ฉบับเต็ม! คำพิพากษาศาล รธน.คดีหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ พิรุธหลายจุด-เอกสารทำย้อนหลังได้?

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 17:26 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

คดีหุ้นสื่อ | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ | ศาลรัฐธรรมนูญ

“…คดีนี้แม้นายธนาธร มีพยานหลักฐานแสดงว่า การโอนหุ้นให้นางสมพรเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 แม้นายธนาธรได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 แต่เมื่อพิจารณาพบว่า มีข้อพิรุธหลายจุด ประกอบพยานหลักฐาน พฤติการณ์แวดล้อม สอดรับแน่นหนา ย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของนายธนาธรที่มีพิรุธหลายประการ ดังนั้นจึงมีน้ำหนักหลักล้างข้อสันนิษฐานของนายธนาธรได้…”

PIC thanatornsanrtn 20 11 62 2781

หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : ศาลรัฐธรรมนูญมีมติข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง วินิจฉัยให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. กรณีถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

----

คดีนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญ มอบหมายนายปัญญา อุดชาชน และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องแก้ข้อกล่าวหา และเอกสารประกอบ และการไต่สวนพยาน พร้อมทั้งคำแถลงการณ์ปิดคดี มีข้อเท็จจริงเพียงพอวินิจฉัยได้ จึงกำหนดประเด็นพิจารณาว่า สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 มีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562 ประกาศ กกต. เรื่อง กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 และกำหนดให้พรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครต่อ ผอ.การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 4-8 ก.พ. 2562 โดยพรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 ซึ่งมีรายชื่อของนายธนาธรในลำดับที่ 1 ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 กกต. ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ โดยนายธนาธร ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่

แต่นายธนาธร ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เดิมชื่อ บริษัท โซลิด มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 6.75 แสนหุ้น หมายเลข 13500001-20250000 ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2558 โดยรับโอนหุ้นจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มารดา) ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 แจ้งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปรากฏชื่อนางสมพร ถือหมายเลขหุ้นดังกล่าว

PIC ธนาธรศาล 1

นายธนาธร มีข้อโต้แย้งรวม 3 ประการ

โดยประการแรก กระบวนการไต่สวนและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญของ กกต. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และข้อกฎหมายนั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ บัญญัติให้ กกต. มีหน้าที่และอำนาจยื่นศาลรัฐธรรมนูญ กรณีสมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามมาตรา 82 วรรคหนึ่ง กกต. มีมติที่ประชุม 63/2562 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2562 วินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) และยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ การยื่นคำร้องของ กกต. จึงชอบ

ข้อที่นายธนาธรแย้งประการแรก กระบวนการไต่สวน และยื่นคำร้องต่อศาล รธน ของ กกต ไม่ชอบด้วย รธน และกฎหมายนั้น เห็นว่า ม 82 วรรคสี่ บัญญัติให้ กกต มีหน้าที่และอำนนาจยื่นศาล รธน สมาชิกภาพ สส สิ้นสุดลงตาม 82 วรรคหนึ่ง กกต มีมติที่ประชุม 63/2562 เมื่อ 14 พค 2562 และวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของ สส ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตาม รธน 101 (6) ประกอบ 98 (3) และยื่นคำร้องต่อศาล รธน ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ รธน บัญญัติไว้ การยื่นคำร้องของ กกต จึงชอบแล้ว

ข้อโต้แย้งประการที่สอง กรณีบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มิได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนนั้น เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 มีเจตนารมณ์วางหลักเกณฑ์การจดแจ้งการพิมพ์เป็นหลักฐานให้ทราบว่า ผู้ใดพิมพ์ หรือบรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบของประชาชน ที่ได้รับความเสียหายในการฟ้องร้อง ดำเนินคดีในกรณีกระทำผิดกฎหมาย ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ โดยมาตรา 4 นิยามความหมายของคำว่า หนังสือพิมพ์ หมายความรวมถึงนิตยสาร วารสาร หรือสิ่งพิมพ์เรียกชื่ออื่นทำนองเดียวกัน ส่วนมาตรา 11 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า หนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ในราชอาณาจักร ต้องจดแจ้งการพิมพ์ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ และมาตรา 18 บัญญัติว่า ผู้พิมพ์โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการ ผู้ใดเลิกกิจการ ต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่เลิก

