ปฏิบัติการเด็ดปีก‘ชินวัตร’หน 3 ประเมินผลกระทบยุบ‘เพื่อไทย’คุ้มหรือเสียของ?

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 25 ตุลาคม 2561 เวลา 13:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

กกต. | พรรคไทยรักไทย | พรรคพลังประชาชน | พรรคเพื่อไทย

“…หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบตอนนี้ตามที่แกนนำ-สมาชิกพรรคประเมิน ขณะที่อดีต ส.ส.เกรดเอ ย้ายไปสังกัดพรรคอื่นทัน จะทำให้เรียกคะแนนสงสารได้มากโขอยู่ เหมือนตอนพรรคไทยรักไทยถูกยุบ แล้วพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันถึงทุกวันนี้ว่า รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ‘เสียของ’ ?...”

PIC trt 25 10 61 1

ลุกลามบานปลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นเสียแล้ว!

สำหรับกระแสข่าวเตรียม ‘ยุบพรรค’ เพื่อไทย ปิดฉากพรรคการเมืองใต้ปีก ‘ชินวัตร’ เป็นหนที่ 3 ตามรอย ‘ไทยรักไทย-พลังประชาชน’ ?

กระแสข่าวนี้ถูกพูดอย่างหนาหูในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านการสอดรับกันเป็นทอด ๆ ตั้งแต่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศบ่อยครั้ง เกี่ยวกับการกวาดเก้าอี้ ส.ส. พรรคเพื่อไทย-เครือข่าย ชนะการเลือกตั้งครั้งที่จะถึง อีกอย่างก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า อดีตแกนนำ-ส.ส.เพื่อไทย บินลัดฟ้าไปคุยกับนายทักษิณบ่อยครั้ง

ต่อมามีนักข่าวนำไมค์จ่อปาก ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์’ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบ แต่ยืนยันไม่มี ‘ใบสั่ง’ จากฝ่ายรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แน่

ถัดมาวันเดียว พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. รับลูกทันที ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า กกต. อยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีการกล่าวหาว่า นายทักษิณ เข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ มีการเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย คลิป ข่าว และความเห็นของบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา หากพบว่าผิดจริง อาจถึงขั้นถูกยุบพรรคได้

ข้อมูลเหล่านี้กำลังทำให้พลพรรคเพื่อไทย-ซีกสีแดง ระส่ำระส่ายหนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเตรียมตัวเตรียมใจเกี่ยวกับเรื่องพรรคอาจถูกยุบเพราะกรณีการจัดแถลงข่าวผลงาน 4 ปี คสช. โดยมี 9 แกนนำพรรคถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่กลับมาเจอปัญหาใหม่ประเด็นถูก ‘นายใหญ่’ ครอบงำพรรคอีก ?

แม้ตามยุทธศาสตร์ ‘แยกกันเดิน-ร่วมกันตี’ ในการจัดตั้ง ‘พรรค 3 เพื่อ’ เพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ ‘แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย’ คำนวณ ‘คณิตศาสตร์การเมือง’ หวังเพิ่มเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ตาม แต่ชักจะไม่แน่ไม่นอนแล้วว่า ท้ายที่สุดยุทธศาสตร์นี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ หากสมมติพรรคเพื่อไทยถูกยุบ

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ว่ากันว่ามีอยู่ 3 ชื่อ ได้แก่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่ม กทม. และนายจาตุรนต์ ฉายแสง แต่ถ้าพิจารณาจากฉากหลังทางการเมืองแล้วหนีไม่พ้น ‘คุณหญิงหน่อย’ ที่ดูมีภาษีดีสุด และมาแรงที่สุดใน 3 ชื่อ ที่สำคัญมีอดีต ส.ส. ร่วมก๊วนเป็นจำนวนไม่น้อย

อย่างไรก็ดีแม้กระแสข่าวก่อนหน้านี้ชื่อของ ‘คุณหญิงหน่อย’ จะนอนมาในการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังจาก ‘เคลียร์ใจ’ กับบรรดา ‘2 เจ๊ใหญ่’ แห่งบ้าน ‘จันทร์ส่องหล้า-วงศ์สวัสดิ์’ ได้แล้วก็ตาม แต่ปรากฏว่า กระแสข่าว ‘ยุบพรรค’ มาแรง ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยกันยกใหญ่

หากประเมินความเสี่ยงการถูกยุบพรรค ว่ากันว่า ‘คุณหญิงหน่อย’ จะไม่นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค โดยให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ ขึ้นนั่งเก้าอี้หัวหน้าแทน เพราะตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา แทบไม่มีความสำคัญมากนัก เห็นได้จากช่วงปี 2554 ที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ดัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แทน

‘คุณหญิงหน่อย’ อาจถูกดันไปนั่งในตำแหน่งใหม่ที่มีบทบาทสำคัญพอ ๆ กับหัวหน้าพรรค และต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี แต่ไม่อยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อป้องกัน ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ซ้ำรอยเดิมเหมือนตอนอยู่พรรคไทยรักไทยอีกครั้ง ?

