ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊
“…แม้ น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน มีฐานะเป็นพนักงาน แต่ยอมให้นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 14) เชิดในการดำเนินกิจการของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ย่อมแสดงว่า น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน และนายอภิชาติ มีการปรึกษาหารือ และรับรู้ร่วมขบวนการนำบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ (รัฐวิสาหกิจจีนที่ถูกอ้างว่ามาซื้อขายข้าวจีทูจี) มาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีโดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ซึ่งไม่เป็นความจริงมาแต่ต้น…”
ขบวนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต นอกเหนือจากบรรดาอดีตนักการเมือง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และบรรดาข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก ‘หนัก’ รายละ 20-40 ปีเศษไปแล้วนั้น (อ่านประกอบ : ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊, จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊)
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มบริษัทเอกชน โดยเฉพาะ ‘สยามอินดิก้า’ คือ ‘ตัวจักรสำคัญ’ ที่เป็นจุดเริ่มต้นขบวนการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ‘เสี่ยเปี๋ยง’ หรือนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง หรือพนักงานในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ก็ตาม ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯต่างระบุว่า เป็นผู้มีส่วนร่วมเกือบทั้งสิ้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอคำพิพากษาพฤติการณ์ของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายสมคิด เอื้อนสุภา ไปแล้วว่า ดำเนินการอย่างไรในขบวนการระบายข้าวจีทูจี และสาเหตุสำคัญทำไมศาลฎีกาฯจึงลงโทษจำคุก-สั่งปรับ (อ่านประกอบ : ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น, ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊)
คราวนี้มาดูพฤติการณ์ของ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง พนักงานทำบัญชี และกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 11) และ น.ส.เรืองวัน เลิศศรารักษ์ พนักงาน และกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 12) ที่ถูกระบุว่า เป็นตัวการสำคัญในคดีนี้กันบ้าง ?
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ระบุว่า สำหรับ น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ทั้งยังได้ความว่าทั้งสองรายได้เปิดบัญชีในนามส่วนตัวเพื่อใช้เป็นบัญชีในกิจการของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวนหลายบัญชี มีวงเงินหมุนเวียนสูงมาก มีการถอนเงินจากบัญชีของ น.ส.เรืองวัน ไปซื้อแคชเชียร์เช็คเพื่อชำระค่าข้าวในคดีนี้จำนวน 55 ฉบับ เป็นเงิน 3,752,870,927 บาท
ส่วนที่ น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน ต่อสู้ว่า น.ส.เรืองวัน เปิดบัญชีส่วนตัวเพื่อใช้ในกิจการของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เนื่องจากมีการแยกข้าวดีเพื่อส่งออก ส่วนข้าวเสียขายในประเทศ บัญชีดังกล่าวเปิดไว้รับโอนเงินจากการขายข้าวเสื่อมนั้น แต่กลับได้ความว่า แคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าวที่มาจากเงินในบัญชีดังกล่าว ถูกนำไปชำระค่าข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีให้กรมการค้าต่างประเทศ ข้ออ้างจึงรับฟังไม่ได้
แม้ น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน มีฐานะเป็นพนักงาน แต่ยอมให้นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 14) เชิดในการดำเนินกิจการของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ย่อมแสดงว่า น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน และนายอภิชาติ มีการปรึกษาหารือ และรับรู้ร่วมขบวนการนำบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ (รัฐวิสาหกิจจีนที่ถูกอ้างว่ามาซื้อขายข้าวจีทูจี) มาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีโดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ซึ่งไม่เป็นความจริงมาแต่ต้น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด น.ส.รัตนา น.ส.เรืองวัน และนายอภิชาติ ร่วมกับนายภูมิ นายบุญทรง นายมนัส นายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ กระทำความผิดตามฟ้อง โดยเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
แม้ความผิดฐานร่วมกันเสนอราคาตาม พ.ร.บ.ฮั้วฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง ผู้ร่วมกระทำความผิดไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ แต่คำฟ้องโจทก์ (พนักงานอัยการ) ประสงค์ให้ลงโทษฐานสนับสนุน จึงลงโทษได้เพียงฐานสนับสนุน และเป็นความผิดหลายกรรมแยกตามรายสัญญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 4 กระทง
พิพากษาจำคุก น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน กระทงละ 4 ปี รวม 4 กระทง รวมจำคุก 16 ปี
คำพิพากษาดังกล่าวของ น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการระบายข้าวจีทูจีมาโดยตลอด โดยเฉพาะข้อมูลของ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ที่พบว่า เข้ามามีบทบาทสำคัญในขบวนการระบายข้าวจีทูจีอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ น.ส.รัตนา ถูกเรียกขานจากกลุ่มบุคคลที่ทำธุรกิจค้าข้าวว่า ‘เจ๊รัตน์’ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการของ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ทั้งหมด เป็นหน้าฉากให้กับ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ที่คอยยืนคุมอยู่ฉากหลังนั่นเอง
สนิทสนมได้รับความไว้วางใจถึงขนาดว่ากันว่า หากใครต้องการทำธุรกิจกับเครือสยามอินดิก้า จะต้องติดต่อผ่าน ‘เจ๊รัตน์’ ก่อน ถ้าใครไม่สนิทสนมก็จะไม่มีทางได้พบ ? (อ่านประกอบ : เปิดตัว“เจ๊รัตน์”ลูกน้องคนสนิท-หน้าฉาก “เสี่ยเปี๋ยง”?)
