คำพิพากษาชำแหละ‘โจ’มือขวา‘เสี่ยเปี๋ยง’ ตัวละครสำคัญรับบทนายหน้าเบิกข้าวคดีจีทูจีเก๊
“…พฤติการณ์ของนายนิมล แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง และร่วมอยู่ในขบวนการมาตั้งแต่ต้นในการนำบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ มาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลประเทศจีน ซึ่งเป็นไม่เป็นความจริง…”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานพฤติการณ์ของจำเลยคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้วเบื้องต้น 3 กลุ่ม ได้แก่
หนึ่ง กลุ่มนักการเมือง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำคุก 42 ปี (อ่านประกอบ : ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊)
สอง กลุ่มอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว จำคุก 32 ปี และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชร อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 24 ปี (อ่านประกอบ : จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊)
สาม กลุ่มบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายสมคิด เอื้อนสุภา (พนักงานส่งเอกสาร) จำคุก 12 ปี น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง (แวดวงค้าข้าวเรียกว่า ‘เจ๊รัตน์’ คนสนิทนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร) จำคุก 16 ปี และ น.ส.เรืองวัน เลิศศรารักษ์ (กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด) จำคุก 16 ปี ส่วน น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร (บุตรสาวนายอภิชาติ) ปัจจุบันหลบหนีคำพิพากษา อยู่ระหว่างการออกหมายจับ (อ่านประกอบ : ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊, เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การระบายข้าวจีทูจีในช่วงปี 2554-2555 หรือทราบกันโดยทั่วไปว่า ข้าวจีทูจีล็อตแรก (ข้าวจีทูจีล็อตสอง อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ‘เครือสยามอินดิก้า’ มีบทบาทมากที่สุดในขบวนการนำข้าวที่ต้องทำจีทูจีมาเวียนขายภายในประเทศให้กับพ่อค้า และโรงสีข้าวต่าง ๆ
โดยเฉพาะนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯได้ระบุพฤติการณ์ว่า เป็นผู้อยู่ ‘ฉากหลัง’ เกือบทั้งหมดของขบวนการ โดยมอบหมายให้คนสนิท-ลูกน้องดำเนินการอยู่ ‘ฉากหน้า’
นายนิมล รักดี หรือที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ‘โจ’ เป็นหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของนายอภิชาติ ที่เข้าไปมีส่วนร่วมการทุจริตดังกล่าวเช่นกัน และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์หยิบยกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจคู่กับนายรัฐนิธ โสจิระกุล (ปาล์ม) ด้วย
นอกเหนือจากถูกคำพิพากษาให้จำคุกหนักแล้ว นายนิมล ยังเป็นหนึ่งในจำเลยร่วมกับนายอภิชาติ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1.69 หมื่นล้านบาทคืนแก่กระทรวงการคลังเช่นกัน (อ่านประกอบ : INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)
ทำไมนายนิมล ที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นที่รู้จักเป็นการทั่วไปมากนัก (หากไม่มาพัวพันคดีข้าวจีทูจี) ถึงได้รับโทษสูง แถมต้องชดใช้ค่าเสียหายมากมายมหาศาลขนาดนี้ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สืบค้นคำพิพากษาฉบับเต็ม เฉพาะกรณีนายนิมล ให้ทราบ สรุปได้ ดังนี้
ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2554 นายนิมล (จำเลยที่ 15) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาราชดำริ ระบุในคำขอเปิดบัญชีว่า ทำงานที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตำแหน่งพนักงานทั่วไป รายได้ 1.5-3 หมื่นบาท/เดือน และตามรายการเดินสะพัดตั้งแต่เปิดบัญชีจนกระทั่งปิดบัญชีเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2555 มีธุรกรรมทางการเงินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น รายการฝากด้วยแคชเชียร์เช็ค รายการโอนเงินเข้าบัญชี รายการฝากเงินข้ามเขตหักบัญชี และรายการถอนเงินสดวันละหลายสิบรายการ แต่ละรายการมีวงเงินสูงหลักสิบล้านบาทถึงร้อยล้านบาท เช่น วันที่ 5 ก.ย. 2555 ถอนเงินสดสูงถึง 912,303,699 บาท
