- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดคำวินิจฉัย คดีทุจริตหมื่น ล.กรุงไทย เฉลย‘บุคคล’ปริศนา!ใครคือ‘บุญคลี’?
เปิดคำวินิจฉัย คดีทุจริตหมื่น ล.กรุงไทย เฉลย‘บุคคล’ปริศนา!ใครคือ‘บุญคลี’?
เปิดคำวินิจฉัย ‘มนูพงศ์ รุจิกัณหะ’ 1 ในองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯคดีทุจริตหมื่นล้าน แบงก์กรุงไทย คำให้การของพยาน ‘ซุปเปอร์บอส’ตกลงแล้ว สั่งปล่อยกู้ เฉลย บุคคล ปริศนา! ‘บุญคลี’เป็นใคร?
คดีทุจริตปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คดี หมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ระหว่างอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริหาร คณะกรรมการสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และ 3 บริษัทในเครือกฤษดามหานคร เป็นจำเลยที่ 1-27 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ โดยมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ส.ค.58 ในส่วนของจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ (ยศขณะนั้น) ไม่มีความผิด เนื่องจาก ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้สั่งการ ผ่านจำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ) และไม่มีพยานยืนยันแน่ชัดว่า‘ซุปเปอร์บอส’ หรือ ‘บิ๊กบอส’ คือ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่?
กระนั้น มีบุคคลหนึ่งที่พยานกล่าวถึงคือ ‘บุญคลี’
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปสาระสำคัญของความเห็นประกอบคำวินิจฉัย ของนายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา (เจ้าของสำนวน) ในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 2 -จำเลยที่ 5 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ นายวิโรจน์ นวลแข นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา นายพงศธร สิริโยธิน) และ จำเลยที่ 8-27 ได้ร่วมกันกระทำความผิดหรือสนับสนุน จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยศในขณะนั้น) ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการธนาคารผู้เสียหาย ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและโดยมิชอบเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ มาตรา 157 หรือไม่
คำวินิจฉัยระบุว่า โจทก์ (อัยการสูงสุด) มีนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการบริหารธนาคารผู้เสียหาย เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.46 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการบริหารนัดประชุมพิจารณาสินเชื่อรายของจำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด) จำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์ศิษฐวิ) โทรศัพท์มาหาพยานพูดว่า เรื่องของจำเลยที่ 19 ‘นายบุญคลี’ ได้ดูดีแล้วและ ‘ซุปเปอร์บอส’ ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว
ในความเห็นประกอบคำวินิจฉัยคดีนี้ของนายมนูพงศ์ รุจิกัณหะ ผู้พิพากษา ปรากฎถ้อยคำที่ พยานกล่าวถึงบุคคลชื่อ ‘บุญคลี’ ด้วยเหมือนกัน
สำนักข่าวอิศราสรุปสาระสำคัญส่วนหนึ่งมาเสนอดังนี้ (หน้า 66-71)
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการที่เจ็ดว่า จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) สั่งการผ่านทางจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ นายวิโรจน์ นวลแข นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา) ให้จำเลยที่ 2 ถึง 17 อนุมัติสินเชื่อทั้งสามราย หรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ได้ความจากคำให้การในชั้นไต่สวนของพยานโจทก์ปากนายชัยณรงต์ อินทรมีทรัพย์ว่า
