ขมวด 4 ปมโรงพัก 396 แห่ง สมยอม-เอื้อ บ.พีซีซีฯหรือไม่? รอดาบ ป.ป.ช.กว่าสิบคน

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 22 ตุลาคม 2561 เวลา 20:35 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | จัดซื้อจัดจ้าง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด | โรงพัก

ขมวดปมมหากาพย์คดีก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง 5.8 พันล. เปลี่ยนวิธีจัดจ้าง-ไม่ทำสัญญาใน 7 วัน ริบหลักประกัน ใช้เข็ม-พื้นสำเร็จรูป บ.ในเครือ เอื้อประโยชน์ให้ บ.พีซีซีฯมีสิทธิเข้าทำสัญญาหรือไม่? รอผล ป.ป.ช. ไต่สวนนักการเมือง ขรก. เอกชน กว่าสิบคน

picdddddsdsdffdfdf

โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง โดยมีบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 5,848 ล้านบาท ทำสัญญาวันที่ 25 มี.ค. 2554 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 มิ.ย. 2555 (สัญญาเลขที่ ยธ.13/2554) แต่ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงานอย่างต่อเนื่อง โดยชี้ให้เห็นถึงเงื่อนปมก่อนทำสัญญาและหลังทำสัญญาจ้างเอกชนเป็นคู่สัญญา

เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ขอสรุปให้เห็นอย่างชัดๆดังนี้

@เปลี่ยน ผบ.ตร. เปลี่ยนวิธีจัดจ้าง รวมสัญญาเดียว

1. มีการเปลี่ยนจากวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง จากเดิมดำเนินการจัดจ้างโดยส่วนกลาง แบบรวมการครั้งเดียว โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1-9) ต่อมาเมื่อเปลี่ยนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริจ จเรตำรวจ รักษาการ ผบ.ตร. ได้เปลี่ยนวิธีการจัดจ้างเป็นก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว โดยรองนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

หลังทำสัญญามีการท้วงติง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) เป็นการดําเนินการที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 เนื่องจาก การก่อสร้างสถานีตํารวจทั้ง 396 แห่ง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน จะก่อให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารสัญญา หากผู้ว่าจ้างไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างได้พร้อมกันทั้ง 396 แห่ง จึงเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างไม่สามารถ ส่งมอบงานภายในกําหนดของสัญญา ทําให้ต้องมีการขยายระยะเวลาทั้งสัญญา หรือกรณีที่ผู้รับจ้างส่งมอบไม่ทันเพียง 1 หลัง การปรับจะต้องปรับตามจํานวนเงินตามสัญญาทั้งหมดก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ และเห็นควรให้สํานักงานตํารวจฯ เตรียมวิธีการในการบริหารสัญญาให้รัดกุมที่สุด และจะต้องไปตรวจสอบในพื้นที่การก่อสร้างแต่ละแห่งว่าขณะนี้ แต่ละพื้นที่มีปัญหาใดในการบริหารสัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับทางราชการในอนาคตหากจะต้องมีการแก้ไขสัญญา

@ไม่ทำสัญญาตามกำหนด-ไม่ริบหลักประกันซอง

2.ไม่ได้ทำสัญญาจ้างผู้รับเหมาภายใน 7 วัน ตามที่กำหนดไว้ในเอกสารการประกวดราคา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ริบหลักประกันซองหรือเรียกร้องจากผู้ออกหนังสือค้ำประกันซอง รวมทั้งพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงาน กล่าวคือ

หลังจากประกวดราคาในวันที่ 29 ก.ค. 2553 ต่อมา 20 ม.ค. 2554 สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งหนังสือ แจ้งให้เอกชนมาทำสัญญาภายใน 7 วันนับจากได้รับหนังสือ แต่ทว่า 26 ม.ค.2554 เอกชนทำหนังสือถึงผู้บัญชาการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง แจ้งว่ายังมิได้รับร่างสัญญา ขอขยายเวลาการลงนามออกไปอีก 7 วัน นับจากบริษัทฯได้รับร่างสัญญา
25 ก.พ.2554 ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ทำหนังสือถึง บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ระบุว่า

