x-files (27): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตรวมฮิตคดีที่ดิน ส.ค.1 บิน- ออก น.ส.3ก. มิชอบ

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 03 พฤศจิกายน 2561 เวลา 20:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าวเด่นสืบสวน | Isranews | Investigative | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | ป.ป.ช.

“...การออกโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นการนำหลักฐานใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาสวมออกโฉนดที่ดิน และที่ดินมีสภาพเป็นที่เขา อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ไม่มีหลักฐานการครอบครอง (ส.ค.1) โดยนาย ก. ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ามีการนำ ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาขอออกโฉนดที่ดิน เนื่องจาก นาย ข. ได้ยื่นขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1 แต่จากการรังวัดและตรวจสอบตำแหน่งที่ดินปรากฏว่าไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค. 1 ที่นำมาขอออกโฉนดแต่อย่างใด...”

AcovXfile 27

x-files :พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 27 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ในสัปดาห์นี้ เป็นตัวอย่างคดีทุจริตในหมวด การทุจริตเกี่ยวกับที่ดิน จะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)

@ นำหลักฐานการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาสวมออกโฉนดที่ดิน

ข้อเท็จจริง นาย ก. ได้ลงนามในฐานะรักษาราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดออกโฉนดที่ดิน โดยการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นการนำหลักฐานใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่นมาสวมออกโฉนดที่ดิน และที่ดินมีสภาพเป็นที่เขา อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ไม่มีหลักฐานการครอบครอง (ส.ค.1) โดยนาย ก. ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ามีการนำ ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาขอออกโฉนดที่ดิน เนื่องจาก นาย ข. ได้ยื่นขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1 แต่จากการรังวัดและตรวจสอบตำแหน่งที่ดินปรากฏว่าไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค. 1 ที่นำมาขอออกโฉนดแต่อย่างใด ทั้งนี้ในการลงนามฐานะผู้ปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเป็นการลงนามโดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดไม่มีอำนาจมอบหมายให้ผู้ใดปฏิบัติราชการแทนในการออกโฉนดที่ดิน และต่อมาอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายแล้ว

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 161 และการกระทำของนาย ข. เป็นความผิดอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 161 ประกอบมาตรา 86

@ ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 และ น.ส. 3 ก. ทับที่สาธารณประโยชน์โดยมิชอบ

ข้อเท็จจริง นาย ก. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน ผู้ทำการรังวัด ปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่าได้ทำการเปลี่ยน น.ส. 3 เป็น น.ส. 3 ก. โดยผู้ขอมิได้นำรังวัดด้วยตนเองและไม่มีหนังสือมอบอำนาจ ผู้ปกครองท้องที่ก็มิได้ไปร่วมการรังวัด แต่กลับรายงานการรังวัดเป็นเท็จต่อผู้ขอนำรังวัดและผู้ปกครองท้องที่ร่วมรังวัด และยังเป็นการออกทับที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นการออกโดยมิชอบ

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของ นาย ก. มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 85 วรรคสองและมาตรา 90 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 133 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 แต่คดีขาดอายุความแล้ว

