x-files (29): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟัน จนท.ที่ดินร่วมออกเอกสารสิทธิรุกล้ำทะเล
“... สำนักงานที่ดินจังหวัดได้ออกโฉนดให้กับบริษัท ฮ. ซึ่งเป็นการออกเฉพาะราย โดยมีหลักฐานการครอบครองตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยอ้างหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) 2 ฉบับ ที่ออกสืบเนื่องมาจาก ส.ค. 1 ซึ่งที่ดิน น.ส. 3 ทั้ง 2 ฉบับ ปรากฏพยานหลักฐานว่าตั้งอยู่ในแนวเขตเขาพัทยาที่กองทัพเรือได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยให้ใช้ประโยชน์ ซึ่งที่ดินที่เป็นที่ตั้งของ น.ส. 3 2 ฉบับ พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเขาพัทยามีเพียงส่วนน้อยที่อยู่นอกเขตเขาพัทยาและมีส่วนทับซ้อนกับโฉนดที่ดินอื่นเพียง 0 - 3 - 21.74 ไร่ โดยที่ดินที่เหลือของโฉนดดังกล่าวไม่ทับซ้อนกับ น.ส.3 ทั้ง 2 ฉบับข้างต้น และเป็น 2 ส่วนที่อยู่นอกเขตเขาพัทยา ดังนั้น ที่ดินตามโฉนดที่ดินที่ออกให้กับบริษัท ฮ. จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินตาม น.ส.3 เดิม ที่นำมาเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดิน อีกทั้งยังมีสภาพเดิมเป็นหาดทรายชายทะเลและป่าไม้ธรรมชาติ ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใด การออกโฉนดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการออกโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 59 ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 14 (1)...”
x-files :พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 29 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ในสัปดาห์นี้ เป็นตัวอย่างคดีทุจริตในหมวด การทุจริตเกี่ยวกับที่ดิน จะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)
@ ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดินรุกล้ำทะเล
ข้อเท็จจริง สำนักงานที่ดินจังหวัดได้ออกโฉนดให้กับบริษัท ฮ. ซึ่งเป็นการออกเฉพาะราย โดยมีหลักฐานการครอบครองตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยอ้างหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) 2 ฉบับ ที่ออกสืบเนื่องมาจาก ส.ค. 1 ซึ่งที่ดิน น.ส. 3 ทั้ง 2 ฉบับ ปรากฏพยานหลักฐานว่าตั้งอยู่ในแนวเขตเขาพัทยาที่กองทัพเรือได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยให้ใช้ประโยชน์ ซึ่งที่ดินที่เป็นที่ตั้งของ น.ส. 3 2 ฉบับ พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเขาพัทยามีเพียงส่วนน้อยที่อยู่นอกเขตเขาพัทยาและมีส่วนทับซ้อนกับโฉนดที่ดินอื่นเพียง 0 - 3 - 21.74 ไร่ โดยที่ดินที่เหลือของโฉนดดังกล่าวไม่ทับซ้อนกับ น.ส.3 ทั้ง 2 ฉบับข้างต้น และเป็น 2 ส่วนที่อยู่นอกเขตเขาพัทยา ดังนั้น ที่ดินตามโฉนดที่ดินที่ออกให้กับบริษัท ฮ. จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินตาม น.ส.3 เดิม ที่นำมาเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดิน อีกทั้งยังมีสภาพเดิมเป็นหาดทรายชายทะเลและป่าไม้ธรรมชาติ ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใด การออกโฉนดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการออกโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 59 ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 14 (1)
@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1) การกระทำของนางสาว ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างรังวัด 6 สำนักงานที่ดินจังหวัดเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง มาตรา 90 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83
2) การกระทำของนาย ข. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างรังวัด 7 สำนักงานที่ดินจังหวัด นาย ค. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด นาย ง. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอ นาย จ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขนส่ง 3 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค และนาย ฉ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
3) การกระทำของนาย ช. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน 4 สำนักงานที่ดินจังหวัด และนาย ซ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน 6 สำนักงานที่ดินจังหวัด เป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 84 วรรคหนึ่ง
4) การกระทำของนาย ฌ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน 7 ฝ่ายทะเบียน สำนักงานที่ดินจังหวัด เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 84 วรรคสอง
5) การกระทำของนาย ญ. ในฐานะส่วนตัวและฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ฮ. และบริษัท อ. เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86
@ ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทับเขตป่าไม้
ข้อเท็จจริง ในการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 81 เลขที่ 82 และเลขที่ 93 รวม 3 แปลง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2537 ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2537 เป็นการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน โดยการนำหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ของเจ้าของที่ดินแปลงอื่นมาใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส.3 ก. โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) กรณีการออก น.ส. 3 ก. เลขที่ 81 รายนาย A โดยอ้างหลักฐาน ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่น โดยนาย ช. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอ ได้มีบันทึกเสนอนายอำเภอว่า “ผู้ขอมีสิทธิครอบครอง ได้เข้าครอบครองต่อเนื่องทำประโยชน์ในที่ดินเกินกว่า 3 ใน 4 ส่วน ในทางกลับกันหากทำประโยชน์ไม่ถึง 3 ใน 4 ส่วน ให้ถือว่าไม่ทำประโยชน์ในที่ดินจึงมิอาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ แต่ตามกรณีนี้ ผู้ขอได้เข้าครอบครองโดยถูกต้องตามกฎหมายและได้ทำประโยชน์ในที่ดินไม่ผิดแปลง” อีกทั้งได้บันทึกเสนอเพิ่มเติมในวันเดียวกันต่อท้ายบันทึกดังกล่าวว่า “ได้ตรวจสอบตำแหน่งที่ดินแล้ว...เชื่อว่าที่ดินแปลงนี้ไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด” ซึ่งนาย ช. ได้ร่วมลงนามกับนาย ส. เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 ทำให้นายอำเภอหลงเชื่อยอมลงนามออก น.ส. 3 ก.
2) กรณีการออก น.ส.3 ก เลขที่ 82 รายนาย A โดยอ้างหลักฐาน ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นโดยนาย ช. ได้มีบันทึกเสนอนายอำเภอว่า “การรังวัดพิสูจน์สอบสวนแล้วเห็นว่า ผู้ขอเป็นผู้ครอบครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินเต็มแปลง มีเอกสารหลักฐานเชื่อได้ เข้าองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 59, 59 ตรี ประกอบกับระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 สมควรออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้กับผู้ขอได้” อีกทั้งได้บันทึกเสนอเพิ่มเติมในวันเดียวกันต่อท้ายบันทึกดังกล่าวว่า “ได้ตรวจสอบตำแหน่งที่ดินแล้ว...จึงเชื่อแน่ว่าไม่อยู่ในเขตป่าสงวน” ซึ่งนาย ช. ได้ร่วมลงนามกับนาย ส. เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 ทำให้นายอำเภอหลงเชื่อยอมลงนามออก น.ส. 3 ก.
3) กรณีการออก น.ส. 3 ก. เลขที่ 93 รายนาง B โดยอ้างหลักฐาน ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นนาย ช. ได้มีบันทึกเสนอนายอำเภอว่า “ผู้ขอเป็นผู้ได้ครอบครองและทำประโยชน์ ที่ดินเหมาะสมตามสภาพที่ดิน สามารถอำนวยประโยชน์ทางเศรษฐกิจมิได้ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และไม่อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ จึงสมควรออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ขอ” ทำให้ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอ หลงเชื่อยอมลงนามออก น.ส. 3
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1) การกระทำของนาย A ผู้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 81, 82 มีพฤติการณ์ทุจริตร่วมกันในการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก) เลขที่ 81, 82 และ 93 โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก. เป็นเหตุให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ก. ทั้ง 3 แปลงไปโดยมิชอบ เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
2) การกระทำของนาง B ผู้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 93 มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตในการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก. โดยมิชอบ เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
3) การกระทำของนาย ส. มีส่วนร่วมกันในการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 81, 82 โดยนำหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส.3 ก. เป็นเหตุให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยมิชอบ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง มาตรา 90 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
4) การกระทำของนาย ช. ดำเนินการและมีส่วนร่วมในการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 81 และเลขที่ 93 โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส. 3 ก เป็นเหตุให้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยมิชอบ เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 และเป็นความผิดวินัย
@ รังวัดที่ดินโดยการเปลี่ยน น.ส. 3 เป็น น.ส. 3 ก.