ประการสำคัญมีการมอบหมายให้นายสมคิด เอื้อสุภา (จำเลยที่ 7) ถอนเงินจากบัญชีไปซื้อแคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าวตามสัญญาฉบับที่ 1 จำนวนมากหลายร้อยฉบับ คิดเป็นเงินจำนวนสูงมาก นอกจากนี้วันเดียวกับที่เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย นายนิมล ยังเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-หัวยขวาง ระบุในคำขอเปิดบัญชีว่า ทำงานที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีรายการธุรกรรมโอนเงินระบบบาทเนตดำเนินการโดยนายนิมล ประมาณ 11 ครั้ง แต่ละครั้งมีวงเงินสูงครั้งละหลายสิบล้านบาทจนถึงหลายร้อยล้านบาท ตามรายการเดินสะพัดทางบัญชี
ข้อเท็จจริงยังได้ความอีกว่า มีการชำระค่าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวทั้ง 4 ฉบับ โดยแคชเชียร์เช็คของธนาคารภายในประเทศหลายธนาคาร จำนวนนับพันฉบับ เฉพาะแคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าวที่มาจากการเบิกถอนเงินในบัญชีของนายนิมล มีจำนวนมากถึง 886 ฉบับ เป็นเงิน 22,004,709,351 บาท (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นอัตราส่วน 1 ใน 3 ของจำนวนแคชเชียร์เช็คทั้งหมดที่ถูกนำไปชำระค่าข้าวตามสัญญา
สอดรับกับคำเบิกความของพยานอีกหลายราย ทั้งที่เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของเอกชนค้าข้าวยักษ์ใหญ่ (ปัจจุบันถูกกันไว้เป็นพยานในชั้นการไต่สวน ป.ป.ช.) และเอกชนโรงสีข้าวที่ตกเป็นจำเลยที่ 22-28 ให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. และเบิกความในชั้นศาล สอดคล้องกันว่า ในขั้นตอนเจรจาซื้อข้าวเมื่อคุยกับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 3 ปัจจุบันหลบหนีคดี) พ.ต.นพ.วีระวุฒิ บอกให้ติดต่อนายนิมล พร้อมมอบชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อประสานงานในขั้นตอนการรับข้าว โดยนายนิมล ได้นัดพยานให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้นายสมคิด เอื้อนสุภา ด้วยตัวเอง
ขณะเดียวกันพยาน ระบุด้วยว่า หากต้องการซื้อข้าวต้องติดต่อผ่านนายนิมล ที่เป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และยืนยันว่า ในวงการค้าข้าวทราบดีว่า นายนิมล หรือโจ เป็นคนของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบฐานข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่พบหลักฐานการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเมื่อปี 2554-2556 แต่อย่างใด ทั้งที่ช่วงระยะเวลาดังกล่าว นายนิมล มีเงินสะพัดทางบัญชีและมีการเบิกถอนเงินจากบัญชีไปซื้อข้าวหลายหมื่นล้านบาท
ข้อที่นายนิมล อ้างว่า ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ประกอบอาชีพเป็นหยงค้าข้าว (นายหน้าค้าข้าว) ในทางไต่สวนไม่ปรากฏหลักฐานการซื้อขายข้าว หรือรายชื่อลูกค้าแม้แต่รายเดียว แต่กลับปรากฏว่า นายนิมล เปิดบัญชีออมทรัพย์หลายธนาคารซึ่งเป็นธนาคาร และสาขาเดียวกันกับที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เปิดไว้ใช้ในกิจการ
รายการธุรกรรมทางการเงินของนายนิมล มีวงเงินหลายหมื่นล้านบาท และมีความเชื่อมโยงกับบัญชีของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวนมาก เช่น เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2555 นายนิมล โอนเงินระบบบาทเนตเข้าบัญชีธนาคารสิกรไทยของ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง (จำเลยที่ 11) จำนวน 4 ล้านบาท และโอนเงินระบบบาทเนตไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทยของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 4 ล้านบาท และ 16 ล้านบาท
จากข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ข้างต้นมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า นายนิมล มีฐานะเป็นพนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด การทำธุรกรรมต่าง ๆ ดังวินิจฉัยข้างต้น ก็เพื่อประโยชน์ของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
เมื่อพิเคราะห์ถึงช่วงระยะเวลาที่นายนิมล เปิดบัญชีทั้งสองธนาคาร เป็นเวลาก่อนมีการทำสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 เพียง 6 วัน หลังจากนั้นมีการใช้บัญชีที่เปิดไว้ทั้งสองแห่งในการทำธุรกรรมการชำระเงินค่าข้าวตามสัญญาดังกล่าว ด้วยแคชเชียร์เช็คจำนวนหลายร้อยฉบับ เป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท จนเป็นที่รับรู้ในวงการผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวว่า หากต้องการซื้อข้าวของรัฐต้องติดต่อซื้อจากนายนิมล โดยไม่ต้องมีการประมูล
