เฝ้า บช.น.ปล่อย ตร.ปฏิบัติการต่อ!คำวินิจฉัยผู้พิพากษา‘พัชรวาท-สุชาติ’คดีสลาย พธม.
“…ขณะนั้นมีการรายงานข่าวและเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ทางสื่อโทรทัศน์ด้วยแล้ว จึงเชื่อว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ทราบถึงการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ต้นแล้ว การที่ พล.ต.ท.สุชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีคำสั่งให้ตำรวจปฏิบัติการดังกล่าว กับ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ยังคงปล่อยให้มีการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทำนองเดียวกันในเวลาต่อมาจนเป็นเหตุให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต จึงเป็นการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด…”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานแล้วว่า เสียงค้านของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เห็นควรให้อุทธรณ์จำเลยที่ 1-3 (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.) ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 สอดคล้องกับคำวินิจฉัยส่วนของของผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย (นายปริญญา ดีผดุง) ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 ที่เห็นว่า การสั่งการของจำเลยที่ 1-3 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (อ่านประกอบ : ผู้พิพากษาข้างน้อยชี้‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว’ สั่ง ตร.เปิดทางเข้าสภาชนวนใช้แก๊สน้ำตาทำคนเจ็บ-ตาย?)
คราวนี้มาดูในฝ่ายปฏิบัติการอย่างจำเลยที่ 4 (พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.) กันบ้าง ?
นายปริญญา อ้างถึงข้อเท็จจริงในคดีจากชั้นศาลปกครองที่ประชาชนยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และนายสมชาย ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม และจากฝ่ายที่มิได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ตามรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รวมถึงคำเบิกความของพยานในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ต่างยืนยันสอดคล้องต้องกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 7 ต.ค. 2551 นับตั้งแต่เวลา 05.00-24.00 น. ได้นำอาวุธปืน วัตถุระเบิดชนิดต่าง ๆ อันมีอันตรายโดยสภาพมาใช้ในการสลายการชุมนุม โดยมิได้ปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งต้องเริ่มจากการเจรจาต่อรอง หากไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ จึงจะใช้มาตรการสลายการชุมนุมจากเบาไปหาหนัก โดยขั้นตอนดังกล่าวเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบก่อน
แต่พยานกลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ฟ้องคดีในชั้นศาลปกครองทั้ง 250 ราย ผู้ร้องสอดจำนวน 11 ราย กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มเจ้าหน้าที่พยาบาลและแพทย์สนาม ยืนยันว่า ไม่มได้ยินเสียงประกาศแจ้งเตือนแต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในบังคับบัญชาของ สตช. ได้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามแผนที่วางไว้
ข้อเท็จจริงปรากฏจากพยานกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อมวลชน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงและขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาตรงเข้าไปยังผู้ชุมนุมโดยตรง และยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และรถพยาบาลที่มีเครื่องหมายกาชาดไทย ซึ่งมองเห็นได้ไกลถึง 100 เมตร โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และไม่ประสานงานตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่มีการประชุมร่วมกันจากฝ่ายแพทยสภาพกาชาดไทย และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายสมชาย ก่อนหน้านี้แล้ว
ประกอบกับผลการทดสอบยิงและขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาที่ใช้ในการสลายการชุมนุม เมื่อตกกระทบพื้นดินมีอานุภาพในการทำลาย และพบสาร ‘RDX’ แสดงให้เห็นถึงขีดการทำลายล้างหากเกิดกับเนื้อตัวร่างกายมนุษย์ย่อมฉีกขาด ตัดทำลายอวัยวะได้อย่างรุนแรงเช่นกัน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังมีทัศนคติทางลบกับผู้ชุมนุมผ่านคำพูดขณะสลายการชุมนุมว่า “มึงอยากเสือกนัก” “มันอยู่ได้ให้มันอยู่ไป ยิงเข้าไป เดินเข้าไป ลุยเข้าไป” “บาดแผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” อันแสดงให้เห็นว่า แผนกรกฎ/48 ที่นำมาใช้เป็นเพียงการอ้างหลักการตามมาตรฐานสากล แต่ปฏิบัติงานจริงหาได้เป็นไปตามหลักการให้ความเมตตาต่อผู้มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างดังที่เขียนแผนปฏิบัติการไว้แต่อย่างใด
