พธม. เล็งฟ้องเอาผิดมาตรา 157 ป.ป.ช. ไม่อุทธรณ์ พัชรวาท-ชวลิต-สมชาย

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 30 สิงหาคม 2560 เวลา 14:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

พธม. , ป.ป.ช., พัชรวาท, วงษ์สุวรรณ, ประวิตร, อาญา

พันธมิตรฯ เล็งฟ้องเอาผิด ป.ป.ช. ฐานละเว้นหน้าที่ มาตรา 157 ไม่อุทธรณ์ พัชรวาท-ชวลิต-สมชาย โต้ 'พล.ต.อ.วัชรพล' เลือกอุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่สำเร็จ เป็นหน้าที่ศาลฎีกาตัดสิน ไม่ใช่คณะกรรมการป้องกันฯ ด้านวีระ สมความคิด มั่นใจมีใบสั่ง รบ. เตรียมสรุปข้อมูลดำเนินการเร็วที่สุด

OCT300860

กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 ให้อุทธรณ์คดีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพียงรายเดียว และลงมติไม่อุทธรณ์คดีกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นั้น

(อ่านประกอบ: ‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท’รอด!ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์คดีสลาย พธม.แค่‘สุชาติ’รายเดียว)

ล่าสุด วันที่ 30 ส.ค. 2560 คณะทำงานด้านกฎหมายและคดีความของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ร่วมประชุมหารือกับทนายความ ผู้เสียหาย และผู้ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับประเด็นการดำเนินคดีอาญากับ ป.ป.ช. ณ บ้านพระอาทิตย์

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เปิดเผยถึงขั้นตอนการยื่นเอาผิดกับ ป.ป.ช.โดยจากการรวบรวมความเห็นแนวทางทางกฎหมายเบื้องต้น มี 3 แนวทาง คือ แนวทางที่หนึ่ง เป็นข้อเสนอแนะจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ระบุกรณี ป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์ เสนอให้แจ้งความ ดำเนินคดีอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

แนวทางที่สอง เป็นข้อเสนอแนะจากผู้รู้ทางกฎหมาย ให้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ โดยการเข้าชื่อของประชาชน 2 หมื่นรายชื่อ ยื่นผ่านกระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในอนาคต เพื่อดำเนินคดีความต่อ

แนวทางที่สาม เป็นข้อเสนอแนะให้ใช้ช่องทางอื่น เช่น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนายวีระ สมความคิด ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายและคดีความ พธม. จะเร่งรวบรวมข้อสรุปให้เร็วที่สุด

เมื่อถามถึงความเห็นที่ประธาน ป.ป.ช.ระบุเลือกยื่นอุทธรณ์ที่ประสบความสำเร็จ ผู้ประสานงาน พธม. กล่าวอีกว่า ความเห็นว่าประสบความสำเร็จไม่ใช่หน้าที่ ป.ป.ช. แต่เป็นหน้าที่ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ส่วนป.ป.ช.มีหน้าที่ดูพยานหลักฐานในเรื่องที่ ป.ป.ช.ชุดเดิมได้ลงมติไว้ด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งเมื่อได้อ่านคำพิพากษายืนยันมีหลายประเด็นที่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทุกคน แต่การไม่ดำเนินการอุทธรณ์จึงเป็นเรื่องน่าสงสัยและสังคมไม่สบายใจ ดังนั้น เหตุผลจึงฟังไม่ขึ้น เพราะป.ป.ช.ชุดเดิมมีมติไว้ชัดเจน

ทั้งนี้ ยังมองว่า ป.ป.ช.กำลังตั้งใจที่จะไม่อุทธรณ์ไม่ทันเวลาในส่วนที่เหลือ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 1 ก.ย. 2560 ฉะนั้นหากมีความจริงใจต้องขยายเวลา ไม่ใช่ชิงตัดหน้าแล้วเสนอยื่นอุทธรณ์รายเดียว จึงคิดว่าเรื่องนี้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ประชาชนมีสิทธิสงสัยเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่า ป.ป.ช. เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน ดังนั้นทุกคนมีสิทธิจะมองหรือสงสัยได้ กระบวนการจึงไม่มีความเป็นธรรม

“ข้ออ้างที่ว่า มี 3 เสียง เห็นควรลงโทษ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คำถามคือส่วนที่เหลือมีอีก 1 เสียงที่คัดค้าน และไม่เห็นด้วยให้ยกโทษอีก 3 ราย ถามว่าเสียงที่เหลือไม่มีความหมายใช่หรือไม่” นายปานเทพ กล่าว

ด้านนายวีระ สมความคิด ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายและคดีความ พธม. กล่าวว่า จะเร่งสรุปข้อมูลให้เร็วที่สุดเกี่ยวกับการเอาผิดทางกฎหมายกับ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม ยังมีขั้นตอนการรวบรวมพยานและสอบถามไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งก่อนจะดำเนินการ

ส่วนมีใบสั่งจากรัฐบาลถึง ป.ป.ช. หรือไม่ ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายฯ ระบุชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว หากจำเลยในคดีไม่ใช่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เหลือจำเลยเพียง 3 ราย มติอาจไม่ออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้ ทั้งนี้ ความจริงอยากเห็นมติชัดเจนว่า ป.ป.ช.ไม่อุทธรณ์ทุกคน แต่เมื่ออุทธรณ์เฉพาะพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าทิ้งร่องรอย ซึ่งตามปรัชญากฎหมาย หมายถึง อาชญากรย่อมทิ้งร่องรอย .

OCT3010860