ไม่มีทางหนุนโกง-แก้ต่างแทน รมต.!เปิดข้อต่อสู้‘เสี่ยเปี๋ยง’คดีจีทูจีเก๊ก่อนโดนคุก48ปี

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 10 ตุลาคม 2560 เวลา 14:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

คดีระบายข้าวจีทูจี | อภิชาติ จันทร์สกุลพร

“…ตามคำให้การของเอกชน-โรงสีข้าว (จำเลยที่ 22-28) ข้อเท็จจริงได้ความว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นของนายอภิชาติ ซึ่งประกอบธุรกิจค้าข้าวมาตั้งแต่สมัยบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด แม้ตามหลักฐานจะปรากฏว่า นายอภิชาติโอนหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้กับนายอนุ จารุศิลาวงศ์ ผู้เป็นญาติ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการชำระค่าหุ้นแก่กัน การโอนหุ้นดังกล่าวจึงไม่ใช่หลักฐานที่แสดงว่านายอภิชาติ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้อีกต่อไปนับแต่โอนหุ้น…”

PIC piang 10 10 60 7

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรดาจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกอดีตนักการเมืองระดับชาติ-อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงเอกชนเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด รวม 15 ราย ยกฟ้อง 8 ราย และหลบหนี 3 ราย ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 1.69 หมื่นล้านบาทนั้น

นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มีบทบาทสำคัญ และได้รับการพูดถึงในที่สาธารณะมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันการระบายข้าวจีทูจี และเป็นคนดำเนินขบวนการนำข้าวมาเวียนขายในประเทศ

บทบาทของอดีตพ่อค้าข้าว ‘เบอร์หนึ่ง’ คนนี้ เคยถูกพูดถึงมาแล้วในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร แต่ก็เงียบหายไปเมื่อเกิดการรัฐประหาร ส่วนบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ซื้อขายข้าวก็ล้มละลายตามไปด้วย

ก่อนจะกลับมา ‘ผงาด’ อีกครั้งในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ดำเนินการโดยคนสกุล ‘จันทร์สกุลพร’ มีบทบาทสูงในการเข้าร่วมประมูลข้าวของรัฐบาล และตามทางไต่สวนของศาลฎีกาฯ ชี้ให้เห็นว่า รายได้ และยอดขายข้าวของ ‘สยามอินฯ’ ขณะนั้น มีจำนวนสูงมาก

ตามทางไต่สวนของศาลฎีกาฯที่ผ่านมานานกว่าปีเศษนั้น หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ต่อสู้อย่างไร กรณีเข้าไปพัวพันกับการระบายข้าวจีทูจี ?

ในคำวินิจฉัยส่วนตนของนายพิศล พิรุณ หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดีระบายข้าวจีทูจี ได้วินิจฉัยประเด็นเหล่านี้ไว้ด้วย

อย่างไร ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้

นายอภิชาติ (จำเลยที่ 14) ให้การ และเพิ่มเติมคำให้การว่า ถูกธนาคารฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ แบงกิ้งคอร์ปเรชั่น จำกัด ฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย และศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตั้งแต่ปี 2553 จึงไม่อาจทำนิติกรรมอย่างใด ๆ ได้

ก่อนเกิดเหตุนายอภิชาติ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) จริง แต่ได้ลาออกและโอนขายหุ้นที่ถืออยู่ให้แก่ผู้อื่นไปหมดแล้วตั้งแต่ปี 2550 โดยไม่มีบุคคลใดถือหุ้นแทน และไม่รู้จักกับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายฑิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 1-6) ตามฟ้อง

อย่างไรก็ดีการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ไม่มีการประกาศให้ผู้สนใจเข้าเสนอราคาเพื่อซื้อข้าว จึงไม่มีการแข่งขันราคา ตามความหมายในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 การกระทำตามฟ้องที่โจทก์ (พนักงานอัยการ) อ้างว่า จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันกระทำความผิดจึงขาดองค์ประกอบของความผิด และไม่มีทางที่นายอภิชาติ จะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1-6 ไปได้

การสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ชอบ เพราะกระทำอย่างเร่งรัด ไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานเข้าหักล้างข้อกล่าวหา มีการกันผู้ค้าข้าวบางรายเป็นพยานเพื่อให้ผู้ค้าข้าวดังกล่าวให้การปรักปรำ และโจทก์ไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่า นายอภิชาติสนับสนุนการกระทำของ จำเลยที่ 1-6 อย่างไร หรือได้รับผลประโยชน์จากการกระทำตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นความผิดอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มิชอบ ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

นายพิศล พิรุณ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำให้การของเอกชน-โรงสีข้าว (จำเลยที่ 22-28) ข้อเท็จจริงได้ความว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นของนายอภิชาติ ซึ่งประกอบธุรกิจค้าข้าวมาตั้งแต่สมัยบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด แม้ตามหลักฐานจะปรากฏว่า นายอภิชาติโอนหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้กับนายอนุ จารุศิลาวงศ์ ผู้เป็นญาติ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการชำระค่าหุ้นแก่กัน การโอนหุ้นดังกล่าวจึงไม่ใช่หลักฐานที่แสดงว่านายอภิชาติ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้อีกต่อไปนับแต่โอนหุ้น

ในทางกลับกันจากทุนทรัพย์ที่มีการซื้อขายข้าวกันเป็นหมื่นล้านบาท ที่ต้องติดต่อกับทั้งฝ่ายต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ย่อมฟังได้ว่า นายอภิชาติ เจ้าของบริษัทผู้มีประสบการณ์ค้าข้าวมาช้านานนั่นเอง คือผู้ที่วางแผนหรืออยู่เบื้องหลังการดำเนินการทั้งหมดเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ นายพิศล ยังพิเคราะห์ด้วยว่า จำเลยหลายคนยังเป็นเครือญาติ เป็นบุตร คนใกล้ชิด และพนักงานบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งรู้จักนายอภิชาติเป็นอย่างดี ดังนั้นนายอภิชาติ และจำเลยที่ 7 จำเลยที่ 9-15 จำเลยที่ 18 จำเลยที่ 20-21 จึงมีความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1-2 จำเลยที่ 4-5 ในการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต โดยบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาทั้ง 4 ฉบับ

กล่าวสำหรับนายอภิชาติ ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาว่า กระทำผิดรวม 4 กระทง จำคุกกระทงละ 12 ปี รวม 48 ปี

นอกเหนือจากคดีระบายข้าวจีทูจีแล้ว ปัจจุบันนายอภิชาติเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่ (ปี 2556) อีก 4 สัญญา และคดีระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) จีทูจีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช.

และนายอภิชาติ ยังถูกจำคุกอยู่ที่ด้วยในคดีศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ข้อหายักยอกข้าวของรัฐสมัยรัฐบาลนายทักษิณ 2 สำนวน รวมจำคุก 6 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำเรื่องฎีกา ซึ่งคำพิพากษาจำคุก 48 ปีในคดีระบายข้าวจีทูจีนี้ ให้ถูกนับต่อจากโทษเดิมด้วย (อ่านประกอบ : เปิดชนักติดหลัง‘เสี่ยเปี๋ยง’! วัดใจ อสส. ปล่อยตัวคดียักยอกข้าว-กระทบจีทูจี?)

อ่านประกอบ :

INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3

เปิดเช็ค7.3หมื่นล.คดีจีทูจีเก๊!ปธ.ศาลฎีกาชี้ ป.ป.ช.ทำถูกกันเอกชนเป็นพยานสาวตัวการใหญ่

พฤติการณ์‘ลิตร พอใจ’จากคนขับรถ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ถึงผู้รับมอบอำนาจ-มือจ่ายเช็คคดีจีทูจีเก๊

ส่งเอกสารครั้งละ2พันบ.!พฤติการณ์ ‘ปาล์ม’ผู้รับมอบอำนาจรัฐวิสาหกิจจีนคดีจีทูจีเก๊

ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊

เจาะคำพิพากษาดูบทบาท‘สุธิดา’ตัวละครสำคัญดูแลถุงเงินสยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊

ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น