รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 26 สิงหาคม 2560 เวลา 12:07 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

“…ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษายาวนานเกือบ 5 ชั่วโมงรวด ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของจำเลย และเครือญาติที่มาศาล โดยเฉพาะนายภูมิ นายบุญทรง และนายอภิชาติ เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาถึงพฤติการณ์ทุจริตในคดีนี้แล้ว มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างชัดเจน จนต้องขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ท่ามกลางการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายที่เข้ามาในห้องพิจารณาคดี เพื่อป้องกันจำเลยหลบหนี…”

PIC sandikakhaog2g 26 8 60 1

ปิดฉากรูดม่านกันไปเรียบร้อย!

สำหรับการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา ‘จำคุกหนัก’ จำเลยในคดีนี้ 15 ราย สั่งปรับ 2 บริษัทเอกชน ยกฟ้อง 8 ราย และออกหมายจับ 3 ราย เกี่ยวกับการขายข้าวจีทูจีให้กับรัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่ง ได้แก่ กวางตุ้ง (3 สัญญา) และไห่หนาน (1 สัญญา) เหตุเกิดเมื่อปี 2554-2555

โดยเฉพาะตัวละครสำคัญอย่าง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำคุก 42 ปี นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 40 ปี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พ่วงด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)

กลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เช่น นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ จำคุก 48 ปี พร้อมกับบรรดาคนสนิท-พนักงานในบริษัท เช่น นายนิมล รักดี (โจ) จำคุก 32 ปี นายสมคิด เอื้อสุภา จำคุก 16 ปี นายลิตร พอใจ และนายรัฐนิธ โสจิระกุล (ปาล์ม) จำคุกคนละ 8 ปี ฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พ่วงด้วย พ.ร.บ.ฮั้ว (อ่านประกอบ : ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล., INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)

พฤติการณ์ข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวเป็นอย่างไร ?

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. แล้วเสร็จประมาณ 14.00 น. ร่ายยาวถึงกระบวนการ-ข้อเท็จจริง-ความสัมพันธ์ของตัวละครต่าง ๆ และขั้นตอนการระบายข้าวแบบจีทูจีโดยมิชอบ

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปได้ดังนี้

@ไม่ได้ซื้อข้าวจาก COFCO-แก้ไขสัญญาเอื้อให้ทำจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจใดก็ได้

นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 4) นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว (จำเลยที่ 5) และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 6) เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ ต้องทราบหรือควรทราบอยู่แล้วว่า การซื้อขายแบบจีทูจี โดยเฉพาะการขายข้าวกับจีน ต้องผ่านรัฐวิสาหกิจจีนที่ชื่อว่า COFCO ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนเพียงแห่งเดียว และที่ผ่านมาประเทศไทยดำเนินการซื้อขายข้าวกับจากจีน ผ่านรัฐวิสาหกิจจีน COFCO มาโดยตลอด และ COFCO ถูกประกาศรับรองจากสากลใน WTO (องค์การการค้าโลก) ด้วย

แต่พฤติการณ์กับเป็นผู้ไปเจรจาซื้อขายข้าวกับรัฐวิสาหกิจจีนระดับมณฑล 2 แห่ง ได้แก่ Guanddong stationery & sporting goods imp. & exp. Crop (กวางตุ้ง) จำนวน 3 สัญญา และ Hainan grain and oil industrial trading company จำนวน 1 สัญญา

ทางการไต่สวนพบว่า ภายหลังมีการจัดตั้งแผนยุทธศาสตร์ระบายข้าว โดยระบุถึงการระบายข้าวจีทูจีไว้ด้วยนั้น เบื้องต้นได้ระบุว่า การขายข้าวแบบจีทูจี ต้องทำโดยรัฐบาลต่อรัฐบาล ต่อมามีการปรับแก้ไขเป็นต้องทำโดยรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือผ่านรัฐวิสาหกิจในประเทศนั้น ๆ ได้ ก่อนที่จำเลยจะนำยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว ที่มีจำเลยที่ 1 (นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์) เป็นประธาน (ขณะนั้น)

แม้จำเลยจะต่อสู้คดีว่า ยุทธศาสตร์การระบายข้าวจีทูจีดังกล่าว ยึดตามแผนระบายมันสำปะหลังแบบจีทูจีของรัฐบาลชุดก่อนเมื่อปี 2552 (รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อย่างไรก็ดีจากการไต่สวนพบว่า แผนระบายมันสำปะหลังจีทูจีเมื่อปี 2552 ไม่ได้มีการระบุว่าให้ซื้อขายได้ในนามรัฐวิสาหกิจอย่างเดียว แต่เป็นเพียงข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการระบายมันสำปะหลังเท่านั้น และข้อสังเกตดังกล่าวไม่ได้นำมาใช้เป็นแนวทางในการระบายมันสำปะหลังแบบจีทูจี