ข้อเท็จจริงปรากฏเอกสารในสำนวนบริษัท วี-ลัคฯ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์ข้อ 23 ระบุว่า ประกอบกิจการของหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ และพิมพ์หนังสือ พิมพ์จำหน่าย และข้อ 25 ระบุว่า ประกอบกิจการโฆษณา ด้วยสื่อการโฆษณาทุกอย่าง การโฆษณาในหนังสือพิมพ์ กระจายเสียงผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข เคเบิ้ลทีวี การสื่อสารด้วยระบบดาวเทียม และสื่ออื่นใด

ขณะเดียวกันแบบแสดงรายการประกอบการธุรกิจของบริษัท (สสช.1) ระบุว่า บริษัทประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์จำหน่าย และเมื่อครั้งใช้ชื่อว่า บริษัท โซลิดฯ ได้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ฯ ตามมาตรา 11 ตามเอกสารหนังสือสำคัญจดแจ้งการพิมพ์ ลงวันที่ 12 พ.ค. 2551 และวันที่ 17 พ.ย. 2553

ส่วนแบบนำส่งงบการเงิน (สสช.3) ที่บริษัท วี-ลัคฯ ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปีบัญชีสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2559 2560 และ 2561 ระบุว่า บริษัท มีรายได้จากการให้บริการโฆษณา ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้จดแจ้งยกเลิกเป็นผู้พิมพ์โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ มาตรา 18 ก่อนวันที่ 6 ก.พ. 2562 เป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. โดยมีรายชื่อนายธนาธรลำดับที่ 1

แม้นายธนาธร อ้างว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้เลิกจ้าง ผลิตนิตยสาร เลิกจ้างพนักงาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 เป็นต้น รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของนายจ้างต่อประกันสังคม หยุดดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562 ก็ตาม แต่บริษัท วี-ลัคฯ ก็ยังสามารถประกอบกิจการเมื่อไหร่ก็ได้ ตราบใดที่ยังไม่ยกเลิก บริษัท วี-ลัคฯ ยังสามารถดำเนินการได้ตามที่จดแจ้งตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ

ข้อโต้แย้งประการที่สาม วันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 นายธนาธร มิได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ เพราะโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่นางสมพร มารดา ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 นั้น เห็นว่า จากพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ได้แก่ สำเนาแบบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ซึ่งบริษัท วี-ลัคฯ ได้ยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2558 และเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ปรากฏว่า นายธนาธรถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว จำนวน 6.75 แสนหุ้น ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2558 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 จึงมีการส่ง บอจ.5 มีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น
นายธนาธร แก้ข้อกล่าวหาว่า ได้โอนหุ้นให้แก่นางสมพร ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ปรากฏตามตราสารการโอนหุ้น โดยมีลายมือชื่อของ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม และ น.ส.กานต์ธิดา อ่วมงามขำ เป็นพยาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และจ่ายค่าตอบแทนในการโอนหุ้นดังกล่าวตามจำนวนเงิน 6.75 ล้านบาท ตามสำเนาเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา ลงวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่ายชื่อนายธนาธร ต่อมามีการโอนหุ้นดังกล่าวแก่นายทวี จรุงสถิตพงษ์ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562 และนายทวี โอนคืนแก่นางสมพร เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 โดยไม่มีค่าตอบแทนในการโอน

ข้อเท็จจริงปรากฏตามพยานหลักฐานดังกล่าว นายธนาธร โอนหุ้นให้แก่นางสมพร เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริงหรือไม่ กล่าวคือ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัคฯ มีหนังสือส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเร็วทุกครั้ง แต่การโอนหุ้นของนายธนาธร ให้นางสมพร ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับไม่ปรากฏการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ทั้งที่การส่ง บอจ.5 เป็นหลักฐานสำคัญ หากผู้ถูกร้องมีความประสงค์เข้าสู่การเมือง การที่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหลักฐานที่สำคัญ หากนายธนาธรมีความประสงค์เข้าสู่การเมือง การที่ไม่มีการส่ง บอจ.5 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเป็นการผิดปกติที่เคยปฏิบัติมา ทั้งที่การโอนหุ้นครั้งนี้มีความสำคัญต่อการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายธนาธรอย่างยิ่ง เพราะถ้ามิได้โอนไปก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมทำให้นายธนาธรมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)

