ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊
ชำแหละให้เห็นชัด ๆ พฤติการณ์ ‘ภูมิ-บุญทรง’ คำพิพากษาฉบับเต็มศาลฎีกาฯ คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊ มัดรู้เห็นขบวนการเวียนขายในประเทศตั้งแต่ต้น ทั้งที่ข้อพิรุธเพียบ สัญญาการซื้อขายไม่มีที่มาที่ไป แต่ยังลงนามเห็นชอบ ตั้ง กก.สอบแค่ลดกระแสสังคมเท่านั้น
ณ ขณะนี้หลายคนคงทราบไปแล้วว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกหนักบรรดาอดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเอกชนเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัดและนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง พร้อมกับให้ชดใช้ค่าเสียหายรวม 1.69 หมื่นล้านบาท (อ่านประกอบ : รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’, INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)
สำหรับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 2) คือสองนักการเมืองชื่อดังที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับขบวนการทุจริตครั้งนี้ โดยคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุกนายภูมิ 36 ปี และนายบุญทรง 42 ปี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่จัดการทรัพย์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต
ข้อเท็จจริงตามการไต่สวนเป็นอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำพิพากษาคดีดังกล่าวฉบับเต็ม เฉพาะกรณีของนายภูมิ และนายบุญทรง ดังนี้
@ที่มาของสัญญาทั้ง 4 ฉบับ ไม่ชัดเจน
การทำสัญญาฉบับที่ 1-2 ของบริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 28 ก.ย. 2554 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายมนัส สร้อยพลอย ขณะนั้น) ขอซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย หลังจากนั้นเพียง 2 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 30 ก.ย. 2554 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอนัดหมายเจรจาในวันที่ 5 ต.ค. 2554 โดยมอบหมายนายรัฐนิธ โสจิระกุล (ปาล์ม จำเลยที่ 8) เป็นผู้ประสานงาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีข้าราชการคนใดเป็นผู้ประสานงาน ไม่ปรากฏหลักฐานในการติดต่อเพื่อกำหนดวันนัดหมายเจรจา และที่มาของหนังสือดังกล่าวขัดแย้งกับคำชี้แจงของปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า หนังสือของบริษัท กวางตุ้งฯ ส่งผ่านมาทางไปรษณีย์ ทั้งที่การซื้อขายข้าวจีทูจีเป็นเรื่องระหว่างประเทศจำเป็นต้องมีที่มาที่ไป อาจเริ่มต้นพูดคุยในระดับรัฐมนตรีในเวทีระหว่างประเทศ แต่หนังสือดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ผิดไปจากแนวปฏิบัติที่ผ่านมา
สัญญาฉบับที่ 3 บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอทำสัญญาซื้อขายข้าว แต่ไม่ปรากฏว่าหนังสือถูกส่งมาโดยวิธีใด ข้าราชการผู้ใดเป็นผู้รับหนังสือ ไม่ปรากฏว่ามีการนำหนังสือไปลงเลขรับตามระเบียบงานสารบรรณทั้งที่เป็นหนังสือสำคัญ
สัญญาฉบับที่ 4 บริษัท ไห่หนานฯ มีหนังสือลงวันที่ 6 ส.ค. 2555 ถึง รมว.พาณิชย์ ขอซื้อข้าว แต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ (จำเลยที่ 3 ปัจจุบันหลบหนี) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ส่งหนังสือของบริษัท ไห่หนานฯ มาให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศพิจารณา
ดังนั้นการทำสัญญาทั้ง 4 ฉบับ นอกจากไม่มีการทาบทามเหมือนเช่นประเพณีที่เคยปฏิบัติแล้ว บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ก็ไม่ได้รับมอบหมายจากประเทศจีนด้วย
