x-files (28): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันอดีตบิ๊ก มท.ใช้อำนาจบังคับราษฏรขายที่ดินให้
“...นาย ก. นายกเทศมนตรี ได้ประกาศจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษตามประกาศเทศบาล โดยกำหนดหลักเกณฑ์ที่มีลักษณะเป็นการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของที่ดินเพื่อเอื้อประโยชน์เป็นการเฉพาะราย และคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย นาย ข. นาย ค. และนาย ง. มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย ได้ใช้อำนาจการจัดซื้อที่ดินผ่านนายหน้าคือ นางสาว จ. โดยทำหลักฐานเท็จและจัดซื้อที่ดินในราคาที่แพงเกินจริงในราคาไร่ละ 286,000บาท ทั้งที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ขายที่ดินในราคาไร่ละ 50,000 บาท เท่านั้น ตามภาวะที่ดินที่มีการซื้อขายในท้องตลาดขณะนั้น โดยทำหลักฐานเท็จเพื่อให้เชื่อได้ว่า คณะกรรมการจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษได้เจรจาต่อรองราคาซื้อขายที่ดินกับเจ้าของที่ดินและได้ตกลงซื้อขายกับเทศบาลโดยตรง และนาย ก. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขียนเช็คสั่งจ่ายให้กับนางสาว จ. ซึ่งมิใช่เจ้าของที่ดิน อีกทั้งมิได้ขีดฆ่าคำว่า “หรือตามคำสั่ง” “หรือผู้ถือ” และไม่ได้ขีดคร่อมเช็ค ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541...”
x-files :พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตคดีดังในอดีต ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมาเสนอต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 28 เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการตรวจสอบคดีทุจริตต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่า รูปแบบพฤติการณ์การทุจริต รวมไปถึงข้อกฎหมายสำคัญที่ใช้ในการตัดสินคดีของ ป.ป.ช. มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ในสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นตัวอย่างคดีทุจริตในหมวด การทุจริตเกี่ยวกับที่ดิน จะมีคดีสำคัญอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย (การเผยแพร่ข้อมูลระบุชื่อผู้เกี่ยวข้อง เป็นตัวอักษรย่อ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพราะบางคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล)
@ การทุจริตจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบบำบัดนำเสียโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริง เทศบาลแห่งหนึ่ง ได้มีการจัดประชุมสภาเทศบาลขึ้น โดยคณะเทศมนตรีได้เสนอญัตติต่อสภาเทศบาลขออนุมัติเงินยืมสะสมของเทศบาล เป็นค่าจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียโรงฆ่าสัตว์ จำนวน 30 ล้านบาท และขอความเห็นชอบในการทำกิจการนอกเขตเทศบาลในการจัดซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงโรงฆ่าสัตว์เดิม และสภาเทศบาลมีมติเห็นชอบ
ในการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว นาย ก. นายกเทศมนตรี ได้ประกาศจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษตามประกาศเทศบาล โดยกำหนดหลักเกณฑ์ที่มีลักษณะเป็นการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของที่ดินเพื่อเอื้อประโยชน์เป็นการเฉพาะราย และคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย นาย ข. นาย ค. และนาย ง. มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย ได้ใช้อำนาจการจัดซื้อที่ดินผ่านนายหน้าคือ นางสาว จ. โดยทำหลักฐานเท็จและจัดซื้อที่ดินในราคาที่แพงเกินจริงในราคาไร่ละ 286,000บาท ทั้งที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ขายที่ดินในราคาไร่ละ 50,000 บาท เท่านั้น ตามภาวะที่ดินที่มีการซื้อขายในท้องตลาดขณะนั้น โดยทำหลักฐานเท็จเพื่อให้เชื่อได้ว่า คณะกรรมการจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษได้เจรจาต่อรองราคาซื้อขายที่ดินกับเจ้าของที่ดินและได้ตกลงซื้อขายกับเทศบาลโดยตรง และนาย ก. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขียนเช็คสั่งจ่ายให้กับนางสาว จ. ซึ่งมิใช่เจ้าของที่ดิน อีกทั้งมิได้ขีดฆ่าคำว่า “หรือตามคำสั่ง” “หรือผู้ถือ” และไม่ได้ขีดคร่อมเช็ค ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่ว
นท้องถิ่น พ.ศ. 2541
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157และ 162(1)(4)
การกระทำของคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินโดยวิธีพิเศษ ประกอบด้วย นาย ข. นาย ค. และ นาย ง. เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157และ 162(1)(4)