แม้นายธนาธรแก้ข้อกล่าวหา และเบิกความเป็นพยานต่อศาล ให้เหตุผลไม่ส่ง บอจ.5 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทันที ภายหลังการโอนหุ้นดังกล่าวว่า บริษัท วี-ลัคฯ ได้เลิกจ้างพนักงานไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2561 จึงไม่มีนักบัญชีคอยติดตามเอกสารทางทะเบียนดังเช่นตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับการโอนหุ้นภายในครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ

อย่างไรก็ดีคำให้การดังกล่าวขัดแย้งกับ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม พยานบุคคลที่ว่า ตนสามารถทำได้ ถ้ามีคำสั่งให้ทำ โดย น.ส.ลาวัลย์ เป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง บอจ.5 และเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง บอจ.5 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ด้วย

PIC ธนาธรศาล 2

ประกอบกับในทางปฏิบัติการยื่น บอจ.5 นั้น สามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการได้ และการยื่นเอกสารดังกล่าว สามารถกระทำได้โดยไม่มีความยุ่งยากแต่ประการใด เพราะบริษัท วี-ลัคฯ ส่ง บอจ.5 และงบดุลประจำปี ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 2559-2561

นายธนาธร อ้างว่า นางสมพร ได้ชำระค่าหุ้นให้แก่นายธนาธร ด้วยเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ ฉบับวันที่ 8 ม.ค. 2562 สั่งจ่ายนายธนาธร เป็นเงินจำนวน 6.75 ล้านบาท ปรากฏนำฝากเข้าบัญชีเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ตรงกับวันที่ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และระยะเวลานานถึง 128 วัน หลังจากวันที่ระบุในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 ให้ผู้ส่งเช็ค ต้องนำเช็คไปขึ้นธนาคารตามเช็ค เพื่อให้มีการใช้เงินภายใน 30 วัน หากเช็คออกเมืองเดียวกันกับเมืองที่ธนาคารตามเช็คมีหน้าที่จ่ายเงินตั้งอยู่ หรือภายใน 3 เดือนหากเช็คต่างเมือง สถานที่ออกเช็ค และธนาคารอยู่คนละจังหวัดกัน

คดีนี้ธนาคารที่มีหน้าที่จ่ายเงินคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา ถ.บางนา-ตราด เซ็นทรัลซิตี้ อยู่ใน กทม. และในเมื่อไม่ระบุสถานที่ออกเช็ค ต้องถือว่าออกเช็ค ณ ภูมิลำเนาผู้สั่งจ่าย คือ นางสมพร มีภูมิลำเนาใน กทม. ดังนั้นนายธนาธร มีหน้าที่นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินในวันที่ 8 ม.ค. 2562 แม้นายธนาธรอ้างว่า มีการนำเช็คเรียกเก็บเงินล่าช้าเช่นนี้ประจำ

แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า การเรียกเก็บเงินตามเช็คตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ระหว่างปี 2560-2562 นั้น มีการเรียกเก็บเงินตามเช็ค หลังจากวันที่ลงในเช็คประมาณ 42-45 วัน แต่การเรียกเก็บเงินเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับใช้เวลาถึง 128 วัน แสดงให้เห็นว่าเช็คเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ที่ไปเรียกเก็บกับธนาคาร มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา

แม้นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร เบิกความว่า ช่วงนั้นตนไม่สะดวกนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน เนื่องจากต้องดูแลบุตรที่ยังเป็นทารก และเป็นเช็คที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเมื่อเดือน มี.ค. 2562 มีข่าวว่านายธนาธร ถูกกล่าวหาว่า ไม่ได้มีการซื้อขายหุ้นกันจริง ทนายความจึงรวมพยานหลักฐานไปให้ปากคำ กกต. เมื่อเดือน เม.ย. 2562 และมีการนำเช็คไปขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ถ้อยคำดังกล่าวมีความขัดแย้งกับหนังสือของนายธนาธร ลงวันที่ 30 เม.ย. 2562 ที่ชี้แจงต่อเลขาธิการ กกต. โดยส่งสำเนาเช็คให้ กกต. มิได้จัดส่งต้นฉบับให้ผู้ร้องแต่อย่างใด