@ข้อตกลงการทำสัญญามีพิรุธเพียบ
ข้อตกลงตามสัญญาทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว มีข้อพิรุธหลายประการ เช่น ตกลงขายเป็นเงินบาท ไม่ใช่สกุลเงินที่นิยมใช้ซื้อขายระหว่างประเทศ การส่งมอบสินค้าเป็นแบบหน้าคลังสินค้า (Ex-warehouse) แทนที่จะเป็นแบบการส่งมอบที่ท่าเรือของผู้ซื้อ (FOB) หรือส่งมอบที่เมืองท่าของผู้ขาย (CIF) และการส่งมอบแบบ Ex-warehouse เป็นการเปิดช่องทางให้นำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศได้ เพราะการขายวิธีนี้ให้ผู้ประกอบการภายในประเทศเพื่อส่งออก ขณะเดียวกันการขายข้าวให้บริษัท กวางตุ้งฯ ไม่มีกำหนดส่งหลักฐานใด ๆ ที่แสดงว่ามีการส่งออก
ส่วนที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า กรมการค้าต่างประเทศเคยข้าวแบบจีทูจีให้เกาหลีเหนือ เมื่อปี 2544 กำหนดส่งมอบแบบ Ex-warehouse นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า เกาหลีเหนือมีเงินจ่ายเฉพาะค่าขนส่ง ส่วนค่าข้าวขอจ่ายเป็นเงินเชื่อภายใน 720 วัน รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่ประสงค์ให้วงเงินสินเชื่อจำนวนมาก จึงตกลงขายแบบ Ex-warehouse แต่รัฐบาลไทยส่งมอบข้าวที่ท่าเรือหรือ FOB โดยรัฐบาลเกาหลีเหนือต้องชำระค่าใช้จ่ายปรับปรุงข้าวและค่าขนส่งจากหน้าคลังสินค้าไปที่ท่าเรือ จึงยังไม่อาจฟังยุติว่า สัญญาขายข้าวให้เกาหลีเหนือมีการส่งมอบแบบ Ex-warehouse หรือ FOB นอกจากนี้การชำระเงินของเกาหลีเหนือใช้วิธีเปิด L/C แตกต่างกับคดีนี้ที่ชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็ค
ขณะเดียวกันรัฐบาลขณะนั้นมีข้าวในสต็อก 2.189 ล้านตัน แต่ตกลงขายข้าวปริมาณ 2.195 ล้านตัน มากกว่าที่มีอยู่ในสต็อกจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับการขายแบบจีทูจีที่คู่สัญญาต้องมีความระมัดระวังพิเศษในการปฏิบัติตามสัญญา หากมีข้าวไม่เพียงพอส่งมอบอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้ออ้างของนายมนัส ว่าตามข้อตกลงสามารถเพิ่มหรือลดลงร้อยละ 10 จึงเป็นเหตุให้ตกลงขายข้าวเก่ามากกว่าที่มีอยู่ในสต็อกนั้นไม่มีน้ำหนักรับฟังได้
นอกจากนี้ตามสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าวไม่มีข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญา และการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญา แตกต่างจากสัญญาที่กรมการค้าต่างประเทศใช้ในกรณีทั่วไป ท้ายสุดราคาขายข้าวทั้ง 4 สัญญาต่ำกว่าราคาท้องตลาดโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 20 เป็นราคาที่ต่ำผิดปกติ ทั้งนี้ประเทศจีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าไทย จึงไม่มีเหตุต้องขายข้าวในราคามิตรภาพ ดังจะเห็นได้จากการขายข้าวให้จีนผ่าน COFCO เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2556 สมัยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลเป็น รมว.พาณิชย์ ก็ตกลงขายในราคาตลาด
@พฤติการณ์ ภูมิ สาระผล
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายภูมิ ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ครั้งที่ 1/2554 มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวกรณีขายข้าวแบบจีทูจีให้รัฐวิสาหกิจ และในเรื่องหลักเกณฑ์ให้สามารถเจรจาขายเป็นราคา Ex-warehouse ซึ่งไม่เคยปรากฏในยุทธศาสตร์การระบายข้าวฉบับใดมาก่อน ที่ประชุมยังมีมติเสนอยุทธศาสตร์การระบายข้าวให้ประธานกรรมการ กขช. (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เห็นชอบ แทนที่จะเสนอให้ที่ประชุม กขช. เห็นชอบเพื่อให้เกิดมุมมองหลากหลาย รอบคอบ รัดกุม รวมถึงไม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ
หลังจากประธาน กขช. (น.ส.ยิ่งลักษณ์) เห็นชอบเพียง 5 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศขอซื้อข้าว สอดรับกับยุทธศาสตร์การระบายข้าวดังกล่าวอย่างเหมาะเจาะพอดี ยิ่งกว่านั้นบริษัท กวางตุ้งฯ ขอซื้อข้าวในสต็อกปริมาณทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านตันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พร้อมกับขอซื้อข้าวในท้องนาที่ยังไม่ถึงกำหนดเก็บเกี่ยวปริมาณ 2 ล้านตันด้วย ซึ่งตรงกับระยะเวลาการเริ่มต้นดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลอย่างพอดิบพอดี ส่อแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการจัดทำยุทธศาสตร์การระบายข้าวเพื่อรองรับรับรัฐวิสาหกิจของต่างประเทศให้มาซื้อข้าวรัฐบาลไทยได้โดยไม่ต้องได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของตน
หลังจากนั้นเพียง 2 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือฉบับที่ 2 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอนัดหมายเจรจาในวันที่ 5 ต.ค. 2554 โดยปกติแล้วกระบวนการและขั้นตอนทางปฏิบัติเกี่ยวกับการซื้อขายแบบจีทูจี ต้องเสนอขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาในเรื่องปริมาณ ราคา เงื่อนไขอื่น ๆ ต่อนายภูมิก่อนเจรจา แต่ไม่มีการขออนุมัติกรอบการเจรจา ทั้งการเจรจาได้ข้อสรุปและขอความเห็นชอบผลภายในวันเดียว และนายภูมิ ได้ให้ความเห็นชอบเงื่อนไขดังกล่าว และมีการลงนามสัญญาในวันรุ่งขึ้น รวมใช้ระยะเวลาทั้งหมดเพียง 9 วัน ทั้งที่สัญญามีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านบาท และผลการเจรจาปรากฏข้อพิรุธหลายประการดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องราคาขายตามบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจา ระบุว่า คำนวณราคาเฉลี่ยสำหรับข้าวทุกชนิดได้ตันละ 13,941 บาท หากขายตันละ 10,000 บาท ตามข้อเสนอของบริษัท กวางตุ้งฯ จะทำให้ภาครัฐสูญเสียทันที 6,350 ล้านบาท
ในบันทึกยังระบุอีกว่า หากข้อมูลการเจรจาแพร่กระจายออกสู่สาธารณชนอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ประกอบการในประเทศว่า ขายราคาต่ำเกินไป ไม่เหมาะสมกับตลาด นอกจากนี้ยังมีข้อพิรุธว่า ให้บริษัท กวางตุ้งฯ สามารถนำข้าวที่ซื้อส่งไปยังประเทศที่สามในลักษณะเป็นการพาณิชย์ได้ ซึ่งไม่เคยปรากฏเงื่อนไขนี้มาก่อน และส่งผลเสียต่อไทย แต่นายภูมิก็ให้ความเห็นชอบ โดยอ้างว่า ไม่ทราบ เพราะนายมนัส ไม่แจ้ง ยิ่งแสดงให้เห็นข้อพิรุธถึงความไม่สมเหตุสมผล นายภูมิ ย่อมทราบถึงความเสียหายจากการขายข้าวในราคาต่ำมากโดยไม่มีเหตุผลสมควร แต่ไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย กลับให้การเห็นชอบผลการเจรจาในวันนั้นเอง
หลังจากทำสัญญาเพียง 7 วัน นายภูมิ ยังให้ความเห็นชอบให้แก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โดยเพิ่มวิธีการชำระค่าข้าวด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร และชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ใช้สำหรับการขายข้าวแบบจีทูจี เป็นผลให้มการนำข้าวตามสัญญามาเวียนขายกันภายในประเทศ หลังจากนั้นมีการแก้ไขสัญญาอีกหลายครั้งถี่มากผิดปกติ และทุกครั้งไม่ปรากฏว่าได้เจรจากับบริษัท กวางตุ้งฯ และแต่ละครั้งล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังไม่รายงานผลการขายข้าวดังกล่าวแก่ที่ประชุม กขช. เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศที่มีการขายข้าวไปได้ นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง
พฤติการณ์ดังวินิจฉัยข้างต้นแสดงให้เห็นว่า นายภูมิ ทราบดีอยู่แล้วว่า บริษัท กวางตุ้งฯ เป็นรัฐวิสาหกิจของมณฑลจีน แต่ร่วมกันวางแผนให้บริษัท กวางตุ้งฯ เสนอขอซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนมาทำสัญญาในราคาต่ำกว่าท้องตลาด แล้วนำไปขายต่อเพื่อรับประโยชน์ส่วนต่าง จึงเป็นการจัดทรัพย์โดยมิชอบ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
มีความผิด 2 กระทรง ลงโทษตามกฎหมายที่หนักสุดคือ มาตา 12 พ.ร.บ.ฮั้ว ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกกระทงละ 18 ปี รวม 36 ปี
@พฤติการณ์ บุญทรง เตริยาภิรมย์
แยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และ 2
ภายหลังนายบุญทรงได้รับการโปรดเกล้าดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธาน กขช. และประธานอนุกรรมการ 4 คณะ รวมถึงประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสืบต่อจากนายภูมิ โดยนายบุญทรง ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับบริษัท กวางตุ้งฯ ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2
เห็นว่า นายบุญทรง ย่อมทราบได้จากบันทึกการขอความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาว่า ข้อตกลงตามสัญญาเดิมมีข้อพิรุธหลายประการดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ดังนั้นการให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญาจึงเป็นการมิชอบ ส่งผลให้กรมการค้าต่างประเทศเกิดผลผูกพันตามการให้ความเห็นชอบดังกล่าว ได้รับความเสียหายต้องขายข้าวในราคาต่ำกว่าท้องตลาด และเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้าวเพิ่มขึ้น
ข้อต่อสู้ของนายบุญทรงว่า การให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญา 2 ฉบับดังกล่าว เป็นไปตามข้อตกลงเดิมในสัญญาก่อนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวฟังไม่ขึ้น ดังนั้นเมื่อนายบุญทรง เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการระบายข้าวอันเป็นการจัดการทรัพย์ การให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โดยมิชอบ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
ลงนามในสัญญาฉบับที่ 3 และ 4
นอกจากนั้นได้ความต่อมาว่า นายบุญทรง ให้ความเห็นชอบการทำสัญญาฉบับที่ 3 (บริษัท กวางตุ้งฯ) โดยไม่ได้ขออนุมัติกรอบเจรจา และตามบันทึกขอความเห็นชอบจากผลการเจรา อ้างว่า บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ขอซื้อข้าว โดยไม่ปรากฏว่า นายมนัส มีการเจรจากับบริษัท กวางตุ้งฯ แต่อย่างใด นายบุญทรง ย่อมพบความผิดปกติจากบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจา และย่อมทราบถึงผลเสียหายจากการทำสัญญาดังกล่าวที่ราคาต่ำลงกว่าเดิมเป็นอันมาก อาจเป็นเหตุให้บริษัท กวางตุ้งฯ ไม่ยอมรับมอบข้าวตามสัญญาเดิมที่มีราคาแพงกว่า แต่กลับเห็นชอบผลการเจรจาจนนำไปสู่การทำสัญญาฉบับที่ 3 แม้จะให้ความเห็นชอบตามเงื่อนไขที่นายมนัสเสนอ แต่ก็ยังทำให้ไทยเสียเปรียบ สมควรรอให้บริษัท กวางตุ้งฯ รับมอบข้าวตามสัญญาฉบับที่ 2 ให้ครบถ้วนเสียก่อน
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ท้ายสุดแล้ว บริษัท กวางตุ้งฯ รับมอบข้าวตามสัญญาที่ 2 ประมาณ 7.1 แสนตัน แต่รับมอบข้าวตามสัญญาที่ 3 จำนวน 1.6 ล้านตัน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศที่ขายข้าวชนิดเดียวกันในราคาต่ำกว่าเป็นอันมาก