เป็นไปตามถ้อยคำที่กลุ่มสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้ถ้อยคำต่อ กสม. ไว้หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นาน จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ให้ถ้อยคำยืนยันจดจำได้ และเป็นความทรงจำที่ได้เห็นความรุนแรงของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างรุนแรง จึงเชื่อว่า เป็นการให้ถ้อยคำตามความจริงไม่มีการเสริมแต่งข้อเท็จจริงใด ๆ มีน้ำหนักรับฟังได้อย่างมั่นคงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของ สตช. กระทำการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายสมชาย ไม่เป็นไปตามกระบวนการตามแผนกรกฎ/48
ขณะเดียวกันระยะเวลาในการสลายการชุมนุมยังมีต่อเนื่องยาวนานถึง 4 ช่วง รวม 18 ชั่วโมงตั้งแต่เช้าจรดค่ำมืด ทั้งนี้การสลายการชุมนุมเป้าประสงค์เดิมเพื่อเปิดทางให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมรัฐสภา และออกจากรัฐสภาเท่านั้น
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า รัฐสภาปิดการประชุมตั้งแต่เวลา 11.30 น. และสมาชิกรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีออกจากสภาแล้วเสร็จตั้งแต่เวลา 18.00 น. แล้ว กรณีไม่มีเหตุจะสลายการชุมนุมในช่วงเวลาหลังจากนั้นนับตั้งแต่ 18.00-24.00 น. แต่อย่างใด
การที่ยังคงมีการใช้อาวุธ ระเบิดชนิดต่าง ๆ ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงกลางคืน และเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจอีกหลายร้อยราย เมื่อพิเคราะห์ผลการพิจารณาของ กสม. และความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วยแล้ว เห็นว่า การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สตช. เป็นการกระทำโดยจงใจกระทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ชุมนุม
ส่วนข้ออ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปลุกระดมให้ทำร้ายตอบ หรือทำลายสถานที่ราชการ หรือบุกจับตัวสมาชิกรัฐสภา คณะรัฐมนตรีนั้น ลำพังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2,500 นาย ก็ไม่อาจต้านทานประชาชนนับหมื่นได้ ข้ออ้างในส่วนนี้จึงเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุในการสลายการชุมนุมโดยไม่ชอบ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมกระทำการอันละเมิดต่อกฎหมาย และต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยใช้กำลังและอาวุธ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท (จำเลยที่ 3) พล.ต.ท.สุชาติ (จำเลยที่ 4) และนายตำรวจระดับสูงสังกัด สตช. ต่างยืนยันสอดคล้องต้องกันว่า นายสมชาย (จำเลยที่ 1) และ พล.อ.ชวลิต (จำเลยที่ 2) สั่งการให้ตำรวจดำเนินการผลักดันประชาชนที่ปิดล้อมรัฐสภาออกไป เพื่อให้มีการแถลงนโยบายในวันดังกล่าวให้ได้
และกลุ่มผู้ชุมนุมในฐานะประชาชนเจ้าขออำนาจอธิปไตยโดยแท้ที่มอบผ่าน ส.ส. ให้ปฏิบัติหน้าที่แทน หากไม่เห็นด้วยกับการที่นายสมชาย จะเข้ามาบริหารประเทศ โดยสืบทอดตำแหน่งต่อจากรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องหาว่าทุจริต ย่อมมีสิทธิจะชุมนุมแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับผู้นำฝ่ายบริหารตามวิถีทางประชาธิปไตย โดยทั้งนายสมชาย และกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำละเมิดต่อผู้ชุมนุม และการปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.อ.ชวลิต ภายใต้แผนกรกฎ/48 เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัยของกลุ่มผู้ชุมนุม สตช. พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.อ.ชวลิต จึงต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว โดยเฉพาะนายสมชายได้ทราบจาก ส.ว. ที่ลุกขึ้นคัดค้านประท้วงว่า ด้านนอกมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น แต่หาได้ให้ความใส่ใจ แม้ประชุมสภาเสร็จแล้ว ก็ยังคงมีการสลายการชุมนุมต่อไป
นายสมชาย พล.อ.ชวลิต และ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งรับทราบข่าวสารการสลายการชุมนุม และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จนถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาประมาณ 16.00 น. และ 19.00 น. กลับมิได้สนใจใยดี หรือสั่งห้ามการกระทำอันละเมิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด เจือสมกับข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นว่า นายสมชาย พล.อ.ชวลิต และ พล.ต.อ.พัชรวาท ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ แม้ตามแผนกรกฎ/48 จะกำหนดให้ ผบช.น. (พล.ต.ท.สุชาติ ขณะนั้น) เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ รับผิดชอบและตัดสินใจในการใช้กำลัง แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร. มีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด และแผนกรกฎ/48 รวมถึงได้ขออนุมัติแผนใช้กำลังในการร่วมประชุมพร้อมกับ พล.อ.ชวลิต และคณะที่ บช.น. ก่อนเริ่มปฏิบัติการใช้กำลังต่อผู้ร่วมชุมนุม และ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ที่ บช.น. การบริหารเหตุการณ์ การสั่งการ หรือตัดสินใจในการแก้ไขสถานการณ์เป็นอำนาจโดยตรงของ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ
เมื่อพิจารณาประกอบข้อเท็จจริงที่ว่า ขณะนั้นมีการรายงานข่าวและเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ทางสื่อโทรทัศน์ด้วยแล้ว จึงเชื่อว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ทราบถึงการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ต้นแล้ว การที่ พล.ต.ท.สุชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีคำสั่งให้ตำรวจปฏิบัติการดังกล่าว กับ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ยังคงปล่อยให้มีการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทำนองเดียวกันในเวลาต่อมาจนเป็นเหตุให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต จึงเป็นการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
----
นี่เป็นเพียงข้อเท็จจริงบางส่วนตามคำวินิจฉัยส่วนตนของนายปริญญา ผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยในคดีดังกล่าว อย่างไรก็ดีปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ยื่นอุทธรณ์ผลคำพิพากษาคดีนี้ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เฉพาะกรณี พล.ต.ท.สุชาติ เพียงรายเดียวแล้ว
อ่านประกอบ :
‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’รอด!ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์คดีสลาย พธม.แค่‘สุชาติ’รายเดียว
‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’ฝ่ายนโยบาย! เหตุผลป.ป.ช.อุทธรณ์แค่‘สุชาติ’ไม่ยับยั้งใช้แก๊สน้ำตา
ขีดเส้นตีห้าต้องเปิดทาง!เบื้องหลัง‘สุภา’ ป.ป.ช.หนึ่งเดียว ควรอุทธรณ์‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’
ชัด ๆ กก.ป.ป.ช.อธิบายเหตุผลทำไมอุทธรณ์แค่‘สุชาติ’คดีสลาย พธม.
ดูเหตุผลศาลฎีกาฯยกฟ้อง‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ’ก่อน ป.ป.ช. อุทธรณ์แค่รายเดียว?
‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’รอด!ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์คดีสลาย พธม.แค่‘สุชาติ’รายเดียว
อุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่ประสบความสำเร็จ!ปธ.ป.ป.ช.ปัดอุ้ม‘พัชรวาท’คดีสลาย พธม.
พธม. เล็งฟ้องเอาผิดมาตรา 157 ป.ป.ช. ไม่อุทธรณ์ พัชรวาท-ชวลิต-สมชาย
ข้อต่อสู้‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’คดีสลายพธม.ไขคำตอบ ป.ป.ช.อุทธรณ์ ‘สุชาติ’รายเดียว?
ป.ป.ช.ถกอุทธรณ์คดีสลาย พธม. 29 ส.ค. -ขอ 'วัชรพล'ถอนตัวหวั่นถูกวิจารณ์มีส่วนได้เสีย
เจาะคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยคดีสลาย พธม. แก๊สน้ำตารุนแรงทำคนเจ็บ-ตายได้?
ผู้ชุมนุมขว้างน็อต-มีระเบิดปิงปอง!คำพิพากษาฉบับเต็มชี้ใช้แก๊สน้ำตาสลาย พธม.ชอบแล้ว
'สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติ' รอด! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯปี 51
คลอดคำวินิจฉัย 40 หน้า คดีสลายพันธมิตรฯ-ไม่มีเจตนาพิเศษให้ ตร.ทำร้ายผู้ชุมนุม
‘วัชรพล’รับสัมพันธ์‘วงษ์สุวรรณ’คือจุดอ่อนชีวิต! ยันตอบสังคมได้ปมอุทธรณ์คดีสลาย พธม.
ยื่น ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลาย พธม.-‘วีระ’ ย้อน’บิ๊กตู่’คสช.เคยฉีก รธน.ผิดไหม
7 ส.ค.พธม.ยื่น ป.ป.ช.จี้อุทธรณ์คดีสลายชุมนุม-‘วิชา’ยันศาล ปค.ชี้แล้ว จนท.รัฐทำโดยมิชอบ
9ปีรูดม่านคดีสลาย พธม. เจาะคำพิพากษาศาลไฉนยกฟ้อง‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ’?
'สมชาย-ชวลิต-พัชรวาท-สุชาติ' รอด! ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯปี 51
เคารพคำพิพากษาแต่ไม่เห็นพ้อง!มติ พธม.ยื่น ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลายชุมนุมปี'51
ยังไม่ได้ข้อสรุปอุทธรณ์คดีสลาย พธม.!ป.ป.ช.สั่ง จนท.ดูคำพิพากษา-เชื่อทันกรอบ รธน.
‘สมชาย’แถลงปิดคดีปัดสั่งสลายชุมนุม เผย‘พัชรวาท-สุชาติ’ออกหน้าดูเอง–พิพากษา 2 ส.ค.
เบื้องหลัง!ความพยายามสู้นอกศาลของ ‘สมชาย-พวก’ก่อนรูดม่านปิดคดีสลาย พธม.?
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.ต.อ.พัชรวาท-พล.ต.ท.สุชาติ จากผู้จัดการ, ภาพสลายพันธมิตรฯจาก mthai