ขาดทุนล่าสุด 2.2 พันล.! ล้วงเหตุผล ‘เอคิว’ลูกหนี้กรุงไทยหมื่นล.ทำไมยังไม่ชดใช้?
“…ผู้สอบบัญชีไม่สามารถตรวจทานความไม่แน่นอนในเรื่องการชดใช้หนี้สินของคดีดังกล่าวได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัท เอคิวฯ ไม่ส่งความเห็นผู้สอบบัญชีแก่ ตลท. ? ขณะเดียวกันราคาประเมินที่ดินดังกล่าวประมาณ 8,924 ล้านบาท ที่จำนองเป็นประกันไว้กับธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันก็ยังหาผู้เข้ามาซื้อไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้เกิดความสั่นคลอนเกี่ยวกับความไม่มั่นคงของสถานะการเงินในบริษัท…”
สาธารณชนอาจทราบกันไปแล้วว่า ‘เครือกฤษดามหานคร’ หรือปัจจุบันในชื่อบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ชดใช้ความเสียหายในคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้โดยมิชอบกว่าหมื่นล้านบาท
(อ่านประกอบ : จำแนกจำเลย-โทษเรียงตัวคดีกรุงไทย ไขปริศนา? ไฉนไม่มีชื่อ“พานทองแท้”)
หลังจากศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว บริษัท เอคิวฯ ได้รีบดำเนินการเพื่อหาทรัพย์สินมาชดใช้ค่าเสียหายในกรณีนี้ในทันที โดยสั่งการให้ประเมินทรัพย์สินต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งขณะนั้นพบว่า มีที่ดินประมาณ 4,323 ไร่ ตั้งอยู่ตามแนวถนนบางนา-ตราด (ทางหลวงหมายเลข 34) ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันกับธนาคารกรุงไทย สามารถนำมาชดใช้หนี้ได้ โดยมีการประเมินราคาที่ดินดังกล่าวประมาณ 12,749 ล้านบาท ส่งผลให้จำเป็นต้องเลื่อนส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2558 ออกไปก่อน
นอกจากนี้ในช่วงต้นปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. (ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ) ยังเทขายหุ้นรวม 750 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.85% ของหุ้นทั้งหมด ให้กับนายกำพล วีระเทพสุภรณ์ หรือ ‘เสี่ยโนอาร์’ และบุตรชาย-หญิงทั้งหมด
(อ่านประกอบ : ‘สมยศ’ขายหุ้น‘เอคิว’ 750 ล.ให้‘เสี่ยโนอาร์-ลูก’ก่อนชิงนายกฯสมาคมบอล)
หลายคนอาจคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวว่า เพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการสมัครชิงดำนายกสมาคมฟุตบอลฯ แต่อีกนัยหนึ่ง อาจเกิดขึ้นจากการที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาดังกล่าว และอาจส่งผลให้เกิดความ ‘สั่นคลอน’ เกี่ยวกับสถานะการเงินของบริษัทได้ ?