ข้อเท็จจริงได้ความอีกว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 นายบุญทรง ให้ความเห็นชอบผลการเจรจานำไปสู่การทำสัญญาฉบับที่ 4 กับบริษัท ไห่หนานฯ ทั้งที่ตามบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจาไม่ปรากฏสถานที่เจรจา เมื่อเห็นชอบแล้วภายในวันเดียวกัน นายมนัส ได้ทำบันทึกขอแก้ไขผลการเจรจาขอเพิ่มข้าว อ้างว่า ได้รับการประสานงานจากบริษัท ไห่หนานฯ โดยไม่ปรากฏว่า ประสานงานกับผู้ใดนับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นายบุญทรงก็ได้ให้ความเห็นชอบ
ข้อเท็จจริงได้ความจากนายสุพจน์ ศรีงามเมือง เจ้าหน้าที่ไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ ผู้ประสานการเจรจาของบริษัท ไห่หนานฯ ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพังงา อันเป็นภูมิลำเนาที่นางอรวรรณ ศรัทธาสกุล (คนเจรจาซื้อขายข้าวจีทูจีผ่านบริษัท ไห่หนานฯ ในปี 2556 ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.)
ทั้งนี้นางอรวรรณ เคยเป็นผู้ประสานงานของบริษัท กวางตุ้งฯ ในการเจรจาขอซื้อขายข้าวจีทูจีเมื่อปี 2552 กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ครั้งนั้นไม่มีการซื้อขาย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บริษัท กวางตุ้งฯ เคยมีความพยายามแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนมาทำสัญญากับไทยแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และนางอรวรรณ เคยเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง ระบุว่า ทำงานอยู่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10)
ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ มีผู้ประสานกลุ่มบุคคลเดียวกัน และมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บ่งชี้ว่ามีการตระเตรียมการวางแผนเป็นขั้นตอนในการนำบริษัททั้ง 2 แห่งมาเสนอราคาขอซื้อข้าวจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ
ภายหลังนายบุญทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธาน กขช. ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมมาตลอดจนพ้นตำแหน่ง แต่ไม่เคยรายงานเรื่องการขายข้าวจีทูจีตามสัญญาฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 ให้ที่ประชุมทราบ ส่วนการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ก็ไม่เคยรายงานการขายข้าวจีทูจีฉบับที่ 1-4 ให้ทราบแม้แต่ครั้งเดียว
ตลอดระยะเวลาที่นายบุญทรงดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ปกปิดข้อมูลการซื้อขายข้าวจีทูจีมาตลอด โดยอ้างว่าเป็นความลับ ซึ่งขัดแย้งกับข้อชี้แจงตามหนังสือของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2555 ถึงคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงนามโดยนายบุญทรง ที่ระบุว่า ขั้นตอนและกระบวนการระบายข้าวของรัฐบาลที่ดำเนินการอยู่เป็นความลับ แต่เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
ประเด็นเรื่องการขายข้าวจีทูจียังมีการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา โดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายรายชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของการระบายข้าวจีทูจีในคดีนี้ เรื่องการชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็คจากธนาคารภายในประเทศจำนวนมาก และกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง (จำเลยที่ 14) และข้าวที่ซื้อขายไม่ได้ถูกส่งออกไปนอกประเทศ นายบุญทรงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้เวลาตรวจสอบ 8 วัน แล้วสรุปผลว่า ดำเนินการโดยถูกต้องครบถ้วน ไม่พบการนำข้าวสารกลับมาเวียนขาย และการชำระค่าข้าวจีทูจี สามารถชำระเงินด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแคชเชียร์เช็คได้ แต่ไม่ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ของกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่อย่างใด