การกระทำของนางสาว จ. เป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86
@ ออกโฉนดในเขตประทานบัตรเหมืองแร่โดยมิชอบ
ข้อเท็จจริง นาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้รับการแต่งตั้งและมอบหมายจากนายอำเภอ ให้เป็นผู้แทนนายอำเภอ ในฐานะผู้ปกครองท้องที่ให้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัด A ดำเนินการตรวจสอบสภาพที่ดิน เป็นพยานในการรังวัดปักหลักเขตทำแผนที่ ระวางชี้แนวเขตและลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นที่ดินรวม 3 แปลง จากข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน ที่ดินตามโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลง เป็นที่ดินที่ไม่มีหลักฐานทางที่ดินเดิม โดยผู้นำเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินหรือขอออกโฉนดที่ดินไม่ได้ทำประโยชน์ที่ดินมาก่อนหรือขณะออกโฉนดที่ดินแต่อย่างใด โดยที่ดินตามโฉนดที่ดิน 1 ใน 3 แปลงนั้นได้ออกทับเขตประทานบัตรเหมืองแร่ที่ยังไม่หมดอายุบางส่วนอีกประการหนึ่งด้วย ส่วนอีก 2 แปลง เป็นที่ดินนอกเขตประทานบัตรเหมืองแร่ที่ยังไม่หมดอายุ และทั้ง 3 แปลงเป็นที่ดินที่นาย ก. เป็นผู้นำไปขายให้กับนาง ข. เมื่อปี 2537 และนาง ข. ได้เข้าทำประโยชน์เมื่อปี 2542 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่มีการออกโฉนดที่ดินไปแล้ว โดยผู้นำเดินสำรวจหรือผู้ขอออกโฉนดที่ดินแล้วแต่กรณี ไม่เคยเข้าครอบครองและทำประโยชน์แต่อย่างใดจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในบันทึกถ้อยคำ (ท.ด. 16) เมื่อปี 2540 นาย ก. ในฐานะผู้ปกครองท้องที่ (แทนนายอำเภอ) ได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานผู้ทำการสำรวจ รับรองว่าผู้นำเดินสำรวจหรือผู้ขอออกโฉนดที่ดินแล้วแต่กรณี เป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 3 แปลงดังกล่าว ทั้งๆที่ นาย ก. เป็นผู้ขายที่ดินทั้ง 3 แปลงให้กับนาง ข. เมื่อปี 2537 ตามสัญญาซื้อขาย 2 ฉบับ นาย ก. จึงย่อมรู้เห็นเกี่ยวกับที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็นอย่างดีว่า ผู้นำเดินสำรวจไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแต่อย่างใด การให้ถ้อยคำในการสอบสวนสิทธิจึงไม่ตรงกับความเป็นจริง
นาย ค. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน สังกัดกรมที่ดินได้รับคำสั่งกรมที่ดินเมื่อปี 2539 แต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัด A รับผิดชอบเกี่ยวกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดินทั้งตำบลและงานโครงการเปลี่ยน น.ส. 3 ก. เป็นโฉนดที่ดิน ประจำปีงบประมาณ 2540 ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ โดยมีอำนาจและหน้าที่ปกครองบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ในศูนย์อำนวยการฯ และกองกำกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในความรับผิดชอบและหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าว นาย ค. มีหน้าที่เกี่ยวกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่ดังกล่าวตามคำสั่งของกรมที่ดิน โดยปรากฏพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด ดังนี้
1) นาย ค. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัด A ได้พิจารณาและลงนามออกโฉนดที่ดิน รวม 14 ฉบับ และได้ส่งเอกสารหลักฐานการรังวัดสอบสวนสิทธิโฉนดที่ดินอีกจำนวน 2 ฉบับ ให้สำนักงานที่ดินจังหวัด A พิจารณาลงนามออกโฉนดที่ดิน (ตกค้างจากการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน) ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงนามออกโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ในเวลาต่อมา ทั้งนี้ การออกโฉนดที่ดินทั้ง 16 แปลงเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยไม่มีหลักฐานการครอบครอง และทับเขตประทานบัตรเหมืองแร่ที่ยังไม่หมดอายุเต็มทั้งแปลงหรือบางส่วนขณะที่มีการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งนาย ค. ก็ทราบดีว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตประทานบัตรเหมืองแร่ เพราะทั้งโดยสภาพที่ดินและหลักฐานโดยแจ้งชัดตามหลักฐานบันทึกถ้อยคำ (ท.