ขณะเดียวกันข้อมูลตามทางการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า น.ส.รัตนา ให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เมื่อปี 2557 ยืนยันว่า ได้รับการโอน ‘หุ้นลม’ ในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มาจากบุคคล 2 ราย และมีเงื่อนไขว่า จะชำระค่าหุ้นดังกล่าวเมื่อบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีกำไรประมาณ 7-10% แต่ท้ายสุด ยังไม่มีการชำระเงินค่าหุ้นให้กับบุคคลทั้ง 2 รายดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วน น.ส.เรืองวัน เบิกความต่อศาลเมื่อปลายปี 2559 ยืนยันว่า หุ้นมูลค่า 40 ล้านบาท ในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ตนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ได้รับมาจากภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนายอภิชาติ โดยไม่ต้องชำระราคาแต่ประการใด (อ่านประกอบ : โอนหุ้นลม-ไม่แบ่งรายได้มหาศาล!หลักฐานอัยการชี้‘เสี่ยเปี๋ยง’ผู้มีอำนาจตัวจริง‘สยามอินฯ’)
ด้วยข้อเท็จจริงเหล่านี้จึงเน้นย้ำให้เห็นอีกว่า น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน เป็นเพียงบุคคล ‘ฉากหน้า’ ที่คอยถือหุ้น-ดูแลกิจการให้กับ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ เท่านั้น ?
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ในช่วงบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด (บริษัทของนายอภิชาติ ปัจจุบันล้มละลาย) ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร (นายวัฒนา เมืองสุข เป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) จนทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดไปนั้น น.ส.รัตนา ก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกชี้มูลความผิดด้วย
ต่อมามีการจัดตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เมื่อปี 2547 น.ส.รัตนา และ น.ส.เรืองวัน ก็เข้าไปเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด โดย น.ส.รัตนา มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสอง 11.1728% รองจากนางสุดา คุณจักร (น้องสาวนายอภิชาติ)
นอกจากนี้ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นในบริษัทเครือข่ายของนายอภิชาติ เป็นจำนวนมากด้วย โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวกับไซโลเก็บพืชผลทางการเกษตร ธุรกิจรับจ้างสีข้าว หรือธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า จำเลยทั้ง 2 รายดังกล่าว โดยเฉพาะ น.ส.รัตนา คือ ‘ตัวแปรสำคัญ’ ที่เป็น ‘ฉากหน้า’ โดยมี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ เชิดอยู่เบื้องหลัง ตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯดังกล่าวนั่นเอง ?
กระทั่งต้องติดบ่วงรับกรรม จำคุกยาวนานถึง 16 ปี จากการร่วมทุจริตในโครงการระบายข้าวจีทูจีดังกล่าว
และทั้ง 2 ราย ยังมีชนักติดหลัง เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีอีก 4 สัญญาเมื่อปี 2556 กับรัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่ง (เรียกกันโดยทั่วไปว่า ข้าวจีทูจี 4 ไห่ฯ) ที่ปัจจุบันอยู่ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อีกด้วย ! (อ่านประกอบ : อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ)
อ่านประกอบ :
รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’
INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบโกดังข้าวจาก คมชัดลึกออนไลน์