- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
“…การที่จำเลยที่ 25 นำเงินสินเชื่อที่จำเลยที่ 19 ได้จากการกู้ยืมธนาคารผู้เสียหายโอนให้นายพานทองแท้จำนวนมาก โดยนายพานทองแท้ไม่สามารถชี้แจงที่มาของธุรกรรมได้ และยังโอนเงินจำนวนมาก ให้นายมานพไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของจำเลยที่ 20 อย่างผิดปกติ โดยจำเลยที่ 25 ไม่เคยชี้แจงที่มาของธุรกรรมดังกล่าว … มีเหตุผลน่าเชื่อว่า ธุรกรรมของนายพานทองแท้และนายมานพ เป็นการรับผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่จำเลยที่ 19 ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารผู้เสียหาย…”
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำวินิจฉัยของ 9 องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต มาเปิดเผยไปก่อนหน้านี้
โดยคัดเฉพาะประเด็นว่า ตกลงแล้ว “บิ๊กบอส” คือใคร และเส้นทางการเงินในคดีนี้เชื่อมโยงถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงบุคคลใกล้ชิด เช่น นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (สกุลขณะนั้น) นายวันชัย หงส์เหิน (สามีนางกาญจนาภา) และนายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี (อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย) หรือไม่
โดยมีผู้พิพากษา 5 คน เชื่อว่า เส้นทางการเงินในคดีนี้ โยงถึงนายพานทองแท้-พวก จริง แต่เสียงส่วนใหญ่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า “บิ๊กบอส” คือนายทักษิณเท่านั้น ?
(อ่านประกอบ : 5 ความเห็นผู้พิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยถึง“พานทองแท้”)
ทั้งนี้ ในคำวินิจฉัยของผู้พิพากษาทั้ง 9 คน มีอยู่เพียงนายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา และเจ้าของสำนวน ที่ให้ความเห็นและวินิจฉัยเรื่องเส้นทางการเงินในคดีนี้เอาไว้อย่างละเอียด
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปเนื้อหามาให้อ่าน ดังนี้
“…เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 นายธีรโชติ พรมคุณ พนักงานของจำเลยที่ 20 (บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)) ได้ซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารไทยธนาคาร 26 ล้านบาท โดยหักจากบัญชีของจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร) สั่งจ่ายนายพานทองแท้ ชินวัตร และนำเข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 184-0-47447-0 แต่ในวันเดียวกันมีการยกเลิกรายการ
ครั้นวันรุ่งขึ้นนายธีรโชติซื้อแคชเชียร์เช็ค 26 ล้านบาท สั่งจ่ายบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อชำระค่าหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางเกศินี จิปิภาพ มารดาของนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (ภรรยาของนายทักษิณ ขณะนั้น)
ต่อมานางเกศินี ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 1.8 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักรัชโยธิน
อย่างไรก็ดีนายพานทองแท้ ชี้แจงเป็นหนังสือต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า จำเลยที่ 26 (นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรนายวิชัย กฤษดาธานนท์) ฝากนายวันชัย หงส์เหิน (สามีนางกาญจนาภา หงส์เหิน) ซื้อหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด ผ่านบัญชีของนางเกศินี ครบกำหนดชำระหุ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2546
ซึ่งก่อนครบกำหนดชำระค่าหุ้น เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 จำเลยที่ 26 โทรศัพท์มาแจ้งว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่นำแคชเชียร์เช็คค่าหุ้น 26 ล้านบาท เข้าบัญชีของตนเพื่อฝากโอนให้บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ตนเกรงว่าอาจล่าช้าชำระไม่ทันกำหนด จึงแนะนำให้จำเลยที่ 26 ชำระเงินให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต โดยตรง จำเลยที่ 26 จึงยกเลิกธุรกรรมที่นำแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีของตน
เห็นว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ทางปฏิบัติในการซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์นั้น ผู้จะซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์และจะต้องแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารให้บริษัทหลักทรัพย์ทราบเพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์โอนเงินเข้าบัญชีเมื่อมีการสั่งขายหลักทรัพย์ หรือให้บริษัทหลักทรัพย์หักเงินจากบัญชีเมื่อมีการสั่งซื้อหลักทรัพย์
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ทั้งนายพานทองแท้และจำเลยที่ 26 มีความสนิทสนมกัน ต่างก็มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง หากจำเลยที่ 26 ได้ฝากนายวันชัยซื้อหุ้นตามที่อ้าง จำเลยที่ 26 ย่อมสามารถโอนเงินค่าหุ้นเข้าบัญชีธนาคารของนายวันชัยหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทหลักทรัพย์ได้โดยตรงอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จำเลยที่ 26 ต้องนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีธนาคารของนายพานทองแท้เพื่อฝากชำระค่าหุ้นให้นายวันชัยอีกทอดหนึ่ง
ข้ออ้างของนายพานทองแท้ฟังไม่ขึ้น
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2547 จำเลยที่ 25 ได้สั่งจ่ายเช็คไทยธนาคารจำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาบางพลัด
นายพานทองแท้ชี้แจงเป็นหนังสือต่อ คตส. ว่า เป็นเงินที่ตนร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 26 เพื่อทำธุรกิจ แต่ไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นธุรกิจใด หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน จึงได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เป็นการร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 26 ทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมาขาย แต่ติดขัดเรื่องขั้นตอนการนำเข้าต้องใช้เวลานาน และสีรถยนต์ไม่ถูกใจจึงยกเลิกการทำธุรกิจ
เห็นว่า หากเป็นเงินร่วมลงทุนทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศตามที่อ้าง ก็น่าจะชี้แจงไปตั้งแต่ครั้งแรก และนายพานทองแท้เป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจ ข้ออ้างว่าร่วมลงทุนเพียง 10 ล้านบาท ไม่น่าเชื่อถือ
คำชี้แจงทั้งสองกรณีขัดต่อเหตุผล ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
ข้อเท็จจริงยังได้ความจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกว่า มีการนำเงินสินเชื่อที่จำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้นฯ เครือกฤษดามหานคร) ได้รับจากธนาคารผู้เสียหายไปซื้อหุ้นจองของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.2 แสนหุ้น และจำเลยที่ 26 ได้นำหุ้นดังกล่าวมาเสนอขายแก่พนักงานของบริษัท ฮาวคัม จำกัด ที่มีนายพานทองแท้เป็นประธานกรรมการ และเสนอขายให้พนักงานบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ฮาวคัม จำกัด
เป็นที่ทราบกันดีว่า ราคาหุ้นจองของบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ที่เสนอขายจะต่ำกว่าราคาที่จะนำเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของนักลงทุน ราคาหุ้นจองจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากของนักลงทุน เพราะถือไว้เพียงไม่กี่วันก็สามารถนำไปขายทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่จำเลยที่ 26 กลับนำหุ้นจองดังกล่าวมาเสนอขายแก่พนักงานของบริษัทของนายพานทองแท้ โดยไม่เก็บไว้ทำกำไรเอง
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 26 ในการเสนอขายหุ้นจองดังกล่าว ส่อไปในทำนองต่างตอบแทนจากการที่ธนาคารผู้เสียหายอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มของจำเลยที่ 20 ตามฟ้อง