แสดงให้เห็นว่า นางรวิพรรณ สามารถนำเช็คฝากเข้าบัญชีนี้ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2562 แล้ว ข้ออ้างเรื่องการไม่นำเช็คไปขึ้นตามทางปกติ จึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ เพราะเป็นเช็คชนิดระบุชื่อนายธนาธรรับเงิน ต้องนำเข้าบัญชีธนาคาร ไม่สามารถสลักหลังโอนได้ การนำเช็คขึ้นเงิน อาจมอบบุคคลอื่นดำเนินการแทนตนเอง ดังนั้นนายธนาธรซึ่งเป็นผู้ทรงเช็ค ผู้รับเงิน มอบอำนาจให้บุคคลอื่นทำแทนได้ มิใช่เฉพาะนางรวิพรรณ เพราะนางรวิพรรณ มิใช่เป็นผู้รับเงินตามเช็คนั้น โดยต้องได้รับมอบอำนาจจากผู้ถูกร้องเช่นเดียวกัน นางรวิพรรณ จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ

การโอนหุ้นที่นางสมพร โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันที่ 14 ม.ค. 2562 จำนวน 6.75 แสนหุ้น หุ้นเดิมของนายธนาธร ให้แก่นายทวี จรุงสถิตพงษ์ หลานนางสมพร ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 นายทวี โอนหุ้นดังกล่าวกลับคืนนางสมพร เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนปรากฏว่า การโอนหุ้นคืนดังกล่าว ไม่มีค่าตอบแทน โดยอ้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติ มีความย้อนแย้งและแตกต่างจากการโอนหุ้นระหว่างนางสมพร กับนายธนาธร ซึ่งมีความเป็นมารดากับบุตร กลับมีค่าตอบแทน

PIC ธนาธรศาล 3

แม้นางสมพร ต้องการให้นายทวี มาแก้ปัญหาหรือฟื้นฟูบริษัท วี-ลัคฯ ก็ตาม แต่การโอนหุ้นโดยไม่มีค่าตอบแทน ย่อมไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า โอนหุ้นจริงหรือไม่ มีเพียงพยานหลักฐานคือตราสารโอนหุ้น และสมุดทะเบียน และใบหุ้น ต่างเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ สามารถจัดทำขึ้นเองได้ในภายหลัง ประกอบกับการที่นายทวี ได้โอนหุ้นดังกล่าวกลับคืนให้นางสมพร ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ระยะเวลาหลังรับโอนหุ้นไปเพียง 2 เดือนเศษ นางสมพร เบิกความว่า นายทวี ศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท จึงมีความประสงค์ปิดบริษัท และให้นายทวีโอนหุ้นกลับคืนไปยังนางสมพร

ข้อเท็จจริงส่วนนี้ ย่อมขัดกับปกติวิสัยกับนักลงทุนทั่วไปที่ประสงค์จะฟื้นฟูบริษัท ต้องใช้ระยะเวลาศึกษาสมควร และลงมือตามแผนธุรกิจเสียก่อน พิจารณาจำนวนเงินลงทุน หากเทียบกับฐานเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว เห็นว่า เป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย ขัดแย้งกับที่นายธนาธร อ้างว่า บริษัทมียอดหนี้ และสิทธิเรียกร้องประมาณ 11 ล้านบาท แต่ตามแบบนำส่งงบการเงินรอบปี 2561 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2561 นำส่งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า มีลูกหนี้การค้า และลูกหนี้อื่นเพียง 2.7 ล้านบาทเศษ จำนวนเงินดังกล่าว ไม่ตรงกัน ประกอบกับหนี้จำนวนไม่มาก การทวงถามนี้ก็ดี บริษัทดำเนินการต่อไปหรือไม่อย่างไร สามารถใช้ทนายความหรือบุคคลเชี่ยวชาญทางธุรกิจดำเนินการได้ ทั้งการดูแลกิจการในครอบครัว สามารถให้บุคคลใดดูแลได้ ไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นให้ก็ย่อมได้ การเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ย่อมไม่มีอำนาจบริหารจัดการบริษัท ไม่มีอำนาจติดตามหนี้สิน และไม่มีสิทธิบริหารเงินสดแต่อย่างใด

