วมกับกลุ่มเอกชนเครือสยามอินดิก้า นำข้าวบางส่วนตามสัญญษออกขายให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวในประเทศ โดยเครือสยามอินดิก้า เป็นผู้ชำระราคาและรับมอบไป
การทำสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 นั้น ดำเนินการโดย จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4-6 ส่วนสัญญาฉบับที่ 3-4 ดำเนินการโดยจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4-6 ร่วมกันใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) กระทรวงพาณิชย์ ส่วนจำเลยที่ 3 ได้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว
จำเลยที่ 1-6 กับบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ ได้ร่วมกันเสนอราคาโดยให้บริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการซื้อข้าวของรัฐเพื่อให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศแบบจีทูจีในราคาต่ำกว่าท้องตลอดเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และเป็นการเอาเปรียบแก่กรมการค้าต่างประเทศอันมิใช่เป็นไปในทางประกอบธุรกิจปกติ
ทั้งนี้โฟกัสเฉพาะประเด็นการเจรจาซื้อขายข้าว และแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าว ในส่วนสัญญาที่ 1-2 พบว่า หน้าที่การเจรจาซื้อขายข้าวนั้น จำเลยที่ 4-6 เป็นคณะผู้เจรจาฝ่ายไทย ร่วมกันเจรจาซื้อขายข้าวกับ 2 รัฐวิสาหกิจจจีน โดยในส่วนสัญญาที่ 1-2 จำเลยที่ 1 (นายภูมิ) ให้ความเห็นชอบ ต่อมาจำเลยที่ 4 เสนอบันทึกขอแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวทั้ง 2 ฉบับหลายครั้ง โดยจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 (นายบุญทรง) ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ให้ความเห็นชอบทุกครั้ง หลังทำสัญญามีการชำระราคาและส่งมอบข้าวตามสัญญาฉบับที่ 1 ปริมาณ 1,820,861 ตัน เป็นเงิน 18,208,156,582 บาท สัญญาฉบับที่ 2 ปริมาณ 1,402,538 ตัน เป็นเงิน 28,988,111,653 บาท
หากพิจารณาจากคำฟ้องของ อสส. เห็นได้ว่า พฤติการณ์ของนายบุญทรงขณะนั้น แม้ในช่วงที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ (แทนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และนั่งเก้าอี้เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว (แทนนายภูมิ) ได้มีความเห็นชอบแก้ไขสัญญาการซื้อขายข้าวจีทูจีฉบับที่ 1 ด้วย
ซึ่งประเด็นนี้สอดคล้องกับการไต่สวนของศาลฎีกาฯ ที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีนี้ตอนหนึ่งว่า บริษัท กว่างตงฯ ตกลงซื้อข้าวจากไทยโดยแยกสัญญาเป็น 2 ฉบับคือ ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ต่อมาช่วงปลายปี 2554 จำเลยที่ 4 (นายมนัส) ได้ทำบันทึกขอความเห็นชอบแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และ 2 หลายครั้ง เช่น กรณีการขอเพิ่มวิธีชำระเงิน โดยชำระเงินล่วงหน้า โอนเงินผ่านธนาคาร (SWIFT) หรือชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค ในรูปเงินบาทออกโดยธนาคารที่ตั้งในประเทศไทย การขอเพิ่มปริมาณข้าว การขอผ่อนผันเงื่อนไขเกี่ยวกับปริมาณการรับมอบข้าว การขอขยายเวลารับมอบข้าว เป็นต้น โดยในช่วงเวลานั้น จำเลยที่ 1 (นายภูมิ) เป็น รมช.พาณิชย์ และเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้ให้ความเห็นชอบทั้งหมด
หลังจากนั้นจำเลยที่ 4 เกษียณอายุราชการ จำเลยที่ 2 (นายบุญทรง) มาเป็น รมว.พาณิชย์ และเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว (แทนนายภูมิ) มีนางปราณี ศิริพันธ์ มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เสนอขอความเห็นชอบให้แก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 ขยายระยะเวลารับมอบข้าวอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยจำเลยที่ 2 ให้ความเห็นชอบให้แก้ไขทั้ง 2 ครั้ง มีการแก้ไขเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2555 และวันที่ 28 ธ.ค. 2555