พฤติการณ์ของนายนิมล แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง และร่วมอยู่ในขบวนการมาตั้งแต่ต้นในการนำบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ มาทำสัญญาซื้อขายข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลประเทศจีน ซึ่งเป็นไม่เป็นความจริง
การกระทำของนายนิมล เป็นความผิดฐานสนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 เป็นความผิดหลายกรรมแยกตามรายสัญญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 4 กระทง
พิพากษาจำคุกกระทงละ 8 ปี รวม 32 ปี
----
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงของนายนิมลตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า นายนิมล หรือในวงการค้าข้าวเรียกกันว่า ‘เสี่ยโจ’ คือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในขบวนการระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริต เรียกได้ว่าเป็น ‘นายหน้า’ ตัวจริงที่ประสานงานกับกลุ่มเอกชนที่เข้ามาขอซื้อข้าว และเบิกข้าวจากคลังของรัฐ ตามการอนุมัติเห็นชอบของ ‘หมอโด่ง’ หรือ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของคดีนี้ แต่ปัจจุบันหลบหนีคดีอยู่
สิ่งที่เน้นย้ำบทบาทของนายนิมล และความสัมพันธ์ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อีกก็คือ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยสืบค้นข้อมูลของนายนิมล พบว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานกับ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด (ปัจจุบันล้มละลาย) และตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. อีกอย่างน้อย 4 คดี ได้แก่
หนึ่ง คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวพิจิตร เมื่อปี 2546/2547 ในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายนิมล บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริเทรดดิ้ง จำกัด นายอภิชาติ ปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งผู้ถูกกล่าวหา (อ่านประกอบ : ยังไม่จบ! ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเพิ่ม“เสี่ยเปี๋ยง”คดีจำนำข้าวปี’46-47ยุค“ทักษิณ”)
สอง คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่อีก 4 สัญญาในปี 2556 พฤติการณ์ของนายนิมล เหมือนกับคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก (อ่านประกอบ : อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ)
สาม คดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐบาลเพื่อนำไปจำหน่ายประชาชนในราคาถูก โดยพฤติการณ์ของนายนิมล ใกล้เคียงกับที่ดำเนินการในคดีระบายข้าวจีทูจีทั้ง 2 ล็อต คือเป็นนายหน้าคอยรับเงิน และสั่งการให้เบิกข้าวจากคลังของรัฐ (อ่านประกอบ : 'จัดเอกสาร-ซื้อเช็ค' ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยงทำเองหมด! มัด 'สยามอินดิก้า' โยงคดีข้าวถุง, เผยโฉมครั้งแรก!"เสี่ยโจ"นายหน้าค้าข้าวรัฐ "จีทูจี-ข้าวถุง"มือขวา "เสี่ยเปี๋ยง")
สี่ คดีระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบจีทูจีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พฤติการณ์ใกล้เคียงกับคดีระบายข้าวจีทูจีทั้ง 2 ล็อต (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.สอบเพิ่ม 53 ราย! คดีระบายมันจีทูจีเก๊ ‘ยรรยง-เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง’ ติดโผด้วย)
ด้วยข้อเท็จจริงตามคำพิพากษา และชนักติดหลังในชั้นไต่สวน ป.ป.ช. คดีใหญ่ ๆ ระดับชาติ มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาทอีกอย่างน้อย 3 คดี คงบ่งชี้ได้ถึงบทบาทของนายนิมลเป็นอย่างดีว่าเป็น ‘กลจักรสำคัญ’ ขนาดไหนในขบวนการระบายข้าวครั้งนี้ ?
อ่านประกอบ :
ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊
ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น
ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊
รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.