การที่นายธนาธร อ้างว่า ได้โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยอ้างพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตราสารโอนหุ้น พบว่า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ใกล้ชิดกับนายธนาธร ประกอบกับเอกสารการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัคฯ ได้แก่ สำเนาเอกสารรับรองการโอนหุ้นที่มีทนายความรับรอง ตราสารการโอนหุ้ เช็คสั่งจ่ายค่าหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้นขั้วเช็ค และต้นขั้วใบหุ้น ล้วนเป็นเอกสารที่บริษัท วี-ลัคฯ จัดทำ และเก็บรักษาไว้ที่บริษัท วี-ลัคฯ ทั้งสิ้น จึงกล่าวอ้างเจือสมเพื่อให้ตรงกับหลักฐานใน บอจ.5 ซึ่ง บริษัท วี-ลัคฯ ยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กทม. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 21 มี.ค. 2562 ซึ่งนางสมพร รับโอนหุ้น 6.75 แสนหุ้น กลับคืนมาจากนายทวีเท่านั้น

การที่นายธนาธร ชี้แจงว่า เดินทางกลับจาก อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 กลับมายังบ้านพักที่เล็กไซด์วิลล่า แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของนายธนาธร โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้แก่นางสมพร เห็นว่า แม้จะฟังได้ว่านายธนาธรเดินทางกลับจาก จ.บุรีรัมย์ มาบ้านพักในวันดังกล่วาจริง ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็รับฟังได้เพียงว่า นายธนาธร อยู่ กทม. เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ในวันดังกล่าวจริง การพิจารณาโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 จริงหรือไม่ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี

คดีนี้แม้นายธนาธร มีพยานหลักฐานแสดงว่า การโอนหุ้นให้นางสมพรเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 แม้นายธนาธรได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 แต่เมื่อพิจารณาพบว่า มีข้อพิรุธหลายจุด ประกอบพยานหลักฐาน พฤติการณ์แวดล้อม สอดรับแน่นหนา ย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่าพยานหลักฐานของนายธนาธรที่มีพิรุธหลายประการ ดังนั้นจึงมีน้ำหนักหลักล้างข้อสันนิษฐานของนายธนาธรได้

เมื่อพิจารณาข้อพิรุธหลายประการดังกล่าว ประกอบพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี ฟังได้ว่า นายธนาธร ถือหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ประกอบกิจการสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 อันเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้นายธนาธรใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) โดยเมื่อพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 จึงให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร สิ้นสุดลงในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 23 พ.ค. 2562

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง :

@เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทรัพย์สินของนายธนาธร

กกต.เรียกหลักฐานเพิ่มจาก อนค.ปมกู้เงิน'ธนาธร' 191 ล.-ก่อนนี้อนุฯขอแล้วไม่ส่งให้

บ.ในลาว 20 ล.‘ธนาธร’ชื่อเดียว‘วัน โอ ซี ฯ’ใน จ.ปทุมธานี ปิดตัวแล้ว-ยังไม่ชำระบัญชี

เปิดตัว 2 บ.ในลาว‘ธนาธร-เมีย’ ทำปศุสัตว์-ปรุงแต่งน้ำยาง ทุนรวม 5 แสนดอลฯ

หุ้นส่วนธุรกิจ ‘ธนาธร-ไทยซัมมิท’ คือ ญี่ปุน-สหรัฐ ไม่มีชาวจีน

‘ธนาธร’ปี 61 เสียภาษี 2.9 ล. -บัญชีทรัพย์สิน ไม่มีรายได้จากโอนหุ้น 14 บริษัทปี 62

INFO: ‘ธนาธร’ กับการโอนหุ้น 14 บริษัท

ถ้าไปขอดูจะเห็นเอง! 'ธนาธร' ยันแจ้งรายได้โอนหุ้น 'แม่-น้อง-ไทยซัมมิท' ป.ป.ช.หมดแล้ว

โอนหุ้น วี-ลัค มีเดีย -14 บริษัท 650 ล. ไฉน! ‘ธนาธร’ไม่แจ้ง มีรายได้ ต่อ ป.ป.ช.?

ไม่ใช่แค่ วี-ลัค มีเดีย! 8 ม.ค.62 ‘ธนาธร’ต้องได้รับเช็คค่าโอนหุ้นอีก 10 ใบ 387 ล.?

ย้อนข้อมูล‘ธนาธร’โอนหุ้น 14 บริษัทให้‘น้องชาย-ครอบครัว’ หลังแถลงทำ Blind Trust