@ ดำเนินการรังวัดโดยไม่ถูกต้องและรายงานการรังวัดไม่ตรงตามความเป็นจริง

ข้อเท็จจริง ราษฎรตำบล A มายื่นขอออกโฉนดที่ดินตามหลักฐานใบแจ้งความการครอบครอง (ส.ค.1) ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัด นาย ก. ได้ไปทำการรังวัดและให้ผู้แทนผู้ขอนำรังวัดชี้แนวเขตโดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินข้างเคียงและผู้ปกครองท้องที่ไม่ได้ไปร่วมรังวัดแต่อย่างใด และได้รายงานการรังวัดไม่ตรงความจริงว่ามีการทำประโยชน์เต็มทั้งแปลง ทั้ง ๆ ที่ที่ดินทิศตะวันตกบางส่วนมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติและผลการรังวัดได้ระยะรอบแปลงที่ปรากฏใน ส.ค.1 ซึ่งตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2532 ข้อ 10 ระบุว่า ในกรณีที่ดินด้านหนึ่งด้านใดหรือหลายด้านจดที่ป่าหรือที่รกร้างว่างเปล่า และวัดระยะได้เกินกว่าระยะที่ปรากฏในหลักฐานการแจ้งครอบครองให้ถือระยะที่ปรากฏในหลักฐานแจ้งการครอบครองเป็นหลักในการออกโฉนดที่ดิน นาย ก. จึงเสนอให้ดำเนินการกันระยะตามระเบียบดังกล่าวก่อนออกโฉนดที่ดิน โดยเสนอผ่านหัวหน้าฝ่ายรังวัด แต่นาย ข. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ได้มีคำสั่งให้ฝ่ายทะเบียนดำเนินการตรวจสอบเนื้อที่ และวันเดียวกันนาย ค. หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ได้ประกาศเพื่อแจกโฉนดที่ดินดังกล่าวเพื่อหาผู้คัดค้านภายใน 30 วัน ต่อมานาย ง. เจ้าหน้าที่ที่ดิน ไ
ด้บันทึกเสนอความเห็นว่าควรออกโฉนดที่ดินและพิจารณาลงนามในโฉนดที่ดินที่ราษฎรมายื่นขอออกโฉนดที่ดินโดยอาศัย ส.ค. 1 ผ่านนาย ค. ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจพิจารณาเรื่องและเสนอความเห็นในการออกโฉนดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดิน รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบ ควบคุม กำกับ ดำเนินการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินของเจ้าหน้าที่ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2532 โดยเจตนาให้มีการออกโฉนดที่ดินตามเนื้อที่ที่นำมารังวัด และนาย ข. ได้ลงนามออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอออกโฉนดที่ดินโดยมิได้มีการกันระยะที่ดินไว้ตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2532 ข้อ 10 แต่อย่างใด และนำเอาที่ดิน ส.ค.1 ที่มีสภาพเป็นป่ารวมเข้าไปด้วย อันเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. และ นาย ง. เป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง การกระทำของนาย ค. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สำหรับนาย ข. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

@ พิจารณาการได้มาซึ่งที่ดินของวัดโดยมิชอบ

ข้อเท็จจริง นาง อ. ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่วัด A โดยพินัยกรรมได้แต่งตั้งเจ้าอาวาสวัด A หรือผู้แทน เป็นผู้จัดการมรดก ต่อมานาง อ. ถึงแก่กรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 ประกอบมาตรา 1603 และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 33 (2) ถือว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นของธรณีสงฆ์แล้ว การโอนที่ธรณีสงฆ์จะต้องกระทำโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ตามมาตรา 34 และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา

นาย ก. ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมที่ดินมีอำนาจในการอนุญาตการได้มาซึ่งที่ดินของวัดวาอาราม ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 และได้รับการติดต่อจากเจ้าอาวาสวัด A เพื่อขอให้พิจารณาการได้มาของที่ดินตามพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 84 และ 85 โดยวัดไม่มีความประสงค์จะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ต้องการขายที่ดินเพื่อนำมาบำรุงวัด กรมที่ดินได้มีบันทึกเสนอเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้นาย ก. พิจารณาสั่งการตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 โดยเสนอความเห็นว่า “เห็นควรไม่อนุญาตให้วัด A ได้มาซึ่งที่ดิน” นาย ก. จึงไม่อนุญาตให้วัด A ผู้รับพินัยกรรม ได้มาซึ่งที่ดินมรดก และให้เจ้าอาวาสดำเนินการมอบอสังหาริมทรัพย์และเงินให้แก่มูลนิธิ ซึ่งเป็นการสั่งการนอกเหนืออำนาจที่กำหนดไว้ และเป็นการสั่งการโดยมิชอบฝ่าฝืนเจตนาเจ้าของมรดก เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการตามมาตรา 85 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

