อ่วม!กรมศุลฯ ชี้ซุปเปอร์ซาร่า นำเข้าเมล์เอ็นจีวี ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม370 ลบ.

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 13 ธันวาคม 2559 เวลา 17:07 น.

เขียนโดย

Isranews

หมวดหมู่

อธิบดีกรมศุลกากร แถลงรถเมล์ 100 คันแรกของเบสท์ริน สำแดงเท็จ-ผิดกม.ประกอบที่จีนแต่มาพักที่มาเลย์ เผยต้องเสียค่าปรับ236 ล้าน ภาษีอีก118ล้าน ภาษีมูลค่าเพิ่ม 16 ล้าน ถึงนำรถออกจากท่าเรือแหลมฉบังได้

วันที่ 13 ธันวาคม นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวกรณีการนำเข้ารถโดยสารก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง(เอ็นจีวี) ณ ศูนย์แถลงข่าวกรมศุลกากร ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร คลองเตย

นายกุลิศ กล่าวถึง ปัญหาการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน. จากการสอบสวนพบรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 100 คันแรก มีการสำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จอันเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรตามมาตรา 99 และ 27 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ส่วนรถจำนวนที่เหลืออีก 389 คันยังไม่ถือเป็นความผิด เนื่องจากผู้นำเข้ายังไม่ได้ยื่นเอกสารนำเข้าต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางกรมศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทซุปเปอร์ซาร่าทราบแล้ว และบริษัทได้ยอมรับมีความเข้าใจที่ผิดพลาดในข้อมูลการนำเข้าจากบริษัทR&A Commercial Vehicles ผู้จำหน่ายในมาเลเซีย จึงได้จัดแถลงข่าวในครั้งแรกตามข้อมูลที่ได้รับ และก็พร้อมจะยินดีปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากรทุกประการ

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบพบรถทั้งหมด 489 คันได้ดำเนินการประกอบมาจากประเทศจีน และถูกมาพักที่มาเลเซียก่อนส่งเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งในจำนวน 100 คันแรกจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวม 370 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าภาษีอากรนำเข้าประมาณ 118 ล้านบาท ค่าปรับจากการสำแดงเอกสารเป็นเท็จอีก 236 ล้านบาทและค่าปรับภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 16 ล้านบาท

"ส่วนรถอีก 389 คันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกทั้งหมดประมาณ 571 ล้านบาท จากแบ่งเป็นค่าภาษีอากรนำเข้า 1.2 ล้านบาทต่อคัน และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.7 แสนต่อคัน และทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าจะถูกจัดลำดับอยู่กลุ่มบริษัทที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะมีการแสดงเอกสารเป็นเท็จ แม้จะเป็นการดำเนินการครั้งแรกก็ตาม และหากทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าต้องการนำรถ 100 คันแรกออกจากท่าเรือแหลมฉบังจะต้องดำเนินการวางเงินหลักประกันจำนวน 370 ล้านบาท ซึ่งจากการหารือพบว่าจะขอเวลาในการรวบรวมเงินอีกประมาณ 2-3 วัน"

ส่วนหนังสือรับรองที่ยื่นขอใช้สิทธิ ลดหย่อนภาษีศุลกากรหรือฟอร์มดี ที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ของประเทศมาเลเซีย อธิบดีกรมศุลากร กล่าวว่า ทางกรมฯขอระยะเวลาตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์ หากตรวจสอบและพบไม่มีเจตนาก็อาจลดค่าปรับที่ต้องจ่ายจำนวน 236 ล้านบาทได้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีตัวแทนบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้เดินทางมาที่กรมศุลกากร เจรจาเพื่อนำรถออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ขณะเดียวกันบริษัทซุปเปอร์ ซ่าร่า จำกัด ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ยินดีจะวางเงินประกันค่าภาษีให้กับทางศุลกากร