ไม่รู้‘หมอโด่ง’เอาข้าวจีทูจีมาขาย!ล้วงเหตุผลศาลฎีกาฯยกฟ้อง7โรงสี-เอกชน
“…เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใดที่เชื่อมโยงให้เห็นว่า จำเลยที่ 22-28 มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในขั้นตอนของการแอบอ้างนำรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนมาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี จำเลยที่ 22-28 คงพิจารณาเพียงว่า เมื่อซื้อข้าวและจะได้รับมอบข้าวตามตกลงหรือไม่ ประกอบกับการเสนอขายข้าวโดยมีเงื่อนไข การชำระค่าข้าวให้ผู้ซื้อสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คแก่กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการระบายข้าวของรัฐ ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่จำเลยที่ 22-28 ว่า เป็นข้าวที่ขายโดยกรมการค้าต่างประเทศ…”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอผลคำพิพากษาคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริตไปแล้ว ทั้งส่วนอดีตนักการเมืองชื่อดัง อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ รวมจำเลย 28 ราย
ทั้ง 28 รายดังกล่าว ถูกจำคุก 15 ราย สั่งปรับเอกชน 2 แห่ง ยกฟ้อง 8 ราย หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาล 3 ราย โดยจำเลยที่ถูกยกฟ้อง 8 ราย แบ่งเป็นสามีของน้องสาว ‘เสี่ยเปี๋ยง’ นายสมยศ คุณจักร (จำเลยที่ 19) ส่วนอีก 7 ราย คือ โรงสี-เอกชนค้าข้าว เนื่องจากตามทางไต่สวนไม่พบว่ามีพฤติการณ์อยู่ในขบวนการซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าว (อ่านประกอบ : INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)
เอกชนทั้ง 7 รายดังกล่าว ได้แก่ .หจก.โรงสีกิจทวียโสธร 2.นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.โรงสีกิจทวียโสธร และกรรมการบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด 3.บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด 4.บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด 5.นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด 6.บริษัท เจียเม้ง จำกัด 7.นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด เป็นจำเลยที่ 22-28
เอกชนทั้ง 7 ราย ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ‘สกัด’ จากเอกชนหลายร้อยรายที่ถูกกล่าวหาในคดีระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริตดังกล่าว กระทั่งมีการชี้มูลความผิดช่วงต้นปี 2558 และเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เหตุผลอะไร ทำไมศาลจึงเห็นว่าเอกชนทั้ง 7 รายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลผิดก่อนหน้านี้ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำพิพากษาเฉพาะกรณีเอกชน 7 รายดังกล่าว มานำเสนอ ดังนี้
จำเลยที่ 22-28 เบิกความยืนยันสรุปได้ว่า ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดหรือสนับสนุนการกระทำความผิดตามคำฟ้อง โดยจำเลยประกอบการค้าข้าวแต่ไม่เคยซื้อข้าวจากหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลทำให้ขาดแคลนข้าวเปลือกในตลาด ทำให้ไม่สามารถหาซื้อข้าวได้ แต่ผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ยังคงดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
จำเลย 22-28 ได้สอบถามผู้ประกอบการค้าข้าวถึงแหล่งซื้อข้าว ได้แจ้งว่า สามารถติดต่อซื้อข้าวของรัฐบาลจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 3 ปัจจุบันหลบหนีคดี) ต่อมาประมาณเดือน ส.ค. 2555 นายนิมล รักดี (โจ จำเลยที่ 15) โทรศัทพ์มาเสนอขายข้าวของรัฐบาลที่เก็บในคลังสินค้าของจำเลย แต่จำเลยไม่เชื่อมั่น เนื่องจากไม่เคยติดต่อค้าข้ายกับนายนิมลมาก่อน นายนิมลจึงขอให้ติดต่อกับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้รับการยืนยันว่า สามารถซื้อข้าวของรัฐบาลได้ โดยมีเงื่อนไขให้สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าวในนามของกรมการค้าต่างประเทศ แล้วนำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เพื่อจัดทำเอกสารการรับข้าว และสอบถามหัวหน้าคลังสินค้ากลางประจำจังหวัด (หลายแห่ง) ได้รับการยืนยันว่า กระบวนการซื้อขายถูกต้อง
จำเลยไม่เคยซื้อข้าวของรัฐบาลมาก่อน และไม่ทราบว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ นำข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีมาขายให้ จึงโทรศัพท์ต่อรองราคาซื้อขายข้าวกับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ จนได้ข้อยุติ โดยเป็นราคาใกล้เคียงกับราคากลางที่กรมการค้าภายใน และสมาคมโรงสีข้าวไทยกำหนด จึงขอให้ยกคำร้อง
ศาลพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 22-28 ร่วมกันซื้อข้าวและรับมอบข้าวตามสัญญาทั้ง 4 ฉบับ โดยรู้อยู่แล้วว่ามีการทุจริตนำข้าวที่แอบอ้างทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีมาขายให้ อันเป็นการสนับสนุนนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 2) และอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ (จำเลยที่ 4-6) หรือไม่
ข้อเท็จจริงได้ความจากการไต่สวนว่า จำเลยที่ 22 โดยจำเลยที่ 23 นำแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศมาซื้อและรับมอบข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐจากคลังสินค้าที่องค์การคลังสินค้าเช่าจากจำเลยที่ 22 รวมหลายหมื่นตัน วงเงินหลายพันล้านบาท
เห็นว่า จำเลย 22-28 เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวและนำคลังสินค้าของตนให้ อคส. หรือองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เช่าเก็บข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว และด้วยเหตุที่โครงการรับจำนำข้าวกำหนดราคารับจำนำสูงกว่าราคาท้องตลาดขาดแคลน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ไม่เปิดประมูลขายข้าวให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศอย่างเพียงพอ ทำให้ผู้ประกอบการค้าข้าวต่างประสบปัญหาไม่มีข้าวเพียงพอแก่การทำธุรกิจให้ดำรงอยู่ได้ การที่จำเลยที่ 22-28 หาแหล่งซื้อข้าวสำหรับส่งออกให้ลูกค้าของตนก็เป็นปกติวิสัยของการดำเนินธุรกิจ
แม้ได้ความจากการไต่สวนว่า ขณะเกิดเหตุเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวว่า หากต้องการซื้อข้าวต้องติดต่อผ่านนายโจ หรือนายนิมล (จำเลยที่ 15) ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) และย่อมทราบดีว่า การซื้อขายข้าวในคลังของรัฐมีระเบียบกำหนดขั้นตอนและการปฏิบัติอย่างเป็นแบบแผน อีกทั้งวิธีการและขั้นตอนซื้อข้าวของจำเลยที่ 22-28 มีรูปแบบการซื้อขายเริ่มจากได้รับการติดต่อจากนายนิมล เมื่อสามารถตกลงกันได้ก็จะซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศนำไปมอบให้นายนิมล โดยไม่มีการทำสัญญาซื้อขายและไม่มีการวางประกันก็ตาม
แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใดที่เชื่อมโยงให้เห็นว่า จำเลยที่ 22-28 มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริตในขั้นตอนของการแอบอ้างนำรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนมาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี จำเลยที่ 22-28 คงพิจารณาเพียงว่า เมื่อซื้อข้าวและจะได้รับมอบข้าวตามตกลงหรือไม่ ประกอบกับการเสนอขายข้าวโดยมีเงื่อนไข การชำระค่าข้าวให้ผู้ซื้อสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คแก่กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการระบายข้าวของรัฐ ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่จำเลยที่ 22-28 ว่า เป็นข้าวที่ขายโดยกรมการค้าต่างประเทศ
ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ข้าวที่ซื้อขายไปนั้นยังต้องมีขั้นตอนการนำไปปรับปรุงก่อนนำออกขาย ซึ่งความในข้อนี้ฝ่ายจำเลยได้นำสืบว่า ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซึ่งทำให้ราคาที่ซื้อขายใกล้เคียงกับราคาตลาด ลำพังพยานหลักฐานที่ได้ความจากการไต่สวนยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 22-28 ได้ร่วมหรือให้การสนับสนุนจำเลยที่ 1-2 และที่ 4-6 กระทำความผิดตามฟ้อง
----
อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แจ้งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า พนักงานอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้ อาจดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อขอให้พิจารณากรณีนายสมยศ คุณจักร (จำเลยที่ 19) และโรงสี-เอกชนค้าข้าวรายย่อย (จำเลยที่ 22-28) อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันยังมีคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง (หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า 4 ไห่ฯ) ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. และพบว่า มีโรงสี-เอกชนค้าข้าวรายย่อย ที่มีพฤติการณ์แบบเดียวกับจำเลยที่ 22-28 ในคดีนี้อยู่ (อ่านประกอบ : อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ)
ดังนั้นหากผลคำพิพากษายังเป็นแบบนี้ การชี้มูลความผิดคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง อาจทำให้ชี้มูลความผิดโรงสี-เอกชนค้าข้าวรายย่อยไม่ได้ ?
ท้ายสุดผลสรุปจะเป็นอย่างไร พนักงานอัยการจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เมื่อไหร่ ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านประกอบ :
คำพิพากษาชำแหละ‘โจ’มือขวา‘เสี่ยเปี๋ยง’ ตัวละครสำคัญรับบทนายหน้าเบิกข้าวคดีจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น
ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊
รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบโรงสีข้าวจาก ไทยรัฐออนไลน์