ข้อเท็จจริง ในการรังวัดที่ดินเปลี่ยน น.ส. 3 เป็น น.ส. 3 ก. ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เนื้อที่ 28-1-60 ไร่ โดยมีนาง ก. ช่างรังวัด เป็นผู้ทำการรังวัด ได้เนื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น 70-0-50 ไร่ มากกว่าหลักฐานเดิม 41-2-90 ไร่ แต่ปรากฏว่าที่ดินข้างเคียงเปลี่ยนแปลงไปจาก น.ส. 3 เดิม นาง ก. ได้รายงานการรังวัดว่า เหตุที่เนื้อที่มากกว่าหลักฐานเดิมเพราะ เดิมเป็นที่น้ำท่วมและป่าต้นกก ไม่สามารถรังวัดรอบแปลงได้โดยละเอียดและไม่ได้ทำการยึดโยงจากที่ดินแปลงข้างเคียงที่มีหลักฐานเป็น น.ส. 3 ก. เนื้อที่จึงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ต่อมาได้นำเสนอเรื่องต่อเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอ และนายอำเภอกุยบุรี ได้ลงนามอนุมัติให้เปลี่ยน น.ส. 3 เป็น น.ส. 3 ก. ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุที่เนื้อที่เพิ่มมากกว่าเดิมเพราะได้ผนวกเอาที่ดินข้างเคียงรวมไปด้วย และเจ้าของที่ดินข้างเคียงบางรายมิได้ลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตข้างเคียงจริงตามที่ปรากฏในเอกสาร และในการรังวัดที่ดินข้างเคียงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การรังวัดเปลี่ยน น.ส. 3 เป็น น.ส. 3 ก. จึงเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบราชการ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาง ก. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4)
สำหรับนาย ข. ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตข้างเคียงไม่ตรงตามความเป็นจริง มีมูลความผิดทางวินัยและความผิดทางอาญา เช่นเดียวกับนาง ก.
ส่วนนาย ค. นายอำเภอ ที่อนุมัติและลงลายมือชื่อออก น.ส. 3 ก. ฉบับดังกล่าว มีความผิดทางวินัย
@ การรังวัดออกโฉนดที่ดินให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ข้อเท็จจริง บริษัท A ได้นำที่ดินจำนวน 34 แปลง ที่ซื้อมาจากผู้มีสิทธิไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี และมีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 12 ฉบับ การรังวัดเปลี่ยน น.ส. 3 ก. และ ส.ค.1 เป็นโฉนดที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีมอบหมายให้นาย ก ช่างรังวัด ไปทำการรังวัด และนายอำเภอชะอำ มอบหมายให้นาย ข. ปลัดอำเภอ และนาย ค. ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้มาชี้แนวเขตและรับรองที่ดินสาธารณประโยชน์ นาย ก. ได้รังวัดผนวกเอาทางสาธารณประโยชน์รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินบริษัท A ส่วนนาย ข. และนาย ค. ลงชื่อรับรองว่าไม่เป็นที่ดินราษฎรใช้ร่วมกัน การรังวัดออกโฉนดที่ดินได้เนื้อที่เพิ่มมากขึ้นเกือบทุกแปลง รูปที่ดิน น.ส.3 ก. กับโฉนดที่ดินแตกต่างกัน
ต่อมา บริษัท A ได้ยื่นคำร้องขอรังวัดรวมโฉนดที่ดินจำนวน 10 แปลง เป็นโฉนดเลขที่ 26692 เนื้อที่ 1,020-1-7 3/10 ไร่ และได้แบ่งแยกโฉนดเลขที่ 26692 ออกเป็น 155 แปลง เป็นโฉนดใหม่เลขที่ 26691 ถึง 34993 คงเหลือที่ดินตามหลักฐานโฉนด เลขที่ 26692 เนื้อที่ 699-2-52 9/10 ไร่ซึ่งจากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า โฉนดที่ดินรวม 12 แปลง รวมทั้งแปลงที่ได้รังวัดรวมและแบ่งแยกออกไปและ น.ส. 3 ก. เลขที่ 848 เป็นโฉนดที่ดินและน.ส. 3 ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. และนาย ค. มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนการกระทำของนาย ข. มีความผิดทางวินัย
@ การดำเนินการรังวัดสอบเขตเนื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์รุกล้ำคลองสาธารณประโยชน์
ข้อเท็จจริง เดิมที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 มีเนื้อที่ 0-3-76 ไร่ ต่อมาเจ้าของที่ดินได้ยกที่ดินให้กับบุตรชายและได้มีการยื่นคำขอแบ่งที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 เนื้อที่ครึ่งหนึ่งออกเป็น น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 เนื้อที่ 0-1-88 ไร่