ในส่วนของความผิดปกติของสัญญาฉบับที่ 1-2 ของบริษัท กว่างตงฯ นั้น คำพิพากษาระบุว่า เป็นการขอเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีแบบไม่มีที่มาที่ไป และไม่ปรากฏว่ามีข้าราชการคนใดเป็นผู้ประสานงานกับตัวแทนของบริษัท กว่างตงฯ (นายรัฐนิธ โสจิระกุล เครือข่ายสยามอินดิก้า จำเลยที่ 8) จึงถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ผิดแผกจากแนวปฏิบัติที่ผ่านมา เป็นข้อพิรุธ นอกจากนี้ยังมีข้อพิรุธหลายประการ เช่น การตกลงซื้อขายด้วยเงินบาท ไม่ใช่สกุลเงินที่นิยมซื้อขายกันระหว่างประเทศ การส่งมอบแบบหน้าคลังสินค้า ((Ex-Warehouse) แทนที่จะเป็นแบบส่งมอบที่ท่าเรือของผู้ซื้อ (FOB) หรือส่งมอบที่เมืองท่าของผู้ขาย (CIF) เป็นต้น
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 (นายบุญทรง) ในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 คือ คือการขยายระยะเวลารับมอบข้าว 2 ครั้งนั้น จำเลยที่ 2 ย่อมทราบได้จากบันทึกการขอความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาว่ามีพิรุธหลายประการดังที่วินิจฉัยข้างต้น อีกทั้งบันทึกขอความเห็นชอบแก้ไขสัญญาแต่ละครั้ง ไม่ปรากฏว่า มีการเจรจาในประเด็นขอแก้ไขแต่อย่างใด มีผลให้เหมือนเป็นการทำสัญญาขึ้นใหม่ ควรต้องมีการเจรจาข้อตกลงใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ฝ่ายไทย มิใช่อาศัยสัญญาเดิมที่บริษัท กว่างต่งฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบมาขอแก้ไขสัญญาเพิ่มชนิดข้าวไปเรื่อย ๆ
กรณีจำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าการให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาเป็นไปตามข้อตกลงเดิมในสัญญาที่ทำขึ้นก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากเมื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจและหน้าที่ในการระบายข้าวอันเป็นการจัดการทรัพย์ การให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โดยมิชอบ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว
นี่คือสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 ของนายบุญทรง ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าในตอนแรกฝ่ายโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องข้อเท็จจริงว่า พฤติการณ์นายบุญทรงในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 เป็นอย่างไร ทำให้นายบุญทรงรอดจากความผิดกรรมนี้ ส่งผลให้ฝ่าย อสส. ขออุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้เพิ่มโทษนายบุญทรง โดยชี้แจงต่อศาลฯ ว่าได้บรรยายคำฟ้องข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ของนายบุญทรงในการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 เพิ่มเติม ครบถ้วนแล้ว จนนำไปสู่คำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษาแก้เพิ่มโทษนายบุญทรง ในส่วนนี้อีก 1 กระทง จำคุก 6 ปี รวมกับโทษเดิมเป็น 48 ปี
แต่คดีมหากาพย์นี้ยังคงไม่จบ เหลือคดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตสอง ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรากฏชื่อนายบุญทรง เป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม (ต้นสังกัดทางการเมืองนายบุญทรง) ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม จ่อคิวอยู่
ว่ากันว่างวดเข้ามาทุกขณะแล้ว ?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
จำคุก'บุญทรง'เพิ่มอีก 6 ปีรวม 48 ปี-กลุ่มโรงสีผิดด้วยแต่รอลงโทษ3ปี-สั่งชดใช้2หมื่นล.
‘โจ’ดีล‘วีระวุฒิ’ขาย‘สมคิด’เบิกข้าวให้!ล้วงคำวินิจฉัยองค์คณะฯทำไมต้องลงโทษโรงสีคดีจีทูจีเก๊?
ไม่เอกฉันท์ยกฟ้องโรงสีคดีจีทูจีเก๊ คำวินิจฉัยองค์คณะฯชี้ซื้อต่อ‘โจ’ผิดปกติ-อัยการจ่ออุทธรณ์
ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก‘หมอโด่ง’50 ปี-‘สุธี’ 32 ปี ทุจริตข้าวจีทูจี-หลบหนีสั่งออกหมายจับ
ไม่รู้‘หมอโด่ง’เอาข้าวจีทูจีมาขาย!ล้วงเหตุผลศาลฎีกาฯยกฟ้อง7โรงสี-เอกชน
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
คำพิพากษาชำแหละ‘โจ’มือขวา‘เสี่ยเปี๋ยง’ ตัวละครสำคัญรับบทนายหน้าเบิกข้าวคดีจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น
ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊
รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายบุญทรง จาก ฐานเศรษฐกิจออนไลน์