ด. 16) โดยมีเจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิเป็นพยานบันทึกดังกล่าวว่าที่ดินอยู่ในเขตประทานบัตรเหมืองแร่ที่หมดอายุแล้ว ปรากฏในเอกสารสารบบการออกโฉนดที่ดิน โดยที่ดิน 10 ใน 16 แปลง ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นความเท็จเพราะประทานบัตรเหมืองแร่ยังไม่หมดอายุแต่อย่างใด และนาย ค. จำต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าประทานบัตรเหมืองแร่ดังกล่าวหมดอายุแล้วเป็นไปตามที่ผู้ขอออกโฉนดที่ดินได้กล่าวอ้างหรือไม่ แต่นาย ค. กลับแจ้งและสั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ไปดำเนินการสำรวจออกโฉนดที่ดินบริเวณที่ดินที่เป็นเขตประทานเหมืองแร่บริเวณนี้ โดยแจ้งว่าประทานบัตรได้หมดอายุแล้วสามารถออกโฉนดที่ดินได้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประทานบัตรเหมืองแร่ในบริเวณดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนออกโฉนดแต่อย่างใด และนาย ค. ได้พิจารณาลงนามออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอออกโฉนดที่ดินจำนวน 14 ฉบับ และดำเนินการส่งเอกสารหลักฐานการรังวัดสอบสวนสิทธิให้เจ้าพนักงานที่ดินในจังหวัด A พิจารณาลงนามออกโฉนดที่ดินจำนวน 2 ฉบับ ทับเขตประทานบัตรเหมืองแร่ที่ยังไม่หมดอายุเต็มทั้งแปลงหรือบางส่วน แล้วแต่กรณี อันเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
2) นาย ค. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัด A ได้พิจารณาและลงนามออกโฉนดที่ดินรวม 6 ฉบับ โดยมิชอบ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ขณะออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินในเขตประทานเหมือแร่ที่ยังไม่หมดอายุเต็มทั้งแปลงและบางส่วน และไม่มีหลักฐานทางที่ดินหรือหลักฐานเดิมแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกรณีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 16 ฉบับ และจากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ที่ดินตามโฉนดที่ดิน 6 แปลงนั้น ขณะออกโฉนดที่ดิน ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใดและในชั้นการรังวัดสอบสวนสิทธิตามบันทึกถ้อยคำ (ท.ด. 16) ว่าผู้ขอออกโฉนดที่ดินเป็นเจ้าของและครอบครองที่ดิน แต่ยังไม่ได้ทำประโยชน์ที่ดิน และเจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนสิทธิรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รายงานให้นาย ค. ทราบโดยชัดแจ้งแล้วตามหลักฐานไต่สวน (น.ส.5) และรายการสำรวจเขตที่ดินนำส่งผู้สอบสวน (ร.ว. 40) ว่าที่ดินดังกล่าวยังไม่มีการทำประโยชน์ แต่นาย ค. ก็ได้พิจารณาและลงนามออกโฉนดที่ดินดังกล่าวให้กับผู้ขอออกโฉนดที่ดิน โดยอ้างว่าได้ตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว ทั้งๆที่การตรวจสอบเพิ่มเติมดังกล่าวไม่ปรากฏข้อเท็จจริงโดยชัดเจนว่าผู้ขอออกโฉนดที่ดินได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว เป็นเพียงการบันทึกถ้อยคำผู้ขอออกโฉนดที่ดินเป็นหลักเท่านั้น และกรณีที่ดินไม่ได้ทำประโยชน์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนโดยสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องรู้เห็น และการวิเคราะห์แปลภาพถ่ายทางอากาศว่าที่ดินทั้ง 6 แปลง ไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์โดยผู้นำสำรวจแต่อย่างใด
3) นาย ค. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัด A ได้พิจารณาและลงนามออกโฉนดที่ดิน 2 แปลง โดยมิชอบ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงนั้น ขณะออกโฉนดที่ดิน ที่ดินไม่มีการครอบครองทำประโยชน์แต่อย่างใด และในชั้นการรังวัดสอบสวนสิทธิว่า ตามบันทึกถ้อยคำ (ท.ด. 16) ว่าผู้ขอออกโฉนดที่ดินเป็นเจ้าของและครอบครองที่ดิน แต่ยังไม่ได้ทำประโยชน์ที่ดิน และเจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนสิทธิรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รายงานให้นาย ค ทราบโดยชัดแจ้งแล้วตามหลักฐานไต่สวน (น.ส.5) และรายการสำรวจเขตที่ดินนำส่งผู้สอบสวน (ร.ว. 40) ว่าที่ดินดังกล่าวยังไม่มีการทำประโยชน์เต็มทั้งแปลง สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนว่าที่ดินทั้ง 2 แปลง ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์โดยผู้นำสำรวจแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกรณีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 6 ฉบับ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1) การกระทำของนาย ก. กรณีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 3 ฉบับ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามมาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 61 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และมีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
2) การกระทำของนาย ค. กรณีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 22 ฉบับ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามมาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