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.46 จำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ) โทรศัพท์มาหาพูดว่า
“ชัยณรงค์ เรื่องของบริษัท โกลเด้นท์ฯ นายบุญคลี ได้ดูดีแล้ว และซุปเปอร์บอส ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนักและขอให้พิจารณาโดยเร็ว”
พยานโต้แย้งว่า ได้เข้าไปและเกี่ยวข้องกับที่ดินบริเวณนั้นมาแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอกครับถ้าดีจริงแบงค์กรุงเทพคงไม่ปล่อยมาหรอก แต่จำเลยที่ 2 ตอบกลับว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหาสามารถชี้แจงได้ และพยานยังให้การถึงคำว่า ซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 หรือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ที่ชอบพูดภาษาอังกฤษ และเมื่อกล่าวถึงจำเลยที่ 1 หรือ คุณหญิงพจมาน จะใช้แทนคำว่า ซุปเปอร์บอส เสมอ ทั้งเวลาที่จำเลยที่ 2 พูดกับพยานเมื่อพูดถึงจำเลยที่ 1 จะใช้คำว่า บิ๊กบอส มั่ง ซุปเปอร์บอสมั่ง หลายครั้งหลายหน พยานจึงเชื่อตามที่จำเลยที่ 2 พูดถึง นายบุญคลี และซุปเปอร์บอส ว่าเป็นความจริง
และพยานยังให้การว่า จำเลยที่ 1 กับพวก มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกฤษดามหานคร คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นเพื่อนกับบุตรของจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์) และครอบครัว สนิมสนมกัน เพราะจำเลยที่ 25 จะต้องขอรับการช่วยเหลือ สนับสนุนด้านธุรกิจจากจำเลยที่ 1 ส่วนซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 แน่นอน
พยานยังให้การอีกว่า จำเลยที่ 1 น่าจะเป็นผู้สั่งการให้สินเชื่อรายนี้เพิ่มเติม เพราะตามปกติแล้วธนาคารกรุงไทยฯ จะไม่ค่อยให้สินเชื่อรายใหญ่ ทำให้พนักงานธนาคารมีศักยภาพในการวิเคราะห์สินเชื่อน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น กรณีให้สินเชื่อบริษัท โกลเด้นท์ เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด จำเลยที่ 19 ซึ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่ เพียงลำพังจึงเป็นการผิดปกติอย่างมาก หากไม่มีการสั่งการจากผู้มีอำนาจ จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วนโดยเฉพาะความเป็นไปได้ของโครงการ
ทั้งพยานยังได้ให้การต่อผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์เมื่อวันที่ 30 พ.ย.47 ว่า จำเลยที่ 2 (ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ) ได้โทรศัพท์มาหาขอให้อย่าถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยรวดเร็ว และอ้างว่านายบุญคลีแจ้งว่ากรณีนี้ซุปเปอร์บอสได้ดูดีแล้ว ซึ่งพยานในฐานะที่เคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และเป็นกรรมการประเมินรัฐวิสาหกิจของกระทรวงการคลังซึ่งเคยซื้อที่ดินบริเวณหนองงูเห่าทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินบริเวณหนองงูเห่าที่ตั้งโครงการของจำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้นท์ เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด) เป็นที่ดินที่มีปัญหาและรู้จักกับผู้บริหารกลุ่มจำเลยที่ 20 ( บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ) โดยเฉพาะจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์) ว่า ประวัติไม่ดี จึงแจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้สึกหนักใจ
นอกจากนี้ พยานยังให้การต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.48 ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ขอร้องให้ อย่าคัดค้านการขอสินเชื่อของจำเลยที่ 19 เพราะ นายบุญคลี ได้ดูแล้วและซุปเปอร์บอสได้ตกลงแล้ว