1.สำนักงานส่งกำลังบำรุง ได้เชิญ บริษัทฯ เข้าร่วมประชุมในวันที่ 8 ก.พ.2554 เวลา 09.30 น ทาง บริษัทฯ ได้ยืนยันในที่ประชุมว่า จะมาลงนามในสัญญาก่อสร้างภายในวันที่ 15 ก.พ.2554 แต่บริษัทฯ ยังไม่มาลงนามในสัญญาตามที่ได้ยืนยันไว้ในที่ประชุม

2.การที่บริษัทฯ อ้างว่างานก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีวงเงินค่าก่อสร้างสูง และบริษัทฯ ยังมิได้รับร่างสัญญางานก่อสร้างเพื่อให้ฝ่ายนิติกรของบริษัทฯ ได้ตรวจร่างก่อนนั้น สำนักงานตำรวจฯ เห็นว่า ก่อนยื่นซองเอกสารประกวดราคา บริษัทฯ ต้องศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดร่างสัญญาที่แนบท้ายเอกสารประกวดราคาตั้งแต่ต้นแล้ว

3.ขอให้บริษัทฯ มาลงนามในสัญญา ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากไม่มา จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ปรากฏว่าผู้ชนะการเสนอราคาก็มิได้มาลงนามสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมาทำสัญญาวันที่ 25 มี.ค. 2554 หรือประมาณ 1 เดือนหลังจากวันส่งหนังสือ 25 ก.พ.2554

@เมินฟังเสียงร้องผู้รับเหมา

3.ก่อนประกวดราคา กลุ่มผู้รับเหมารวม 8 ราย รวมทั้ง บริษัท พีซีซีฯ ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 พ.ย. 2552 คัดค้านการทำสัญญาในลักษณะรวมกันในครั้งเดียวสัญญาเดียว โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการกีดกันผู้รับจ้างในส่วนภูมิภาค และผู้รับจ้างในส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่วนใหญ่ของประเทศ และจะเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้างรายเดียว 1 ในผู้รับเหมา 8 รายที่คัดค้าน คือ บริษัท พีซีซีฯ กลับได้รับเลือกเป็นคู่สัญญาก่อสร้างโครงการดังกล่าวในช่วงต่อมา

@หลังทำสัญญา ใช้เสาเขม-พื้นสำเร็จรูปจากบริษัทเครือพีซีซีฯ

4. ภายหลังจากว่าจ้างบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นคู่สัญญาเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2554 ต่อมาวันที่ 30 พ.ค.2554 บริษัท พีซีซี ฯ ทำหนังสือ ถึงผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุมัติใช้ผลลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตเสริมอัดแรง ขนาด 30 x 30 ซม. ของบริษัท พิบูลย์คอนกรีต จำกัดถัดมาวันที่ 23 มิ.ย.2554 บริษัท พีซีซีฯ ทำหนังสือ 3 ฉบับ ถึง ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุมัติใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ สำหรับระบบพื้นคอนกรีต สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) ขนาดเล็ก ,อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ขนาดกลาง และ อาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ขนาดใหญ่ ของ บริษัท พิบูลย์คอนกรีต จำกัด และได้รับอนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อ 15 ส.ค.2554 กรณีนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเอื้อประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลว่า เดิมแบบก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจก่อนหน้านี้ใช้เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน โครงการนี้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ใขแบบใหม่หมดโดยเปลี่ยนให้ใช้เสาเข็มแรงเหวี่ยง(เสากลม) และเปลี่ยนจากพื้นหล่อคอนกรีตกับที่ เป็นพื้นสำเร็จรูปแบบมีรูเจาะ โดยมีบริษัทผู้ผลิตไม่กี่ราย และหนึ่งในนั้นก็คือบริษัท พิบูลย์คอนกรีต ในเครือ พีซีซีฯ

ประเด็นตรวจสอบของเรื่องนี้ การว่าจ้างประกวดราคาเป็นธรรมหรือไม่ มีการช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท พีซีซีฯ มีสิทธิเข้าทำสัญญา หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และเป็นการสมยอมกันในการเสนอราคาหรือไม่?

ต้องรอการไต่สวนข้อเท็จจริงจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งไต่สวนผู้เกี่ยวข้องทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนกว่าสิบคน