3) การกระทำของนาย ง. นาย จ. และ นาย ช. กรณีการออกโฉนดที่ดินรวมทั้งสิ้น 22 ฉบับ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 84 วรรคหนึ่ง สอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
@ การโอนที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์โดยมิชอบ
ข้อเท็จจริง นาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง A รักษาราชการแทนปลัดกระทรวง A ได้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ให้ยกเลิกโฉนดที่แบ่งแยกและเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนมรดก ต่อมา มีผู้มีส่วนได้เสียได้ร้องอุทธรณ์ และกรมที่ดินมีคำสั่งยกอุทธรณ์ จากนั้นจึงส่งคำอุทธรณ์ไปยังกระทรวง A เมื่อนาย ก. พิจารณาแล้ว เห็นว่าบทบัญญัติมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นบทบัญญัติที่มีลักษณะเป็นกฎหมายพิเศษ ยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้นการได้มาของที่ดินวัดจึงต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี เมื่อปรากฏว่ารัฐมนตรีสั่งไม่อนุญาตให้วัดได้มาซึ่งที่ดินมรดกนี้ นาย ก. จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง สั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่) และตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 บังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ ทุกหน่วยงาน ต้องปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา การที่นาย ก. ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตาม จึงเป็นการกระทำอันมิชอบ เพราะหากไม่ประสงค์ที่จะปฏิบัติตามหรือไม่เห็นด้วย ก็ควรเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
@ ใช้อำนาจบังคับข่มขืนใจหรือจูงใจให้ราษฏรขายที่ดินให้
ข้อเท็จจริง นาย ก. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการกว้านซื้อที่ดินโดยใช้อำนาจบังคับข่มขืนใจหรือจูงใจให้ราษฎรขายที่ดินให้ และใช้อำนาจให้เจ้าหน้าที่ที่ดินออกเอกสารสิทธิที่ดินให้ นอกจากนี้ยังร่วมกันกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดินและเจ้าหน้าที่กรมการปกครองดำเนินการออกโฉนดที่ดินที่ได้กว้านซื้อไว้แล้วนั้นในนามบริษัทเอกชน
ต่อมาได้มีการขายที่ดินที่ได้ออกโฉนดนั้นให้กับหน่วยงานรัฐเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการของรัฐ ภายหลังกรมที่ดินได้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินเนื่องจากเป็นการออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณประโยชน์และมีการนำหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่นมาอ้างออกโฉนดที่ดินอันเป็นเหตุให้ราชการได้รับความเสียหาย
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำของนาย ก. เป็นความผิดอาญา และเจ้าหน้าที่กรมที่ดินกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเป็นความผิดวินัย
@ ดำเนินการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริง นาย ก. นายกเทศมนตรี กับพวกได้ร่วมกันดำเนินการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษ ทั้งนี้ ก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว นาย ก. กับพวก ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้าเพื่อเสนอขายให้กับทางเทศบาลไว้แล้ว ต่อมานาย ก. ได้ตั้ง นาย ข. เทศมนตรี เป็นกรรมการที่ปรึกษาจัดซื้อที่ดินสำหรับขยะมูลฝอย โดยนาย ข. ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจัดซื้อที่ดินนับตั้งแต่เห็นชอบกับการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การเข้าร่วมสังเกตการณ์ราคา การออกไปตรวจสภาพและทำเลที่ดิน ตลอดจนร่วมต่อรองราคา และนาย ก. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ประกอบด้วย นาย ค. ซึ่งเป็นประธาน โดยนาย ค. และคณะกรรมการร่วมกันทุจริตในการจัดทำหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย
ต่อมาเมื่อสภาเทศบาลได้อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม เพื่อจัดซื้อที่ดินกำจัดขยะมูลฝอยดังกล่าวนาย ก. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษ โดยมีนาย ง. รองปลัดเทศบาล เป็นประธาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในเทศบาล ซึ่งการดำเนินการจัดซื้อที่ดิน มิได้เชิญเจ้าของที่ดินมาเสนอราคาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 50 (6) อีกทั้งที่ดินมีสภาพเป็นบ่อลูกรัง มีเสาไฟฟ้าแรงสูง รวมทั้งที่ดินอยู่นอกเขตเทศบาลและไม่มีทางเข้าออก และคณะกรรมการตรวจรับที่ดินประกอบด้วย นาย จ. ปลัดเทศบาล เป็นประธาน และเจ้าหน้าที่ในเทศบาล ที่ได้ทำการตรวจรับโดยไม่ได้เดินทางไปดูพื้นที่เป็นเหตุให้ทางเทศบาลได้รับความเสียหาย และนาย ช. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตโดยแจ้งราคาประเมินที่ดินไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นเหตุให้เทศบาลต้องซื้อที่ดินในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