พฤติกรรมบ่งชี้ให้เห็นว่า นายบุญทรง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงเพื่อหวังผลลดกระแสกดดันของสังคมเท่านั้น เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการตรวจสอบล้วนเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง ไม่น่าเชื่อว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว จะปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ
ข้อเท็จจริงปรากฏอีกว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2556 นายบุญทรงให้ความเห็นชอบยกเลิกสัญญาฉบับที่ 3 ตามที่นางปราณี ศิริพันธุ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (ขณะนั้น) เสนอ แล้วทำสัญญาขายข้าวจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจจีนเพิ่มอีก 1 สัญญา (กับบริษัท ไห่หนานฯ) ในราคาที่ถูกกว่าฉบับที่ 3 ก่อนจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีเพียง 4 วัน
เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นายบุญทรง ทราบดีถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีขายข้าวให้บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ทำให้ต้องปกปิดข้อมูลการระบายข้าวแบบจีทูจีตลอดมา
ประการสำคัญการขายข้าวตามสัญญา 4 ฉบับตามฟ้อง ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยอ้างว่าเป็นสัญญาซื้อขายแบบจีทูจี ผลที่สุดข้าวที่ขายไม่ได้ส่งออกนอกประเทศ แต่ถูกนำมาขายต่อภายในประเทศเพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างราคา โดยกลุ่มของจำเลยดังที่วินิจฉัยแล้ว การระบายข้าวของนายบุญทรง มิได้กระทำไปเพื่อให้โครงการรับจำนำข้าวประสบผลสัมฤทธิ์เพื่อยกระดับราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้นอันจะเป็นประโยชน์แก่ชาวนา และประเทศชาติอย่างยั่งยืน
แต่กระทำไปเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง สมคบวางแผนนำรัฐวิสาหกิจสองแห่งมาทำสัญญาแบบจีทูจีตามฟ้อง โดยแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของจีนเพื่อทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศในราคาต่ำนั้น เป็นแผนการอย่างหนึ่งในการจัดการข้าวโดยมิชอบ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
สำหรับความผิดของนายบุญทรง แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ แก้ไขสัญญาฉบับที่ 1-2 ผิด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 ปี รวม 12 ปี และทำสัญญาฉบับที่ 3-4 ผิด 2 กระทง ลงโทษกระทงละ 15 ปี รวม 30 ปี รวมความผิดทั้งหมดจำคุก 42 ปี
ทั้งนี้นายภูมิ และนายบุญทรง ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างยื่นเรื่องขออุทธรณ์ผลคำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวแล้ว 2 ครั้ง แต่ศาลปฏิเสธ โดยเห็นว่าโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 3
อ่านประกอบ :
ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’
ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?
กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง
ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.
จำแนกจำเลย-พฤติการณ์! คดีระบายข้าวจีทูจีฉบับอัยการก่อนศาลนัดชี้ชะตา 25 ส.ค.