ล่าสุด ตลท. ทำหนังสือแจ้งให้บริษัท เอคิวฯ และประชาชนทั่วไปรับทราบว่า บริษัท เอคิวฯ ไม่ได้ส่งความเห็นของผู้สอบบัญชีบริษัทให้กับ ตลท. ในส่วนของงบการเงินประจำปี 2558 นอกจากนี้ยังไม่ส่งงบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2559 ด้วย
ซึ่งกรณีนี้ ตลท. ระบุว่า อาจทำให้ตัวเลขผลดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ รวมถึงได้ห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท จนกว่าจะส่งงบการเงินที่แก้ไข และนำส่งงบการเงินไตรมาส 1 ด้วย
(อ่านประกอบ : ตลท.ห้าม‘เอคิว’ลูกหนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.ซื้อขายหลักทรัพย์-ยังขายที่ดินใช้หนี้ไม่ได้)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ภายหลัง ตลท. แจ้งเรื่องดังกล่าว บริษัท เอคิวฯ ได้แจ้งผลการดำเนินงานดังกล่าวแก่ ตลท. แล้ว โดยมีการระบุสาเหตุสำคัญที่ไม่ได้ส่งความเห็นของผู้สอบบัญชีแก่ ตลท. นั่นคือ กรณีถูกศาลฎีกาฯพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายในคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กว่าหมื่นล้านบาท สรุปได้ ดังนี้
จากกรณีที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินประจำปี 2558 เนื่องจากบริษัทมีความไม่แน่นอนซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทด้วยเหตุผลต่อไปนี้
ภายหลังศาลฎีกาฯพิพากษาให้บริษัทต้องร่วมชดใช้เงิน 10,004,467,480 บาท แก่ธนาคารกรุงไทย โดยบริษัท โกลเด้นฯ และบริษัท เคแอนด์วีเอสอาร์เอส การ์เด้นโฮม จำกัด (ทั้งสองแห่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เอคิวฯ) มีที่ดิน 4,323-1-55.9 ไร่ ตั้งอยู่ตามแนวถนนบางนา-ตราด (ทางหลวงหมายเลข 34) ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ (มอเตอร์เวย์) วัดเกาะแก้ว ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันการกู้ยืมเงินกับธนาคารกรุงไทย
โดยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ประเมินอิสระที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.) ได้ประเมินเมื่อ พ.ค. 2559 มีมูลค่าบังคับขายของที่ดินราคา 12,749 ล้านบาท โดยใช้วิธีเปรียบเทียบกับข้อมูลตลาด
อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่ามูลค่าบังคับขายของที่ดินจะมีราคา 8,924.30 ล้านบาท โดยบริษัทได้ตั้งสำรองภาระหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นในคดีดังกล่าวจำนวน 1,631.74 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าของความเสียหายที่บริษัทต้องชดใช้จริงขึ้นอยู่กับความสามารถในการขายที่ดินหลักประกันให้ได้ราคาตามที่บริษัทประมาณการไว้
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นความไม่แน่นอนอย่างเป็นสาระสำคัญซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดความสงสัยขึ้นได้
ที่สำคัญคือ นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการบริหารของบริษัท ได้ลาออก ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อย ผิดเงื่อนไขเงินกู้จากสถาบันการเงิน 3 แห่ง ซึ่งมีการระบุเงื่อนไขการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริหาร วงเงินประมาณ 30 ล้านบาท
ผลที่เกิดขึ้นคือ นับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯพิพากษา-ปัจจุบัน สถาบันกาเรงินทุกแห่งที่บริษัทและบริษัทย่อยได้รับสินเชื่อได้หยุดการให้เบิกใช้วงเงินสินเชื่อทุกประเภทชั่วคราว
อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงประกอบธุรกิจได้ตามปกติโดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท โดยโครงการรปัจจุบันที่สร้างรายได้หลักให้บริษัทมีอยู่ 5 โครงการ คือ โครงการ Shadi-รังสิต โครงการกฤษดาแกรนด์พาร์ค-รังสิต โครงการ AQ Shadi-ชลบุรี-บายพาส โครงการรังสิตบิช พาร์ค-รังสิต และโครงการคอนโดมีเนียมการ์เดน-อโศก-พระราม 9
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงสาระสำคัญของการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทด้วย เพราะมีข้อบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ของบริษัทอาจเกิดการด้อยค่า โดยมีมูลค่าสุทธิทางบัญชีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ตามงบการเงินรวม 5,020.80 ล้านบาท บริษัทจึงจ้างผู้ประเมินราคาอิสระหลายแห่งเพื่อประเมินราคาใหม่
