x-files (22): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ขรก.เมือง-แกนนำ ผิดวินัยอาญา ปลุกระดมเหตุขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุม
“...นาย จ. ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ปลุกระดมประชาชนพร้อมกับ นาย ช. ซึ่งเป็นแกนนำเคลื่อนขบวนไปขับไล่และขัดขวางการเปิดเวทีของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในที่ชุมนุม และมีการทำร้ายทรัพย์สิน รวมทั้งทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจนถึงบาดเจ็บสาหัสจำนวนมากในระหว่างเหตุการณ์ นาย ก. และ นาย ค. ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดแต่กลับไม่เดินทางไปสถานที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย ส่วนนาย ข. ซึ่งรับมอบหมายจากนาย ก. ให้เป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชาปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ได้ใส่ใจที่จะติดตามดูแลควบคุมการชุมนุม เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ...”
x-files :พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 22 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ในสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นตัวอย่างคดีทุจริตในหมวด การพิจารณาหรือดำเนินการขัดต่อระเบียบกฎหมาย ผลประโยชน์ของทางราชการและประชาชนจะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)
@ ยุยงให้ประชาชนใช้กำลังบุกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน
ข้อเท็จจริง นาย ก. ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด ได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการรักษาความสงบในการชุมนุม และมอบหมายให้ นาย ข. ในฐานะผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชาการปฏิบัติงานทั้งหมด และมอบหมายให้ นาย ค. ในฐานะปลัดจังหวัด เป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดกำลังสมาชิก อส. อปพร. เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ นาย ก. ได้กำชับนโยบายเด็ดขาดให้ป้องกันมิให้กลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละกลุ่มทำร้ายกัน และก่อนหน้านั้น นาย ข. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มอบหมายให้ นาย ง. ในฐานะรองผู้บังคับการตำรวจภูธร เป็นผู้บังคับบัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าในการรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุม
ต่อมา นาย จ. ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ปลุกระดมประชาชนพร้อมกับ นาย ช. ซึ่งเป็นแกนนำเคลื่อนขบวนไปขับไล่และขัดขวางการเปิดเวทีของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในที่ชุมนุม และมีการทำร้ายทรัพย์สิน รวมทั้งทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจนถึงบาดเจ็บสาหัสจำนวนมากในระหว่างเหตุการณ์ นาย ก. และ นาย ค. ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดแต่กลับไม่เดินทางไปสถานที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย ส่วนนาย ข. ซึ่งรับมอบหมายจากนาย ก. ให้เป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชาปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ได้ใส่ใจที่จะติดตามดูแลควบคุมการชุมนุม เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย นาย ง. ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งจริงจัง นาย จ. ในฐานะข้าราชการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาที่มีหน้าที่ปฏิบัติราชการตามภารกิจของฝ่ายการเมืองที่มีต่อประชาชนหรือที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย รวมถึงรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน แต่ร่วมกับนาย ช. ยุย
งให้ประชาชนใช้กำลังบุกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของกลุ่มผู้ชุมนุมจนได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1) การกระทำของนาย ก. นาย ค. และนาย ง. เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และนาย ข. เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
2) การกระทำของนาย จ. เป็นความผิดวินัยทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และนาย ช เป็นความผิดวินัยทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
@ ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของบุคคลโดยไม่ชอบ
ข้อเท็จจริง นาย ก. ในฐานะเลขาธิการ ปปง. ได้สั่งการให้นาย ข. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของบุคคลตามหนังสือร้องเรียน (บัตรสนเท่ห์) ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ปรากฏรายงานธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวในฐานข้อมูลรวบรวมรายงานการทำธุรกรรมของสำนักงาน ปปง. แต่อย่างใด แต่นาย ข. ได้วิเคราะห์สถานะการเงินและผลประกอบการพบว่าน่าสงสัยอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จึงรายงานนาย ก. เห็นควรตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคาร ซึ่งนาย ก. ได้เห็นชอบ หลังจากนั้นนาย ข. ได้มีหนังสือไปถึงสถาบันการเงินต่าง ๆ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม เป็นเหตุให้บุคคลที่ถูกตรวจสอบยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนหนังสือของสำนักงาน ปปง. และก่อนที่ศาลปกครองกลางจะมีคำวินิจฉัยนาย ก. และ นาย ข. ได้มีหนังสือถึงสถาบันทางการเงินแจ้งยกเลิกหนังสือขอตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน
ต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางตอนหนึ่งว่า สำนักงาน ปปง. ไม่ได้รายงานคณะกรรมการธุรกรรม หรือคณะกรรมการธุรกรรมได้มีการมอบหมายให้นาย ข. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากเลขาธิการ ให้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม แม้ว่านาย ข. จะได้รับมอบหมายจากนาย ก. ซึ่งเป็นเลขาธิการ และประธานคณะกรรมการธุรกรรมก็ตาม แต่การมอบหมายก็ยังไม่เพียงพอตามกฎกระทรวงที่ระบุไว้ว่าผู้ที่มอบหมายให้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมคือคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งศาลเห็นว่าคำสั่งตามหนังสือของนาย ข. ไปยังสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. และนาย ข. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 85 วรรคสอง และการกระทำของนาย ก. เป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
@ กระทำการโน้มน้าวให้ประชาชนลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ข้อเท็จจริง นาย ก. ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง A ได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้สั่งและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง A โดยให้มีอำนาจในการสั่งการอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแลและปฏิบัติราชการ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณ การเสนอเกี่ยวกับสวัสดิการและค่าตอบแทนภายในหน่วยงาน วันหนึ่ง นาย ก. ได้รับเชิญให้ไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการฝึกอบรมของกรม B ซึ่งหลังจากทำพิธีเปิดการอบรมไปแล้ว นาย ก. ได้รับเชิญขึ้นบนเวทีเพื่อพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง A โดยในการพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมนั้นได้ปราศรัยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคหนึ่งว่าหากเลือกแล้วจะได้รับงบประมาณต่างๆ มากมาย และหากผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มอาชีพ A จะได้ค่าตอบแทนเหมือนกับกลุ่มอาชีพ B ซึ่งต่อมากลุ่มอาชีพ A ที่เข้าร่วมอบรมได้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งของผู้สมัครรายที่นาย ก. ได้ปราศรัยสนับสนุนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด โดยอ้างเหตุคัดค้านว่า นาย ก. กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ถูกต้องเป็นธรรม
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 137 และมาตรา 53 (1) ประกอบมาตรา 137
@ มีพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ข้อเท็จจริง นาย ก. นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งเป็นหนังสือมอบหมายและมอบอำนาจให้นาย ข. รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารกระทรวง A แทนนาย ก. ต่อมา นาย ข. ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือ เรื่องขอช่วยราชการ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง A แจ้งความประสงค์ขอส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปช่วยราชการที่กระทรวง A โดยเจ้าหน้าที่กระทรวง A ที่มีหน้าที่เสนอหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง A ได้นำหนังสือฉบับนี้ใส่แฟ้มเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง A วันต่อมา นาย ข. ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของตนไปขอรับหนังสือดังกล่าวคืนเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวง A ได้แจ้งต่อนาย ข. ว่า ไม่ประสงค์จะรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปช่วยราชการในกระทรวง A
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ข. มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงงานของกระทรวง A โดยส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปช่วยงานของกระทรวง A ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของตนเองในทางการเมือง เป็นเรื่องต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1)
@ การลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในสัญญาสัมปทานโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริง นาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง Z นาย ข. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง Z และนาย ค. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงาน Y ได้ดำเนินการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท A โดยให้เหตุผลว่า มีความจำเป็นต้องหาพันธมิตรเพื่อขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอที่จะดำเนินกิจการให้บรรลุไปได้ด้วยดี ซึ่งจะมีผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท A ลดลง เพื่อให้พันธมิตรหรือเจ้าของแหล่งเงินทุนเข้ามามีส่วนในการถือหุ้น ปรากฏต่อมาว่า เป็นหนึ่งในหลายประเด็นข้อกล่าวหาในคดีที่อัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา
โดยได้มีคำพิพากษาว่า การที่มีการกำหนดเรื่องการถือครองหุ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทานนั้น เป็นนัยสำคัญประการหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้บริษัท A ได้รับสัมปทาน การอนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทานลดสัดส่วนโดยไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ จึงเป็นการอนุมัติโดยมิชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท A ผู้รับสัมปทานเนื่องจากการเพิ่มทุนเพื่อดำเนินโครงการใด ๆ บริษัท A ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ต้องระดมทุนหรือกู้ยืมเงินมาซื้อหุ้นเพื่อรักษาสัดส่วนของตนเอง แต่กลับกระจายความเสี่ยงไปให้นักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นดังกล่าวย่อมเป็นผลให้บริษัท A ได้รับเงินทุนคืนจากการโอนขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกไปด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการลดทอนความมั่นคงและความมั่นใจในการดำเนินโครงการของบริษัท A ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานโดยตรงที่ต้องมีอำนาจควบคุมบริหารจัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การลดสัดส่วนการถือครองหุ้นดังกล่าวจึงมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความมั่นคงในการกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมของรัฐ องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การอนุมัติให้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทAในบริษัท B จึงเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท A และบริษัท B ผู้รับสัมปทานจากรัฐโดยไม่สมควร
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. ที่ได้อนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทานฯ และการกระทำของนาย ข. และนาย ค. ที่ได้เสนอความเห็นให้มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยในส่วนของนาย ข. และนาย ค. ยังมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 อีกด้วย
------------
สัปดาห์หน้าจะมีคดีสำคัญๆ เกี่ยวกับการพิจารณาหรือดำเนินการขัดต่อระเบียบกฎหมาย ผลประโยชน์ของทางราชการและประชาชนอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามกันต่อไป
อ่านประกอบ :
x-files (1) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต รมต.-ผอ.รพ.รัฐ เอื้อปยจัดซื้อจ้างบ.พวกพ้อง
x-files (2) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บทลงโทษ พลเอก 'ก.' เลี่ยงระเบียบซื้อที่ดิน32ล.
x-files (3): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต คดีใหญ่รถดับเพลิง-นายกอบจ.งาบมุ้งไข้เลือดออก
x-files (4):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตที่ปรึกษารมต.จัดซื้อยา-เชือดอธิบดีงาบเรือขุด
x-files (5):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อบต.ตรวจงานเท็จ -ประปาร้อยเอ็ดเรียกเงินผู้รับจ้าง
x-files (6):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ.ยักยอกATM ผู้ต้องหาคดียาบ้ากดเงินใช้ 7 แสน
x-files (7):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พันเอก พ. อมค่าโฆษณาวิทยุกองทัพภาคที่ 2
x-files (8): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต สจ. 'ข.' เอารถหลวงจำนำร้านคาราโอเกะ
x-files (9): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พ.ต.ต. แก้ใบเสร็จยักยอกเงินซื้อรองเท้า 3แสน
x-files (10): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ดาบตำรวจ ‘ก.’ เรียกรับเงินงบซ่อมถนน 7 แสน
x-files (11): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บิ๊กตำรวจ ‘ก.’ รับเคลียร์หนี้พนันละเว้นจับกุม
x-files (13): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต จ.ส.ต. ‘ส.’ รับสินบนละเว้นตรวจหนังสือเดินทางปลอม
x-files (14): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต เจ้าพนักงานเรียกรับเงิน ช่วยลดโทษผู้ต้องหายาเสพติด
x-files (15): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ. ‘ก’ แจ้งข้อกล่าวหาคดีเช็คไม่ครบถ้วน
x-files (16): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาง ‘จ’ จนท.ปกครอง ช่วยคนไร้สัญชาติทำบัตรประชาชนเท็จ
x-files (17): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นายอำเภอ-ปลัด ปลอมใบเกิดช่วยต่างด้าวได้สัญชาติไทย
x-files (18): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาย ‘ก’ จนท.ทะเบียน เรียกเงินช่วยเปลี่ยนชื่อ-สวมเลขปชช.
x-files (19): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต การสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรม กรรมการ-ผู้สอบ รวม122คน
x-files (20): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต 3 จนท.กองสลาก ร่วมโกงล็อครางวัลที่1
x-files (21): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อดีตนายกฯ-รมว.ต่างประเทศ ปมปราสาทพระวิหาร ไทย-กัมพูชา