1) นาย ก. เป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 18 ทวิ และความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157
2) นาย ข. และ นาย ค. เป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 18 ทวิ และความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
3) คณะกรรมการจัดซื้อที่ดินเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157
4) คณะกรรมการตรวจรับที่ดินเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษ เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
5) นาย ช. เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมาย มาตรา 157
------------
สัปดาห์หน้าจะมีคดีสำคัญๆ เกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับที่ดินอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามกันต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
x-files (1) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต รมต.-ผอ.รพ.รัฐ เอื้อปยจัดซื้อจ้างบ.พวกพ้อง
x-files (2) : พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บทลงโทษ พลเอก 'ก.' เลี่ยงระเบียบซื้อที่ดิน32ล.
x-files (3): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต คดีใหญ่รถดับเพลิง-นายกอบจ.งาบมุ้งไข้เลือดออก
x-files (4):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตที่ปรึกษารมต.จัดซื้อยา-เชือดอธิบดีงาบเรือขุด
x-files (5):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อบต.ตรวจงานเท็จ -ประปาร้อยเอ็ดเรียกเงินผู้รับจ้าง
x-files (6):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ.ยักยอกATM ผู้ต้องหาคดียาบ้ากดเงินใช้ 7 แสน
x-files (7):พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พันเอก พ. อมค่าโฆษณาวิทยุกองทัพภาคที่ 2
x-files (8): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต สจ. 'ข.' เอารถหลวงจำนำร้านคาราโอเกะ
x-files (9): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต พ.ต.ต. แก้ใบเสร็จยักยอกเงินซื้อรองเท้า 3แสน
x-files (10): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ดาบตำรวจ ‘ก.’ เรียกรับเงินงบซ่อมถนน 7 แสน
x-files (11): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต บิ๊กตำรวจ ‘ก.’ รับเคลียร์หนี้พนันละเว้นจับกุม
x-files (13): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต จ.ส.ต. ‘ส.’ รับสินบนละเว้นตรวจหนังสือเดินทางปลอม
x-files (14): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต เจ้าพนักงานเรียกรับเงิน ช่วยลดโทษผู้ต้องหายาเสพติด
x-files (15): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ร.ต.อ. ‘ก’ แจ้งข้อกล่าวหาคดีเช็คไม่ครบถ้วน
x-files (16): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาง ‘จ’ จนท.ปกครอง ช่วยคนไร้สัญชาติทำบัตรประชาชนเท็จ
x-files (17): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นายอำเภอ-ปลัด ปลอมใบเกิดช่วยต่างด้าวได้สัญชาติไทย
x-files (18): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต นาย ‘ก’ จนท.ทะเบียน เรียกเงินช่วยเปลี่ยนชื่อ-สวมเลขปชช.
x-files (19): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต การสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรม กรรมการ-ผู้สอบ รวม122คน
x-files (20): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต 3 จนท.กองสลาก ร่วมโกงล็อครางวัลที่1
x-files (23): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต ตร.อารักขานักการเมือง จับกุมผู้ชุมนุมโดยมิชอบ
x-files (24): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต แก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง
x-files (25): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต จนท.บริษัทของรัฐ ช่วยเอกชนไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลา
x-files (26): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริต อดีตรองปธ.รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรธน.โดยมิชอบ
x-files (27): พลิกแฟ้มมติ ป.ป.ช.ฟันทุจริตรวมฮิตคดีที่ดิน ส.ค.1 บิน- ออก น.ส.3ก. มิชอบ