ต่อมาได้มีการดำเนินการให้มูลนิธิเป็นผู้จัดการมรดกและทำการโอนมรดกและโอนขายที่ดินให้กับบริษัท B อันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์จะต้องโอนให้แก่วัด A ทายาทตามพินัยกรรม ซึ่งการจำหน่ายจ่ายโอนที่ธรณีสงฆ์ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ทั้งนี้ บริษัท B มีภรรยา และน้องชายของนาย ก. เป็นหุ้นส่วนด้วย

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184 และส่งเรื่องพร้อมเอกสารให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไป

@ การทุจริตรังวัดรวมแปลงโฉนดที่ดินและ น.ส.3 ก.

ข้อเท็จจริง บริษัท A ได้ทำการรวบรวมซื้อที่ดินทั้งที่เป็นโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เพื่อดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน โดยบริษัทติดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัด เพื่อขอให้รังวัดรวมโฉนดที่ดิน โดยสำนักงานที่ดินมอบให้นาย ก. นายช่างรังวัด เป็นผู้ทำการรังวัด นาย ก. ได้ทำการรังวัดพร้อมจัดทำแผนที่ต้นร่างและรายการรังวัดขึ้นใหม่ เนื่องจากหลักฐานเดิมสูญหาย แล้วรายงานนาย ข. หัวหน้าฝ่ายรังวัด และสำนักงานที่ดินจังหวัดได้ออกโฉนดที่ดินให้แก่บริษัท A

ต่อมาบริษัท A ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานที่ดินอำเภอเพื่อขอให้ทำการรังวัดรวม ซึ่งสำนักงานที่ดินอำเภอมอบหมายให้นาย ค. เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินทำการรังวัด นาย ค. ได้ทำการรังวัดที่ดิน น.ส.3 ก. โดยมีผู้ปกครองท้องถิ่นร่วมรับรองแนวเขตด้านที่จดทางสาธารณประโยชน์ และนาย ง. เจ้าพนักงานตรวจท่า เป็นผู้รับรองแนวเขตด้านที่จดทะเลว่ามิได้รุกล้ำแนวเขตชายฝั่งทะเลแต่อย่างใด ต่อมาสำนักงานที่ดินอำเภอได้ออก น.ส.3 ก. ให้แก่บริษัท

ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการรังวัดรวมโฉนดที่ดินข้างต้น ทำให้บริษัทมีที่ดินเพิ่มขึ้น เพียงพอต่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน แต่เป็นการรังวัดออกโฉนดที่ดิน และ น.ส.3 ก. ทับที่ชายหาด อันเป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน และระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการรังวัด สอบเขต แบ่งแยก และรวมโฉนดที่ดิน พ.ศ. 2527

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของ นาย ก. นาย ค. และนาย ง. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สำหรับนาย ข. เป็นการกระทำความผิดวินัยไม่ร้ายแรง

บริษัท A มีพฤติการณ์กระทำความผิดทางอาญาฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 และฐานกระทำสิ่งอื่นใดล่วงล้ำบนหาดทรายทะเลตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546