อย่างไรก็ดีตอนนี้ยังมีอีกสูตรหนึ่งที่สะพัดขึ้นในหมู่มวลสมาชิกพรรคเพื่อไทย นั่นคือ หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบจริง สมาชิกที่เหลืออาจกระจายไปอยู่กับพรรคเพื่อธรรม ฐานทัพหลักของบ้าน ‘ดามาพงศ์-วงศ์สวัสดิ์’ ที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตนักการเมือง ‘ลายคราม’ เป็นหัวหน้าปักธงรบอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ที่มั่นของฐานเสียง ‘ชินวัตร’ ส่วนที่เหลืออาจกระจายไปพรรคเครือข่ายอื่น ๆ ส่วน ‘คุณหญิงหน่อย’ ที่ว่ากันว่าไม่ค่อย ‘ลงรอย’ กับ ‘เจ๊ ๆ’ อาจย้ายไปพรรคใหม่ ที่ว่ากันว่าตอนนี้มีการเตรียมการไว้แล้ว

ไม่ว่าสูตรเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่ต้องเกิดขึ้นคือ การ ‘พลิกขั้ว-ย้ายค่าย’ ของนักการเมืองมืออาชีพทำได้ถึงแค่ภายในวันที่ 26 พ.ย. 2561 เท่านั้น หากเกินกว่านั้นจะเข้าข่ายสังกัดพรรคการเมืองน้อยกว่า 90 วัน และอดลงสมัครรับเลือกตั้ง

นั่นหมายความว่า หากผ่านพ้นวันที่ 26 พ.ย. 2561 ไปแล้ว สมมติ เพื่อไทยถูกยุบพรรคจริง จะทำให้สมาชิกย้ายไปสังกัดพรรคอื่นไม่ทัน และต้องนั่งชะเง้อคอรออยู่ที่อัฒจันทร์คนดู ไม่ได้ลงสนามไปเล่นเอง ประเด็นเรื่อง ‘ไทม์มิ่ง’ ตรงนี้เองที่ทำให้แกนนำ-สมาชิกเพื่อไทยระส่ำระส่ายอยู่ตอนนี้

อย่างไรก็ดีหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบตอนนี้ตามที่แกนนำ-สมาชิกพรรคประเมิน ขณะที่อดีต ส.ส.เกรดเอ ย้ายไปสังกัดพรรคอื่นทัน จะทำให้เรียกคะแนนสงสารได้มากโขอยู่ เหมือนตอนพรรคไทยรักไทยถูกยุบ แล้วพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันถึงทุกวันนี้ว่า รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ‘เสียของ’ ?

เพราะต้องไม่ลืมว่ายุทธศาสตร์การเมืองตอนนี้ ไม่ได้มีแค่พรรคใหญ่ต่อสู้กันเหมือนเดิม แต่ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 บีบให้พรรคใหญ่ต้องเดินเกม ‘แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย’ หมด ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย ‘เอาประยุทธ์’ ทีนำโดยพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังชล และเครือข่ายอื่น ๆ

ฝ่าย ‘ไม่เอาประยุทธ์’ ก็ไม่น้อยหน้า นอกจาก ‘พรรค 3 เพื่อ’ เพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ แล้ว ยังมีเครือข่ายร่วมสู้อย่าง พรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศไม่เอาการสืบทอดเผด็จการ และพรรคประชาชาติที่มีอดีต ‘คนกันเอง’ ไปนั่งกรรมการบริหารพรรคเพียบ และเครือข่ายยิบย่อยอีกจำนวนหนึ่ง

ดังนั้นหากเพื่อไทยถูกยุบไป อาจเป็นการ ‘พลีชีพ’ ปลุกคะแนนความสงสารซ้ำรอย ‘ยุบไทยรักไทย-เกิดพลังประชาชน’ หรือกรณี ‘ยุบพลังประชาชน-เกิดเพื่อไทย’ อีกครั้งหรือไม่

คงต้องรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการของ กกต. เสียก่อน ?