- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?
เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?
“…เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.ธันยพร กับนายอภิชาติ ซึ่งเป็นบุตรกับบิดา ประกอบกับความเชื่อมโยงทางธุรกรรมการเงินระหว่างกันของทั้งสองบริษัท เชื่อว่า บริษัท สิรายลัย จำกัด และ น.ส.ธันยพร ทราบว่า การซื้อขายข้าวระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กับรัฐวิสาหกิจมณฑลจีน เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย…”
นอกเหนือจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่ปัจจุบันหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาล กระทั่งถูกออกหมายจับ และเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมากที่สุดตอนนี้
น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ทางการไทยกำลังต้องการตัวอยู่เช่นกัน
เนื่องจากเป็นหนึ่งในจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต (จำเลยที่ 21) เป็นกรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด จำเลยที่ 20) และหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา
วันนัดฟังคำพิพากษาดังกล่าว ทนายความของ น.ส.ธันยพร ยื่นคำร้องต่อศาลว่า ได้รับแจ้งจากญาติของ น.ส.ธันยพร ว่า เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2560 เวลาประมาณ 14.00 น. ด้วยอาการอาหารเป็นพิษ ถ่ายเหลว มีอาการหน้ามืดเป็นลม มีภาวะไตเสื่อมเฉียบพลัน และในวันดังกล่าวยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ อย่างไรก็ดีฝ่ายโจทก์ (พนักงานอัยการ) คัดค้าน ไม่เชื่อว่าป่วยจริง ขอให้ศาลเผชิญสืบต่อ
องค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อาการป่วยของ น.ส.ธันยพร ไม่หนักมากถึงขนาดไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ พฤติการณ์มีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหลบหนี ไม่มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา และออกหมายจับ พร้อมให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ย. 2560 เวลา 09.00 น. (วันเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดความข้อมูลความเคลื่อนไหวของ น.ส.ธันยพร แทบจะในทันที เบื้องต้นโทรศัพท์สอบถามค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี นายทหารระดับสูงในค่าย ยืนยันว่า ไม่ทราบข้อมูลของ น.ส.ธันยพร ในการเข้าพักรักษาตัว และขอเวลาตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ดีไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่ น.ส.ธันยพร อ้างว่าพักรักษาตัวที่ค่ายมาจากแหล่งใด
ส่วนข้อเท็จจริงจากาฝั่งโรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ (อ่านประกอบ : เข้ารักษาตัวรพ.ค่ายสุรสีห์ช่วงบ่าย2!แกะรอยเส้นทางหนีลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง-ไฉนทหารนิ่ง?)
ไม่ว่าตกลงแล้ว น.ส.ธันยพร จะยังอยู่ในไทย หรือหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วก็ตาม
แต่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯได้อ่านคำพิพากษาคดีระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริตตอนหนึ่งถึงกรณีของ น.ส.ธันยพร ด้วย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปได้ดังนี้
สำหรับบริษัท สิราลัย จำกัด (จำเลยที่ 20 ปัจจุบันคือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) และ น.ส.ธันยพร (จำเลยที่ 21) ได้ความว่า บริษัท สิราลัย จำกัด มี น.ส.ธันยพร เป็นบุตรของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 14) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแต่เพียงผู้เดียว
ข้อเท็จจริงได้ความจากบันทึกถ้อยคำของผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง ว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2555 นายสมคิด เอื้อนสุภา (จำเลยที่ 7) ซื้อแคชเชียร์เช็ค จำนวน 739 ล้านบาท ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง ของบริษัท สิราลัย จำกัด จำนวน 700 ล้านบาท ส่วนอีก 39 ล้านบาท ถอนจากบัญชีของ น.ส.เรืองวัน เลิศศรารักษ์ (จำเลยที่ 12) และนายนิมล รักดี (จำเลยที่ 15)