@ การทุจริตจัดซื้อที่ดิน

ข้อเท็จจริง กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขต A ได้ประกาศขอซื้อที่ดินจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ไร่ ปรากฏว่ามีผู้สนใจขายที่ดินจำนวน 2 ราย แต่นาย ก. ในฐานะผู้อำนวยการเขต ได้มีหนังสือไปยังสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อขอทราบราคาประเมินที่ดินเฉพาะแต่ของผู้ขายที่ดินเพียงรายเดียว โดยหลีกเลี่ยงไม่สอบถามราคาของที่ดินส่วนใหญ่ที่มีราคาประเมินต่ำ นอกจากนี้ที่ดินที่ขอทราบราคาประเมินยังเป็นที่ดินที่ไม่ติดทางสาธารณะและไม่มีภาระจำยอมใช้ผ่านเข้าออก คงมีทางภารจำยอมสำหรับที่ดินจัดสรรตามประกาศคณะปฏิวัติฯ นาย ก. ได้รายงานนาย ข. ซึ่งเป็นปลัดกรุงเทพมหานครว่า ที่ดินนี้มีความเหมาะสมที่จะซื้อมากกว่าของผู้เสนอขายอีกรายหนึ่ง ต่อมาได้มีการเสนอเรื่องให้นาย ค. ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ พิจารณา และนาย ค. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยมี นาย ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ เป็นประธานกรรมการ และมีนาย จ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ เป็นกรรมการ ซึ่งนาย ง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาอีก 1 ชุด โดยมี นาย ช. ตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯเป็นประธานกรรมการเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของที่ดินเสนอให้คณะกรรมการชุดของนาย ง พิจารณา

ต่อมาคณะกรรมการทั้งสองชุดได้มีมติเห็นชอบให้ซื้อที่ดินทั้งที่ได้สอบถามปัญหาทางเข้า-ออก ของที่ดินไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน และได้รับแจ้งยืนยันเป็นหนังสือชัดเจนว่าที่ดินดังกล่าวไม่ติดทางสาธารณะแต่อย่างใด แต่ก็ยังมีความเห็นให้ซื้อที่ดินนี้ โดยเห็นว่าที่ดินที่เสนอขายมีทางภาระจำยอมสำหรับที่ดินทุกแปลง โดยนาย ก. ได้รายงานผลการพิจารณาไปยังนาย ข. เพื่อนำเสนอนาย ค. เห็นชอบให้นาย ก. ซื้อที่ดินรายนี้โดยวิธีพิเศษ และเสนอขออนุมัติแต่งตั้งให้นาย ก. กับพวก ทำหน้าที่คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษด้วย ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าวมิใช่กรณีเป็นที่ดินต้องซื้อเฉพาะแห่งและต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องซื้อด้วยวิธีพิเศษแต่อย่างใด ทั้งผู้เสนอขายยินดีขยายเวลายืนราคาตามที่ขอขยายมาทุกครั้ง แต่นาย ค. ก็ได้เห็นชอบให้ซื้อที่ดินรายนี้ และอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ

จากนั้นนาย ก. ได้ทำหนังสือสัญญาขายที่ดินระบุว่า สิ่งปลูกสร้างในที่ดินไม่มี ทั้งที่มีการอนุมัติให้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและอุปกรณ์ โดยมีเจตนาปกปิดและช่วยเหลือให้ผู้ขายที่ดินไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ค่าธรรมเนียมและค่าอากรในการจดทะเบียน

ในการชำระเงินค่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ได้มีการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เขียนเช็คสั่งจ่ายเอกชนเจ้าของที่ดินเพียงผู้เดียว และให้เขียนเช็ค 2 ฉบับ โดยไม่มีการขีดคร่อมหรือขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออกตามระเบียบของทางราชการ เพื่อให้สามารถนำเช็คดังกล่าวไปถอนเงินสดจากธนาคารได้ทันที

เมื่อเอกชนเจ้าของที่ดินได้รับเงินค่าที่ดินแล้ว ได้มีการสั่งจ่ายเงินเป็นเช็คให้นาย ก. และมีเงินจำนวนหนึ่งฝากเข้าบัญชีของนาย ค. และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาจัดซื้อที่ดินในครั้งนี้ด้วย

มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.

1) นาย ก. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 151และ 157

2) นาย ข. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151และ 157

3) นาย ค. และนาย จ. เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149, 151และ 157

4) นาย ง. และนาย ช. เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151และ 157

------------

สัปดาห์หน้าจะมีคดีสำคัญๆ เกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับที่ดินอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามกันต่อไป

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/