นายภูมิ (จำเลยที่ 1) เมื่อได้เป็นประธานอนุกรรมการระบายข้าวเพียง 2 วัน ได้นัดประชุมพิจารณายุทธศาสตร์การระบายข้าว โดยเสนอต่อที่ประชุม อย่างไรก็ดีจำเลยที่ 5 ได้เสนอที่ประชุมให้เพิ่มถ้อยคำอันเป็นพิรุธดังกล่าว หลังจากนั้นนายภูมิ จึงเห็นชอบด้วย และมอบหมายให้นายมนัส นายฑิฆัมพร และนายอัครพงศ์ เป็นผู้เจรจากับรัฐวิสาหกิจจีนเพื่อดำเนินการระบายข้าวจีทูจี

@ไม่เช็คสถานะ ‘กวางตุ้ง-ไห่หนาน’-ไม่เปิดเผยที่ประชุมอนุฯระบายข้าว

กวางตุ้ง มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายมนัส) ขอซื้อข้าว 3 สัญญา นายมนัส อ้างว่าตามหนังสือดังกล่าว ได้อ้างชื่อของนายรัฐนิธ โสจิระกุล (จำเลยที่ 8) เป็นผู้ประสานงานของกวางตุ้ง อย่างไรก็ดีทางการไต่สวนไม่พบหนังสือดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่ปรากฏชื่อผู้รับหนังสือ

ขณะเดียวกันปลัดกระทรวงพาณิชย์ (ขณะนั้น) ได้เบิกความต่อศาลว่า หนังสือดังกล่าวส่งที่ทางสำนักอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขัดกับคำให้การของนายมนัส นายฑิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ที่อ้างว่า หนังสือดังกล่าวส่งมาทางไปรษณีย์

ส่วนไห่หนาน มีหนังสือถึง รมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์) ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมการระบายข้าว (แทนนายภูมิ) เพื่อขอซื้อข้าว 1 สัญญา อย่างไรก็ดีปลัดกระทรวงพาณิชย์ (ขณะนั้น) เบิกความต่อศาลว่า หนังสือดังกล่าวถูกส่งมาให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายมนัส) เป็นผู้ดำเนินการ ไม่ได้ส่งมาที่ รมว.พาณิชย์ แต่อย่างใด

ทางการไต่สวนพบว่า หนังสือดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนย่อมเป็นพิรุธ ผิดปกติ ขัดกับแนวปฏิบัติที่ผ่านมาหากมีการขอซื้อข้าวแบบจีทูจีจะต้องดำเนินการอย่างเปิดเผย เป็นทางการ และชัดเจน

ขณะเดียวกันนายภูมิ และนายบุญทรง ได้มอบหมายให้นายมนัส นายฑิฆัมพร และนายอัครพงศ์ เป็นผู้เจรจาการซื้อขายข้าวจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่ง (กวางตุ้ง และไห่หนาน) เบื้องต้นนายมนัส นายฑิฆัมพร ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานพาณิชย์จีน เพื่อตรวจสอบวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจจีน 2 แห่งดังกล่าวว่าทำธุรกิจค้าข้าวหรือไม่ ซึ่งไม่ตรงประเด็นที่ต้องตรวจสอบว่า รัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่ง เป็นผู้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนหรือไม่

นอกจากนี้นายมนัส นายฑิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ยังเป็นผู้เจรจาซื้อขายข้าวจีทูจีกับกวางตุ้ง และไห่หนาน ก่อนหน้าที่สำนักพาณิชย์จะตอบกลับมาว่ารัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่งมีวัตถุประสงค์ทำธุรกิจอะไรบ้าง ซึ่งเป็นข้อพิรุธว่า ดำเนินการเจรจาไปก่อนทราบสถานะรัฐวิสาหกิจ

ขณะเดียวกันนายภูมิ และนายบุญทรง ในฐานะประธานอนุกรรมการระบายข้าว (2 สัญญากับกวางตุ้ง นายภูมิ เป็นประธานฯ 1 สัญญากับกวางตุ้ง และ 1 สัญญากับไห่หนาน นายบุญทรง เป็นประธานฯ) ปรากฏทางการไต่สวนว่า ไม่เคยรายงานการซื้อขายข้าวจีทูจีให้ที่ประชุมอนุกรรมการระบายข้าวทราบด้วย เคยชี้แจงแค่ครั้งเดียวในที่ประชุมว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการขายข้าวจีทูจีให้กับรัฐวิสาหกิจจีน แต่ไม่ได้ระบุชื่อ