ปรากฏต่อมาว่า นายสมคิด ได้นำแคชเชียร์เช็คฉบับดังกล่าวไปชำระค่าข้าวตามสัญญาฉบับที่ 2 ให้กรมการค้าต่างประเทศ และยังได้ความจากการไต่สวนว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2556 นายสมคิด ซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยโชคชัย 4 จำนวน 396 ล้านบาทเศษ ไปชำระค่าข้าวให้กรมการค้าต่างประเทศ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งของ น.ส.ธันยพร ที่ถอนจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโชคชัย 4 จำนวน 283 ล้านบาท
และวันที่ 2 ธ.ค. 2556 นายสมคิด ซื้อแคชเชียร์เช็คอีก 2 ฉบับ จำนวนเงิน 146.5 ล้านบาท และ 142.5 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ถอนมาจากบัญชีของบริษัท สิราลัย จำกัด นำไปชำระค่าข้าวให้กรมการค้าต่างประเทศ ที่มีบริษัท ไห่หนานฯ เป็นคู่สัญญา
เรื่องนี้ น.ส.ธันยพร เบิกความว่า ไม่รู้จักนายสมคิด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อแคชเชียร์เช็ค 739 ล้านบาท ส่วนเงินจำนวน 700 ล้านบาท ที่ถอนจากบัญชีของบริษัท สิราลัย จำกัด ได้นำไปคืนเงินกู้แก่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10)
เห็นว่า นายสมคิด เป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีสำนักงานเดียวกับบริษัท สิราลัย จำกัด ข้อที่ น.ส.ธันยพร อ้างว่า ไม่รู้จักนายสมคิดจึงไม่น่าเชื่อ ส่วนหลักฐานการรับคืนเงินกู้เป็นเอกสารที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จัดทำขึ้นเอง ไม่มีหลักฐานอื่นมาประกอบ ย่อมมีน้ำหนักน้อย สำหรับข้ออ้างถอนเงินจากบัญชี 283 ล้านบาท ไปซื้อกองทุน 112 ล้านบาท ตามคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน และชำระเงินกู้ยืมให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด 171 ล้านบาท ตามใบเสร็จรับเงินนั้น ไม่มีเอกสารทางบัญชีอื่นมาสนับสนุนเช่นกัน
ประกอบกับข้อนำสืบที่ว่า น.ส.ธันยพร กับบริษัท สิราลัย จำกัด ได้ทำสัญญากู้ มีวงเงิน 7.5 พันล้านบาท เมื่อบริษัท สิราลัย จำกัด ต้องการใช้เงิน น.ส.ธันยพร จะยื่นคำขอเบิกเงินเป็นคราว ๆ โดยบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 1 เดือน จะโอนเข้าบัญชีของ น.ส.ธันยพร แล้ว น.ส.ธันยพร จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้บริษัท สิราลัย จำกัด ไว้เป็นหลักฐาน ที่ผ่านมาเคยกู้ยืมเงินจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด หลายครั้งนั้น
เห็นว่า ขณะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สิราลัย มีหุ้นทั้งหมด 22 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย น.ส.ธันยพร จำนวน 6.6 ล้านหุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 6.6 ล้านหุ้น นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข จำนวน 8.8 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้นทั้งหมดล้วนเป็นคนในครอบครัวของนายอภิชาติ บริษัท สิราลัย จำกัด จึงมีสถานะเป็นกิจการในกลุ่มของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เท่านั้น ทั้งสัญญาเงินกู้ระหว่างบริษัท สิราลัย จำกัด และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2555 อันเป็นวันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สิราลัย จำกัด นั้นเอง จึงไม่น่าเชื่อว่าบริษัททั้งสองจะมีการกู้ยืมเงินกันจริง
แม้บริษัท สิราลัย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งภายหลังจากมีการทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีตามสัญญาฉบับที่ 2 ในคดีนี้ อีกส่วนหนึ่งถูกถอนไปชำระค่าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กับรัฐวิสาหกิจมณฑลจีน ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (คดีข้าวจีทูจีล็อตใหม่ หรือ 4 ไห่ฯ)
เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.ธันยพร กับนายอภิชาติ ซึ่งเป็นบุตรกับบิดา ประกอบกับความเชื่อมโยงทางธุรกรรมการเงินระหว่างกันของทั้งสองบริษัท เชื่อว่า บริษัท สิรายลัย จำกัด และ น.ส.ธันยพร ทราบว่า การซื้อขายข้าวระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กับรัฐวิสาหกิจมณฑลจีน เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
การที่ น.ส.ธันยพร ถอนเงินจากบัญชีของบริษัท สิราลัย จำกัด ไปซื้อแคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าวให้กรมการค้าต่างประเทศ จึงเป็นความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เป็นความผิดกระทงเดียว
ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ได้ความว่า บริษัท สิราลัย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งภายหลังทำสัญญาฉบับที่ 1 และ 2 แล้ว ส่วนการทำสัญญาฉบับที่ 3 และ 4 ในทางไต่สวนไม่ปรากฏหลักฐานว่า บริษัท สิราลัย จำกัด และ น.ส.ธันยพร ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จึงไม่มีความผิดในส่วนนี้
----
นี่คือพฤติการณ์ของบริษัท สิราลัย จำกัด และ น.ส.ธันยพร ในชั้นการไต่สวนของศาลฎีกาฯ อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษากรณีของ น.ส.ธันยพร อย่างเป็นทางการออกมา ต้องรอฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย. 2560
ตามข้อเท็จจริงข้างต้นชี้ให้เห็นว่า น.ส.ธันยพร และบริษัท สิราลัย จำกัด คืออีก 2 ตัวละครสำคัญที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการระบายข้าวจีทูจี ทั้งในล็อตแรก 4 สัญญา (ปี 2554-2555) และล็อตหลัง 4 สัญญา (ปี 2556 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.)
โดยเฉพาะบริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการอายัดทรัพย์สินไปเป็นจำนวนกว่า 7 พันล้านบาท (อ่านประกอบ : เปิดตัวหุ้นใหญ่ 'บ.สิราลัย' ก่อนโดนปปง.อายัดทรัพย์7พันล.-ไร้เงาคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง-บ.จีนโผล่?)
ทั้งนี้ในช่วงการตรวจสอบการระบายข้าวจีทูจี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลบริษัท สิราลัย จำกัด (บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) อย่างต่อเนื่อง พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ น.ส.ธันยพร ได้หอบเงินเพิ่มทุนปริศนาถึงกว่า 2.2 พันล้านบาท ต่อมาเมื่อถูก ป.ป.ช. ไต่สวนคดีดังกล่าว มีบริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เข้ามาถือหุ้นใหญ่แทนคนสกุล ‘จันทร์สกุลพร’ ทั้งหมด หลังจากนั้นบริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM ได้เข้ามาซื้อกิจการของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ต่อ ต่อมาเมื่อปี 2559 มีกลุ่มทุนจากจีนคือ เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด เข้ามาถือหุ้นถึง 49%
อย่างไรก็ดียังคงไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า น.ส.ธันยพร และคนสกุล ‘จันทร์สกุลพร’ นำเงินจากไหนกว่า 2.2 พันล้านบาทมาเพิ่มทุนจดทะเบียน ?
นี่คืออีกหนึ่งข้อเท็จจริงสำคัญที่บ่งชี้ว่า น.ส.ธันยพร มีบทบาทอย่างไรในขบวนการระบายข้าวจีทูจีครั้งนี้ และอาจเป็นเหตุผลว่า ทำไม น.ส.ธันยพร ถึงไม่ปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯเพื่อฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา
และท่าทีของรัฐบาล คสช. รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงขณะนี้ ที่ทุ่มสรรพกำลังตามหาตัว น..ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ในส่วนการหลบหนีคดีของ น.ส.ธันยพร กลับยังไม่มีแอ็คชั่นอะไรออกมา ทั้งที่ น.ส.ธันยพร อ้างว่า พักรักษาตัวอยู่ในค่ายสุรสีห์ ซึ่งเป็นค่ายทหารสำคัญแนวเขตชายแดน จ.กาญจนบุรี ด้วยซ้ำ ?
คงต้องรอติดตามข้อเท็จจริงกันต่อไป !
อ่านประกอบ :
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น
ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊
รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบค่ายสุรสีห์ จากเว็บไซต์จังหวัดกาญจนบุรี