ส่วนปัจจัยหลักสำคัญที่ไม่ได้แสดงความเห็นของผู้สอบบัญชี นั่นคือผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการสอบทานในความเหมาะสมของมูลค่าโครงการหลายแห่ง
แต่ที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดือน ก.ค. 2559 บริษัท เอคิวฯ ได้ว่าจ้างบริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน (ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.) เพ่อทดสอบการด้อยค่าความนิยมในสินทรัพย์ถาวร สินค้าคงเหลือในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างพัฒนาเพื่อขาย และเงินลงทุนในบริษัทย่อย โดยใช้วิธีประมาณการรายได้ และคำนวณคิดลดกระแสเงินสดมาเป็นมูลค่าปัจจุบันภายใต้สมมติฐานที่ว่า บริษัทจะสามารถดำเนินการจัดการหนี้สินเกี่ยวกับคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ได้หรือไม่
ล่าสุด ในปี 2559 บริษัทได้บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าความนิยมจำนวน 202.98 ล้านบาท ของสินค้าคงเหลือในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างพัฒนาเพื่อขายจำนวน 282.30 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนอย่างเป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทที่จะจัดการหนี้สินเกี่ยวกับคดีความดังกล่าวตามที่วางแผนไว้ รวมถึงสถาบันทางการเงินได้หยุดการให้เบิกใช้วงเงินสินเชื่อทุกประเภทชั่วคราว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะมีผลกระทบอย่างเป็นสาระสำคัญของสมมติฐานดังกล่าวได้
(อ่านคำชี้แจงบริษัท เอคิวฯ ฉบับเต็ม : http://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=14700950337701&language=th&country=TH)
สรุปให้ง่ายคือ ผู้สอบบัญชีไม่สามารถตรวจทานความไม่แน่นอนในเรื่องการชดใช้หนี้สินของคดีดังกล่าวได้
ซึ่งในส่วนนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัท เอคิวฯ ไม่ส่งความเห็นผู้สอบบัญชีแก่ ตลท. ?
ขณะเดียวกันราคาประเมินที่ดินดังกล่าวประมาณ 8,924 ล้านบาท ที่จำนองเป็นประกันไว้กับธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันก็ยังหาผู้เข้ามาซื้อไม่ได้
นั่นยิ่งทำให้เกิดความสั่นคลอนเกี่ยวกับความไม่มั่นคงของสถานะการเงินในบริษัท ดังเช่นที่บริษัท เอคิวฯ แจงว่า สินทรัพย์ของบริษัทอาจเกิดการด้อยค่า จึงจำเป็นต้องจ้างผู้ประเมินราคาอิสระหลายแห่งเพื่อประเมินราคาใหม่ รวมถึงทำให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้สินเชื่อแก่บริษัท เอคิวฯ งดปล่อยสินเชื่อชั่วคราว
ล่าสุด บริษัท เอคิวฯ ได้แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2558 แล้ว (ฉบับที่ไม่ได้ส่งความเห็นของผู้สอบบัญชี) ระบุว่า มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 2,216.81 ล้านบาท โดยขาดทุนเพิ่มจากปี 2557 ร้อยละ 20 (ปี 2557 ขาดทุนสุทธิจำนวน 315.01 ล้านบาท) มีสาเหตุหลัก ได้แก่
1.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ ปี 2558 เพิ่มขึ้น 76.93 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่
2.ได้ตั้งประมาณการหนี้สินในคดีธนาคารกรุงไทย และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมจำนวน 1,631.74 ล้านบาท
3.ประเมินราคาสิทธิการเช่าของบริษัทย่อยแล้วมีด้อยค่าในทรัพย์สินเป็นจำนวน 143.73 ล้านบาท
4.ขาดทุนจากการด้อยค่าความนิยมในเงินลงทุน 202.99 ล้านบาท
ทั้งหมดคือสถานะล่าสุดของบริษัท เอคิวฯ หรือชื่อเดิมคือบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) อดีต ‘ยักษ์ใหญ่’ อสังหาริมทรัพย์ของไทย ก่อนที่อดีตผู้บริหารระดับสูงในเครือจะเข้าไปพัวพันกับการทุจริตในการทำสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีการโยงใยถึงฝ่ายการเมือง และคนใกล้ชิด ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี และศาลฎีกาฯได้พิพากษาให้ชดใช้หนี้คดีดังกล่าว
กระทั่งนำไปสู่ความไม่แน่นอนของบริษัทในขณะนี้ !
อ่านประกอบ :
‘พานทองแท้’ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทยแล้ว-‘กาญจนาภา’ขอเลื่อน
‘แม่-สามีกาญจนาภา’รับได้เงิน‘เสี่ยวิชัย’จริง! ดีเอสไอเรียก‘โอ๊ค’แจง 4 มี.ค.