ต่อมานาย ก. ได้ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลงจากเจ้าของที่ดินเดิม มีนาย ข. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลสามร้อยยอด เป็นผู้มาติดต่อซื้อขายที่ดินโดยจดทะเบียนใช้ชื่อภรรยาของนาย ก. เป็นผู้ซื้อ ซึ่งนาย ค. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอปราณบุรีและนาย ง. ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอปราณบุรี เป็นผู้รับจดทะเบียนให้ ต่อมาผู้ซื้อที่ดินได้ยื่นคำขอรังวัดตรวจสอบเนื้อที่ดินทั้ง 2 แปลง โดยนาย ค. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอปราณบุรี ได้เสนอต่อนายอำเภอขอให้ตนไปทำการรังวัดตามคำขอดังกล่าวและได้จัดทำบันทึกถ้อยคำผู้เกี่ยวข้องมอบหมายให้นาย ก. นำไปให้แต่ละคนลงชื่อภายหลัง
เมื่อได้ดำเนินการรังวัดออก น.ส. 3 ก. แล้ว ปรากฏว่า น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 มีเนื้อที่ 5-1-58 ไร่ เพิ่มขึ้น 4-3-70 ไร่ และ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 มีเนื้อที่ 5-1-23 ไร่ เพิ่มขึ้น 4-3-35 ไร่ ซึ่งที่ดินทั้ง 2 แปลงมีตำแหน่งระยะและอาณาเขตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยหลังจากนาย ก. ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลงแล้วได้ถมที่ดินทางด้านตะวันออกลงไปในคลองบางปู ซึ่งในการรังวัด นาย ข. ผู้ใหญ่บ้าน ผู้รับมอบอำนาจได้นำชี้ที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 ขยายอาณาเขตโดยรวมเอาที่ดินตาม น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 เข้ามาเป็น น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 ด้วย สำหรับที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 ปรากฏว่า นาย ค. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอปราณบุรี ได้แก้ไข น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 ไปออกครอบครองที่ดินที่นาย ก. ซื้อต่อมาจากผู้ครอบครองที่ดินเดิมซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของลำธารสาธารณประโยชน์
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1. นาย ค. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอปราณบุรี ผู้รับคำขอและดำเนินการรังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 และ 1973 โดยไม่มีการออกหมายเลขข้างเคียงแล้วจัดทำบันทึกถ้อยคำและใบรับรองเขตติดต่อเจ้าของที่ดินอันเป็นเท็จ รวมทั้งแก้ไขอาณาเขตและเนื้อที่ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 โดยรวมเนื้อที่ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 เข้าไปด้วยและนำ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 ไปครอบที่ดินครอบครองที่ดินทางทิศใต้ของ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1973 เดิม รวมทั้งรุกล้ำเข้าไปในคลองสาธารณประโยชน์ การกระทำของ นาย ค. มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (2) (4) และ มาตรา 90
2. นาย ข. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลสามร้อยยอด อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้รับมอบอำนาจจากนายอำเภอปราณบุรี ในการรับรองแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ในการรังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 และ 1973 มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (2) (4) และ มาตรา 90
3. นาย ง. ปลัดอำเภอซึ่งรักษาราชการแทนนายอำเภอปราณบุรี เป็นผู้สั่งรับคำขอรังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 และ 1973 และลงนามกำกับในการแก้ไขแผนที่และเนื้อที่ของ น.ส. 3 ก. ทั้ง 2 แปลง การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางวินัย
4. นาย ก. ในฐานะดำเนินการซื้อขายที่ดินและรังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1427 และ 1973 รวมทั้งได้ทำการถมดินและหินรุกล้ำคลองสาธารณประโยชน์คลองบางปู มีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (2) (4) มาตรา 86 และมาตรา 90
------------
สัปดาห์หน้าจะมีคดีสำคัญๆ เกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับที่ดินอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามกันต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
x-files (1) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต รมต.-ผอ.รพ.รัฐ เอื้อปยจัดซื้อจ้างบ.พวกพ้อง
x-files (2) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บทลงโทษ พลเอก 'ก.' เลี่ยงระเบียบซื้อที่ดิน32ล.
x-files (3): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต คดีใหญ่รถดับเพลิง-นายกอบจ.งาบมุ้งไข้เลือดออก
x-files (4):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตที่ปรึกษารมต.จัดซื้อยา-เชือดอธิบดีงาบเรือขุด
x-files (5):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อบต.ตรวจงานเท็จ -ประปาร้อยเอ็ดเรียกเงินผู้รับจ้าง
x-files (6):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ.ยักยอกATM ผู้ต้องหาคดียาบ้ากดเงินใช้ 7 แสน
x-files (7):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พันเอก พ. อมค่าโฆษณาวิทยุกองทัพภาคที่ 2
x-files (8): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต สจ. 'ข.' เอารถหลวงจำนำร้านคาราโอเกะ
x-files (9): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พ.ต.ต. แก้ใบเสร็จยักยอกเงินซื้อรองเท้า 3แสน
x-files (10): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ดาบตำรวจ ‘ก.’ เรียกรับเงินงบซ่อมถนน 7 แสน
x-files (11): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บิ๊กตำรวจ ‘ก.’ รับเคลียร์หนี้พนันละเว้นจับกุม
x-files (13): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต จ.ส.ต. ‘ส.’ รับสินบนละเว้นตรวจหนังสือเดินทางปลอม
x-files (14): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต เจ้าพนักงานเรียกรับเงิน ช่วยลดโทษผู้ต้องหายาเสพติด
x-files (15): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ. ‘ก’ แจ้งข้อกล่าวหาคดีเช็คไม่ครบถ้วน
x-files (16): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาง ‘จ’ จนท.ปกครอง ช่วยคนไร้สัญชาติทำบัตรประชาชนเท็จ
x-files (17): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นายอำเภอ-ปลัด ปลอมใบเกิดช่วยต่างด้าวได้สัญชาติไทย
x-files (18): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาย ‘ก’ จนท.ทะเบียน เรียกเงินช่วยเปลี่ยนชื่อ-สวมเลขปชช.
x-files (19): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต การสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรม กรรมการ-ผู้สอบ รวม122คน
x-files (20): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต 3 จนท.กองสลาก ร่วมโกงล็อครางวัลที่1
x-files (23): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ตร.อารักขานักการเมือง จับกุมผู้ชุมนุมโดยมิชอบ
x-files (24): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต แก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง
x-files (25): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต จนท.บริษัทของรัฐ ช่วยเอกชนไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลา
x-files (26): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อดีตรองปธ.รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรธน.โดยมิชอบ
x-files (27): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตรวมฮิตคดีที่ดิน ส.ค.1 บิน- ออก น.ส.3ก. มิชอบ
x-files (28): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันอดีตบิ๊ก มท.ใช้อำนาจบังคับราษฏรขายที่ดินให้