นอกจากนี้ยังได้ความจากเส้นทางการเงินของ ธปท. ว่า นายมานพ ทิวารี บิดาของ น.ต.ศิธา ทิวารี (อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย) ที่มีจำเลยที่ 1 (นายทักษิณ) เป็นหัวหน้าพรรค ได้นำเช็คของบริษัทแกรนด์ แซทเทิลไลท์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของจำเลยที่ 20 จำนวน 154,763,025 บาท รวมกับเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีของนายมานพก่อนหน้านี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 172,763,025 บาท ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของจำเลยที่ 20
อย่างไรก็ดีนายมานพชี้แจงเป็นหนังสือต่อคณะอนุกรรมการ คตส. ว่า จำเลยที่ 25 ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของจำเลยที่ 20 จำนวน 11.5 ล้านหุ้น เป็นเงิน 172,763,025 บาท แต่ตนมีเงินไม่พอจึงขอยืมเงินจำเลยที่ 25 เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขการกู้ยืมว่า เมื่อครบกำหนดชระเงินกู้ ผู้กู้สามารถเลือกชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหรือเลือกใช้สิทธิขายคืนหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดเป็นการปลดภาระหนี้
เห็นว่า เงื่อนไขการกู้ยืมที่นายมานพมีแต่ได้โดยไม่ต้องรับภาระความเสี่ยงใด ๆ ผิดปกติวิสัยของการลงทุนโดยทั่วไป ข้ออ้างจึงไม่สมเหตุผล
การที่จำเลยที่ 25 นำเงินสินเชื่อที่จำเลยที่ 19 ได้จากการกู้ยืมธนาคารผู้เสียหายโอนให้นายพานทองแท้จำนวนมาก โดยนายพานทองแท้ไม่สามารถชี้แจงที่มาของธุรกรรมได้ และยังโอนเงินจำนวนมาก ให้นายมานพไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของจำเลยที่ 20 อย่างผิดปกติ โดยจำเลยที่ 25 ไม่เคยชี้แจงที่มาของธุรกรรมดังกล่าว
เมื่อฟังประกอบกับคำของนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน (ทั้งคู่เป็นอดีตกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย และเป็นพยานสำคัญในคดีนี้) เข้าด้วยกันแล้ว กรณีมีเหตุผลน่าเชื่อว่า ธุรกรรมของนายพานทองแท้และนายมานพ เป็นการรับผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่จำเลยที่ 19 ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารผู้เสียหาย”
ทั้งหมดคือคำวินิจฉัยของนายศิริชัย วัฒนโยธิน ในฐานะเป็นเจ้าของสำนวนคดีนี้ ที่เชื่อว่า การที่นายพานทองแท้ กับนายมานพ ได้รับแคชเชียร์เช็ค-เงินต่าง ๆ จากนายวิชัย และนายรัชฎา ล้วนเป็น “ผลต่างตอบแทน” ภายหลังธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร
ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ดีเอสไอกำลังสอบสวนอยู่ !
อ่านประกอบ :
คำพิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยงถึง“พานทองแท้”
ใช้ข้อมูล ธปท.สาวลึกเส้นทางเงินคดีกรุงไทย เอี่ยว 50 ราย-เครือนักการเมืองด้วย
เปิดคำวินิจฉัย คดีทุจริตหมื่น ล.กรุงไทย เฉลย‘บุคคล’ปริศนา!ใครคือ‘บุญคลี’
ดีเอสไอนัดคุย จนท.ธปท. 1 ต.ค.สางคดีกรุงไทย-ทำเส้นทางการเงินแล้ว
ข้อมูลใหม่!คดีทุจริตกรุงไทย แฉ‘เยาวเรศ ชินวัตร’ขอให้ลดหนี้ บ.พวก 1.7 พันล.
ดีเอสไอคัดคำพิพากษาสอบเส้นทางเงินคดีกรุงไทย-ปัดตอบโยง“พานทองแท้”
คำพิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยงถึง“พานทองแท้”
นำเสนอ 15 นาที ก่อนปล่อยกู้ 9.9 พันล.!คำพิพากษามัด 'วิโรจน์-พวก' คดีกรุงไทย
เหตุผลศาลฎีกาฯคดีกรุงไทย ไม่รู้ใคร“บิ๊กบอส”-สาวไม่ถึง“พานทองแท้”ฟอกเงิน?
ดีเอสไอยันคตส.ไม่กล่าวหา'พานทองแท้' ฟอกเงินคดีกรุงไทย-รับของโจรไม่มีมูล“แก้วสรร”สวนดีเอสไอ ยัน คตส.ให้เอาผิด “พานทองแท้-พวก”ฟอกเงินคดีกรุงไทย
แก้วสรร อติโพธิ : คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ภาค 2
ขยายปม อสส.ไม่ฟ้อง“พานทองแท้-พวก”รับของโจรคดีกรุงไทย ใครรับผิดชอบ?
อัยการยัน“พานทองแท้-พวก”ไม่ใช่ จนท.รัฐ ชนวนไม่ฟ้องปมรับของโจรคดีกรุงไทย
จำแนกจำเลย-โทษเรียงตัวคดีกรุงไทย ไขปริศนา? ไฉนไม่มีชื่อ“พานทองแท้”
ข้อมูลลับความเชื่อผู้บริหาร "เอคิว" ก่อนศาลฯ พิพากษาชดใช้กรุงไทยหมื่นล.!
คำให้การมัดคดีกรุงไทยโผล่เว็บศาลฯ ชื่อ 2 กก.บริหาร "อุตตม-รมว.ไอซีที" รอด!
พิพากษาจำคุก “ร.ท.สุชาย-วิโรจน์” 18 ปี ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ชดใช้หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบทั้งหมดจาก sanook, naewna, siamedunews.com