หลักฐานใหม่คดีฟอกเงิน!พบ พนง.บ. พานทองแท้ถูกยืมชื่อซื้อหุ้น ทอท.
คาดสอบปากคำ‘พานทองแท้’คดีฟอกเงิน ก.พ.-ดีเอสไอขีดเส้นปิดคดี เม.ย.นี้
‘พานทองแท้’ขอเลื่อนให้ปากคำคดีฟอกเงินกรุงไทย-ดีเอสไอยันนัดหน้าต้องมา
ดีเอสไอยัน พนง.บ.พานทองแท้-กฤษดามหานครเข้าข่ายฟอกเงินคดีกรุงไทย
ดีเอสไอเรียก‘ทอท.-พนง.บ.พานทองแท้’ ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทย
ชัดๆอีกครั้ง! สัมพันธ์ลึก'พานทองแท้-ศิธา' ก่อนเผชิญหน้า DSI คดีฟอกเงินกรุงไทย
ดีเอสไอเชิญ ก.ล.ต.ให้ข้อมูล‘ลูกวิชัย’ ซื้อหุ้น ทอท.ขายต่อ พนง.บ.‘พานทองแท้’
ดีเอสไอสอบ‘วิชัย’ที่คุก! คดีฟอกเงินกรุงไทย-โอนให้โดยไม่มีหนี้ผิดเต็มประตู
เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?
หลักฐานโอนมัด! ดีเอสไอเชิญ‘วิชัย’ผู้บริหารกฤษดาฯแจงปมฟอกเงินคดีกรุงไทย
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
ไขสัมพันธ์‘พานทองแท้-ลูกสาว‘เสี่ยวิชัย’ นอกคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดีเงินกู้ กรุงไทย
ใช้ข้อมูล ธปท.สาวลึกเส้นทางเงินคดีกรุงไทย เอี่ยว 50 ราย-เครือนักการเมืองด้วย
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
5 ความเห็นผู้พิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยถึง“พานทองแท้”
ดีเอสไอคัดคำพิพากษาสอบเส้นทางเงินคดีกรุงไทย-ปัดตอบโยง“พานทองแท้”
คำพิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยงถึง“พานทองแท้”
นำเสนอ 15 นาที ก่อนปล่อยกู้ 9.9 พันล.!คำพิพากษามัด 'วิโรจน์-พวก' คดีกรุงไทย
เหตุผลศาลฎีกาฯคดีกรุงไทย ไม่รู้ใคร“บิ๊กบอส”-สาวไม่ถึง“พานทองแท้”ฟอกเงิน?
ดีเอสไอยันคตส.ไม่กล่าวหา'พานทองแท้' ฟอกเงินคดีกรุงไทย-รับของโจรไม่มีมูล
“แก้วสรร”สวนดีเอสไอ ยัน คตส.ให้เอาผิด “พานทองแท้-พวก”ฟอกเงินคดีกรุงไทย
แก้วสรร อติโพธิ : คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ภาค 2
ขยายปม อสส.ไม่ฟ้อง“พานทองแท้-พวก”รับของโจรคดีกรุงไทย ใครรับผิดชอบ?
อัยการยัน“พานทองแท้-พวก”ไม่ใช่ จนท.รัฐ ชนวนไม่ฟ้องปมรับของโจรคดีกรุงไทย
จำแนกจำเลย-โทษเรียงตัวคดีกรุงไทย ไขปริศนา? ไฉนไม่มีชื่อ“พานทองแท้”
ข้อมูลลับความเชื่อผู้บริหาร "เอคิว" ก่อนศาลฯ พิพากษาชดใช้กรุงไทยหมื่นล.!
คำให้การมัดคดีกรุงไทยโผล่เว็บศาลฯ ชื่อ 2 กก.บริหาร "อุตตม-รมว.ไอซีที" รอด!
พิพากษาจำคุก “ร.ท.สุชาย-วิโรจน์” 18 ปี ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ชดใช้หมื่นล.