และตามคำให้การของพยานต่ออนุกรรมการ คตส. เมื่อวันที่ 12 ก.พ.50 ได้ให้การว่าพยานทราบว่านายบุญคลี เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารธุรกิจต่อมาได้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารที่บริษัทชินคอร์เปอเรชั่นจำกัดที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 24 ต.ค.50 พยานได้ให้การต่ออนุกรรมการ คตส. อีกครั้ง ว่า ซุปเปอร์บอส หมายถึงจำเลยที่ 1 เพราะหากเป็นคุณหญิงพจมาน
และนอกจากนี้โจทก์ยังมีคำชี้แจงข้อกล่าวหาของนายอุตตม สาวนายน เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 50 ที่ชี้แจ้งว่านายอุตตมได้พบกับนายชัยณรงค์ นอกห้องประชุมในวันที่ 9 ธ.ค. 46 นายชัยณรงค์ ถามว่าจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อนายอุตตมเรื่องการขอสินเชื่อของจำเลยที่ 19 หรือไม่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อขอให้นายชัยณรงค์ พิจารณาให้สินเชื่อด้วยความรวดเร็วซึ่งนายอุตตม ได้แจ้งนายชัยณรงค์ว่าไม่ได้รับการติดต่อ แต่จากพฤติการณ์ดังกล่าวนายอุตตมจึงเห็นว่า เป็นสัญญาณว่ามีผู้ต้องการเร่งรัดให้สินเชื่อรายนี้อย่างชัดเจน หลังจากการประชุมก็ทราบจากนายชัยณรงค์เพิ่มเติมว่า จำเลยที่ 2 อ้างกับนายชัยณรงค์ว่าสินเชื่อรายนี้ ซุปเปอร์บอสได้ให้ไฟเขียวมา โดย นายบุญคลี ดูโครงการให้แล้วนายอุตตมจึงเข้าใจว่าซุปเปอร์บอสหรือบิ๊กบอสอ้างน่าจะหมายถึง จำเลยที่ 1 หรือคุณหญิงพอคุณหญิงพจมาน ภริยาของจำเลยที่ 1 เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า นายบุญคลี เป็นบุคคลที่ทำงานให้จำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมานอย่างใกล้ชิด ทั้งให้ความไว้วางใจนายบุญคลี อย่างมาก ซึ่งคำว่าซุปเปอร์บอสนี้ นายอุตตม จำได้ว่าจำเลยที่ 2 มักอ้างถึงบ่อยบ่อยในการประชุม หรือการหารือของผู้บริหารของธนาคารกรุงไทยมีเรื่องทำนองว่าซุปเปอร์บอสมีความเห็นหรือเห็นชอบกับเรื่องที่จะพิจารณานั้นก่อนแล้วเห็นว่า คำให้การของนายชัยณรงค์ นี้สอดคล้องกันกับที่เคยให้การไว้ไม่ว่าในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์และชั้นอนุกรรมการ คตส. ในเรื่องที่ทราบข้อเท็จจริงจากจำเลยที่ 2 ด้วยตนเองว่า ซุปเปอร์บอส สั่งการจำเลยที่ 2 ผ่านทางนายบุญคลี คำให้การในส่วนนี้จึงเกิดจากความรู้เห็นของพยานโดยตรง เมื่อปรากฏว่า ในการอนุมัติสินเชื่อกรณีจำเลยที่ 19 ก็ได้ทำโดยรวบรัดดังที่จำเลยที่ 2 พูด ทั้ง ๆ ที่พยานพยายามจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบกับพยานเป็นกรรมการบริหารของธนาคารกรุงไทยที่มาจากคนนอก ไม่มีที่ทำงานเป็นประจำในธนาคารกรุงไทย ไม่มีส่วนได้เสียให้คุณให้โทษกับพนักงานธนาคารกรุงไทยหรือต้องเกรงกลัวอิทธิพลของจำเลยที่ 2 หรือผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าแต่อย่างใด และช่วงระหว่างพยานให้การต่อผู้ตรวจการธนาคารพาณิชย์เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 47 และต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 48 ก็อยู่ในช่วงเวลาที่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่
จึงน่าเชื่อว่าพยานเบิกความและให้การไปตามความเป็นจริง ซึ่งหากไม่เป็นความจริง การที่พยานให้การเช่นนั้นย่อมอาจทำให้พยานรับผลร้ายที่กล่าวหาถึงเรื่องซุปเปอร์บอสสั่งการได้
ข้อเท็จจริงในส่วนนี้จึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 โทรศัพท์มาหานายชัยณรงค์ แล้วพูดว่า เรื่องของบริษัทโกลเด้นฯ นายบุญคลีได้ดูดีแล้วและซุปเปอร์บอสได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็วจริง