เจาะพิรุธคดีข้าวจีทูจีฉบับอัยการ!รัฐวิสาหกิจจีนไม่ได้เงิน-เช็คหมื่นล.จากก๊วน‘เสี่ยเปี๋ยง’
เอ็กซ์คลูซีฟ!เปิดครบเช็คเอกชน หมื่นล.ซื้อข้าวตรงกรมการค้าฯหลักฐานอัยการชี้ไม่ทำจีทูจีจีน
อุปโลกน์ทำงานกับคนจีน!พฤติการณ์ ‘สมคิด-ลิตร-ปาล์ม’ถูก ‘บิ๊ก’บงการสู้คดีข้าวจีทูจี
พิพากษาคดีจีทูจีเก๊ 25 ส.ค.-ผู้สอบบัญชี ‘กวางตุ้ง-ไห่หนาน’ไม่รู้เซ็นในนาม รบ.จีนหรือไม่
ครบถ้วน! ไทม์ไลน์ขายข้าวจีทูจี‘มนัส’ ชง‘ภูมิ-บุญทรง’ไฟเขียวก่อนถูกเวียนขายใน ปท.
เปิดขบวนการเวียนข้าวคดีจีทูจีเก๊ในสำนวน ป.ป.ช.-‘สารวัตร’รุ่นเดียว ‘วีระวุฒิ’ร่วมเดินเรื่อง
พบ‘สารวัตร’พันคดีข้าวถุง ร่วมรับเช็ค ‘วีระวุฒิ’เวียนข้าวขายในประเทศคดีจีทูจีเก๊
บ.ค้าข้าวเข้าพบ-โทรคุย-จ่ายเงิน‘วีระวุฒิ’! ข้อมูลใหม่คดีระบายข้าวจีทูจี
เปิดพฤติการณ์เอกชน-โรงสีจ่ายเช็ค‘วีระวุฒิ’ก่อนเวียนข้าวขายใน ปท.คดีจีทูจีเก๊
นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว! อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊
ขายข้าวจีทูจีขรก.พาณิชย์รู้ดีสุด! ‘บุญทรง-ภูมิ’แจงศาล-ลั่นสอบแล้วไร้โกง
'เสี่ยเปี๋ยง'มาศาลแล้ว! เข้าไต่สวนคดีข้าวจีทูจีเก๊ หลังป่วยความดันนอน รพ.
เปิดคำสั่งศาลถอนประกัน‘เสี่ยเปี๋ยง’ เข้าเรือนจำฯ กทม.-ไฟเขียวไต่สวนคดีลับหลัง
ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯยัน‘เสี่ยเปี๋ยง’นอน รพ.ราชทัณฑ์จริง-ป่วยความดัน
เบื้องหลัง!เด้งผบ.เรือนจำปากน้ำเข้ากรุ 'เสี่ยเปี๋ยง' ถูกถอนประกัน-ส่งตัวเข้าลาดยาว
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’ อีก10ล.กันหนีคดีข้าว-4 ข้อหาใน ป.ป.ช.
อย่าโยนบาปให้ ขรก.! ‘วรงค์’ให้การคดีข้าวจีทูจีเก๊-พบพิรุธใหม่ในสัญญาขาย
ให้เอกชนจำเลยคดีข้าวชดใช้2หมื่นล.!ศาลฯรับคำร้องอสส.-'เสี่ยเปี๋ยง'อยู่รพ.ตร.จริง
ป.ป.ช.เชือดล็อตแรกคดีข้าวจีทูจี"บุญทรง-ภูมิ"ไม่รอด-ฟ้องแพ่ง 6 แสนล้าน
ป.ป.ช.ฟันลอตสอง!15 เอกชนพันคดีข้าวจีทูจี-บ.เจียเม้งตัวละครข้าวถุงโดนด้วย
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ชีวิตในเรือนจำปากน้ำแดน 3 'เสี่ยเปี๋ยง' หลังเจอคุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ
อยู่แดน 3! จนท.เรือนจำปากน้ำ ยันศาลสั่งจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์''
‘ไทยฟ้าฯ’เอกชนราย 5 ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีทูจีเก๊ คู่ค้าข้าว อคส. 285 ล.
ป.ป.ช.ยันเอกชนคดีข้าวจีทูจีบินพบ‘บิ๊กการเมือง’ ถ้ากลับคำไม่กันเป็นพยานแน่!
เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายภูมิจาก ผู้จัดการออนไลน์,ภาพนายบุญทรงจาก ประชาไท