นายภูมิ และนายบุญทรง ยังเป็นผู้ลงนามอนุมัติการขายข้าวจีทูจีดังกล่าวด้วย โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อนว่า รัฐวิสาหกิจจีนดังกล่าวได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนมาจริงหรือไม่ และการลงนามสัญญาดังกล่าว ทำให้ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ชาติ และกรมการค้าต่างประเทศ

@แก้ไขสัญญาจีทูจี-ขายข้าวราคา‘มิตรภาพ’ทำชาติเสียหายกว่า 1.69 หมื่นล.

ในการทำสัญญาข้าวข้าวจีทูจี 4 ฉบับดังกล่าว (กวางตุ้ง 3 สัญญา ไห่หนาน 1 สัญญา) มีการแก้ไขให้มีการส่งมอบข้าวแบบ Ex-ware House (ส่งมอบสินค้าหน้าคลัง) ทั้งที่ปกติการทำสัญญาแบบจีทูจีจะต้องเป็นการส่งของไปให้ถึงต่างประเทศ ไม่ใช่ให้คู่ค้ามารับมอบในประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องจ้างเอกชนปรับปรุงข้าวก่อนเอง แทนที่จะให้รัฐบาลประเทศนั้น ๆ เป็นผู้ปรับปรุงข้าว และกระบวนการนี้อาจเปิดช่องให้เอกชนที่รับจ้างปรับปรุงข้าวนำข้าวไปเวียนเทียนขายในประเทศได้

นอกจากนี้ยังแก้ไขสัญญาอีกว่า หากกวางตุ้ง และไห่หนาน ไม่มารับมอบข้าวตามกำหนด ไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา จึงอาจเป็นการเอื้อประโยชน์กวางตุ้ง และไห่หนานได้ เพราะหากรัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่ง ไม่มารับข้าวตามสัญญา รัฐบาลไทยไม่สามารถสั่งปรับเงิน หรือทำอะไรได้เลย ขณะเดียวกันยังเปิดช่องให้รัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 2 แห่งดังกล่าว สามารถนำข้าวที่ซื้อจากกรมการค้าต่างประเทศ ไปขายต่อให้กับประเทศที่ 3 ได้ด้วย ส่งผลเสียต่อระบบกลไกการตลาดข้าวโลกเป็นอย่างมาก

ทางการไต่สวนพบอีกว่า การขายข้าวดังกล่าว มีการระบุว่า ขายไปในราคาต่ำกว่าตลาด โดยอ้างว่าเป็นราคามิตรภาพ ตันละ 10,000 บาท เพื่อความสัมพันธ์อันดีทั้ง 2 ประเทศ ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ประเทศจีน เป็นประเทศมหาอำนาจ และมีดุลยภาพเศรษฐกิจสูงกว่าไทยมหาศาล ไม่ใช่ประเทศที่ประสบปัญหาด้านการเงินการคลัง หรือประสบภัยพิบัติ จึงไม่จำเป็นต้องขายในราคามิตรภาพ และการขายในราคาต่ำกว่าตลาดดังกล่าว ทำให้ประเทศชาติเสียหายกว่า 1.69 แสนล้านบาท

@หลักฐานศุลกากรมัดไม่มีข้าวส่งจีน-ก๊วน‘เสี่ยเปี๋ยง’นำมาเวียนขายในประเทศ

ทางการไต่สวน พบว่า ในช่วงปี 2554 มีข้าวส่งออกประมาณ 3 แสนตัน 2555 มีข้าวส่งออกประมาณ 6.4 แสนตัน จากการตรวจสอบข้อมูลด้านศุลกากรของจีน ปรากฏข้อเท็จจริงว่าช่วงปี 2554-2555 ซื้อข้าวจากต่างประเทศประมาณหลักแสนตันเท่านั้น สวนทางกับข้อเท็จจริงในคดีที่อ้างว่า กวางตุ้ง และไห่หนาน เป็นผู้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนเพื่อซื้อข้าวจีทูจีกับไทย 4 สัญญา รวมปริมาณหลายล้านตัน

ทางการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่า กวางตุ้ง มีผู้ประสานงานและผู้รับมอบอำนาจคือ นายสมคิด เอื้อนสุภา (จำเลยที่ 7) และนายรัฐนิธ โสจิระกุล (จำเลยที่ 8) ส่วนไห่หนาน มีผู้ประสานงานและผู้รับมอบอำนาจคือ นายลิตร พอใจ (จำเลยที่ 9) ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลที่ความสัมพันธ์กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากการไต่สวนพยานหลักฐาน รวมถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้ว ไม่น่าเชื่อการทำจีทูจีกับกวางตุ้ง และไห่หนาน เกิดขึ้นจริง แต่เป็นกลุ่มคนจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร เป็นผู้ชักนำให้กวางตุ้ง และไห่หนาน เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อจะได้ซื้อข้าวในราคาต่ำกว่าตลาด และนำข้าวไปเวียนขายภายในประเทศ หรือนอกประเทศด้วยราคาตลาดได้

นอกจากนี้ปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่า ในการซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าว ตามปกติต้องจ่ายเงินในรูปแบบสัญญาตราสารเครดิต (Letter of Credit : L/C) และใช้วิธีการส่งมอบสินค้าถึงกาบเรือ (F.O.B.) ทว่ามีการแก้ไขสัญญาให้ส่งมอบข้าวแบบ Ex-ware House (ส่งมอบสินค้าหน้าคลัง) เพื่อเปิดช่องให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ และเครือข่าย เบิกข้าวออกจากคลังของรัฐไปขายภายในประเทศได้ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่า มีการจ่ายเงินเป็นแคชเชียร์เช็คจากเอกชนภายในประเทศให้กรมการค้าต่างประเทศ เพื่อเบิกข้าวดังกล่าวออกมาจากคลังด้วย

----

ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษายาวนานเกือบ 5 ชั่วโมงรวด ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของจำเลย และเครือญาติที่มาศาล

โดยเฉพาะนายภูมิ นายบุญทรง และนายอภิชาติ เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาถึงพฤติการณ์ทุจริตในคดีนี้แล้ว มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างชัดเจน จนต้องขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ท่ามกลางการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายที่เข้ามาในห้องพิจารณาคดี เพื่อป้องกันจำเลยหลบหนี

ปัจจุบันนายภูมิ นายบุญทรง นายมนัส ถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อรอให้ทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวซ้ำอีกครั้งในวันที่ 28 ส.ค. 2560 หลังจากที่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 องค์คณะผู้พิพากษาฯไม่อนุญาตให้ประกันเนื่องจากอัตราโทษสูง กลัวจะหลบหนี

อ่านประกอบ :

จำแนกจำเลย-พฤติการณ์! คดีระบายข้าวจีทูจีฉบับอัยการก่อนศาลนัดชี้ชะตา 25 ส.ค.

เจาะพิรุธคดีข้าวจีทูจีฉบับอัยการ!รัฐวิสาหกิจจีนไม่ได้เงิน-เช็คหมื่นล.จากก๊วน‘เสี่ยเปี๋ยง’

เอ็กซ์คลูซีฟ!เปิดครบเช็คเอกชน หมื่นล.ซื้อข้าวตรงกรมการค้าฯหลักฐานอัยการชี้ไม่ทำจีทูจีจีน

อุปโลกน์ทำงานกับคนจีน!พฤติการณ์ ‘สมคิด-ลิตร-ปาล์ม’ถูก ‘บิ๊ก’บงการสู้คดีข้าวจีทูจี

พิพากษาคดีจีทูจีเก๊ 25 ส.ค.-ผู้สอบบัญชี ‘กวางตุ้ง-ไห่หนาน’ไม่รู้เซ็นในนาม รบ.จีนหรือไม่

ครบถ้วน! ไทม์ไลน์ขายข้าวจีทูจี‘มนัส’ ชง‘ภูมิ-บุญทรง’ไฟเขียวก่อนถูกเวียนขายใน ปท.

เปิดขบวนการเวียนข้าวคดีจีทูจีเก๊ในสำนวน ป.ป.ช.-‘สารวัตร’รุ่นเดียว ‘วีระวุฒิ’ร่วมเดินเรื่อง

พบ‘สารวัตร’พันคดีข้าวถุง ร่วมรับเช็ค ‘วีระวุฒิ’เวียนข้าวขายในประเทศคดีจีทูจีเก๊

บ.ค้าข้าวเข้าพบ-โทรคุย-จ่ายเงิน‘วีระวุฒิ’! ข้อมูลใหม่คดีระบายข้าวจีทูจี

เปิดพฤติการณ์เอกชน-โรงสีจ่ายเช็ค‘วีระวุฒิ’ก่อนเวียนข้าวขายใน ปท.คดีจีทูจีเก๊

นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว! อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