แต่อย่างไรก็ตาม คำให้การดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ว่าคือ ซุปเปอร์บอสนั้นคำให้การดังกล่าวเป็นคำซัดทอดทั้งเป็นพยานบอกเล่ารับฟังมาจากจำเลยที่ 2 อีกชั้นหนึ่ง ที่พูดว่า ซุปเปอร์บอสหรือบิ๊กบอสเป็นผู้สั่งการเท่านั้น และก็เป็นความเข้าใจของพยานกับนายอุตตมเท่านั้น ที่เข้าใจว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการ เนื่องจากมีชื่อของนายบุญคลีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่โจทก์ก็ไม่มีพยานแวดล้อมอื่นมาสนับสนุนว่า ผู้สั่งการคือจำเลยที่ 1 ดังที่โจทก์กล่าวอ้าง
ทั้งไม่ชัดเจนว่า ซุปเปอร์บอสหมายถึงใคร จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง ส่วนที่นายจิรพงศ์ ปัญจนนท์ ปฏิบัติหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อธนาคารผู้เสียหายให้การในชั้นไต่สวนว่า ระหว่างพยานร่วมพิจารณารายงานการจัดอันดับความเสี่ยงและรายงานวิเคราะห์สินเชื่อรายจำเลยที่ 19 พยานทราบจากจำเลยที่ 13 ( ว่าสินเชื่อรายจำเลยที่ 19 มีการติดต่อกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารผู้เสียหาย ที่ไม่สามารถระบุชื่อและมีคำสั่งผ่านจำเลยที่ 12 ให้นำเสนอสินเชื่อโดยผู้บริหารระดับสูงโทรศัพท์ติดตามเรื่อง และกำหนดวันที่จะต้องนำเสนอคณะกรรมการสินเชื่อ ซึ่งก็เป็นพยานบอกเล่าอีกทอดหนึ่งขาดน้ำหนักรับฟัง
แม้ว่าจะปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่ามีเส้นทางการโอนเงินเข้าบัญชีนายพานทองแท้ บุตรของจำเลยที่ 1 จากบัญชีจำเลยที่ 25 จำนวน 10,000,000 บาท และยังเคยมีการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คจากบัญชีจำเลยที่ 25 จ่ายนายพานทองแท้อีก 26,000,000 บาท แต่ต่อมาจะมีการขอยกเลิกแคชเชียร์เช็คดังกล่าวและออกแคชเชียร์เช็คใหม่ เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ในบัญชีหลักทรัพย์ของนางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน บริษัท หลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเส้นทางการเงินดังกล่าวก็เป็นเพียงพยานแวดล้อม กรณีที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ และไม่ได้เชื่อมโยงกับจำเลยที่ 1 อย่างชัดเจน จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้น้อย
เมื่อไม่ปรากฏว่า พยานหลักฐานของโจทก์อย่างอื่นที่มีเหตุผลอันหนักแน่นมีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีอย่างไรหรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุนที่รับฟังได้และมีแหล่งที่มาเป็นอิสระต่างหากมีคุณค่าเชิงพิสูจน์ที่สามารถสนับสนุนให้พยานหลักฐานอื่นที่ไปประกอบน่าเชื่อถือมากขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227/1 จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งการผ่านไปทางจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 17 อนุมัติสินเชื่อทั้ง 3 ราย
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 2 โทรศัพท์มาหานายชัยณรงค์ แล้วพูดว่า เรื่องของบริษัทโกลเด้นฯ นายบุญคลี ได้ดูดีแล้วและซุปเปอร์บอสได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนักและขอให้พิจารณาไปโดยเร็วเท่านั้น
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งการผ่านไปทางจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 17 อนุมัติสินเชื่อทั้ง 3 ราย ดังที่วินิจฉัยข้างต้นแล้ว จึงทำให้พยานหลักฐานโจทก์ตามที่ปรากฏในสำนวนการไต่สวน ตลอดจนที่มีการไต่สวนเพิ่มเติมในศาลในชั้นนี้ยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ถึง 27 เป็นผู้สนับสนุนการทำผิดของจำเลยที่ 1 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
ณ ขณะนี้ นายบุญคลี ทราบหรือไม่ว่าได้ถูกอ้างถึงกรณีมีส่วนในการขอสินเชื่อของเอกชนรายนี้ด้วย
อ่านประกอบ:
ข้อมูลใหม่!คดีทุจริตกรุงไทย แฉ‘เยาวเรศ ชินวัตร’ขอให้ลดหนี้ บ.พวก 1.7 พันล.