อัยการซัก-ผอ.สำนักงบฯตอบ! จำนำข้าวหนี้เท่าไหร่-คุ้มค่าไหม-เอาเงินไหนจ่าย?

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม 2559 เวลา 15:05 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

“…ภาระหนี้เกี่ยวกับโครงการนี้มีเท่าไหร่ ? นายวรวิทย์ ระบุว่า รวม ๆ แล้วจากการปิดบัญชีมีจำนวนประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยหักค่าเสื่อมสภาพแล้ว แต่ตรงนี้ยังไม่ได้หักในส่วนของสินค้าในสต็อก ท้ายสุด อัยการถามว่า รัฐบาลใช้เงินเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวไปเท่าไหร่ ? นายวรวิทย์ ตอบไม่ได้ ระบุว่า ไม่ทราบรายละเอียด…”

PIC yingluckk 21 10 59 7

นับเป็นอีกครั้งที่อาจเรียกได้ว่า ‘พยานฝ่ายจำเลย’ ในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลย ‘เสียเหลี่ยม’ ให้กับการไล่ซักของฝ่ายอัยการ

ก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ‘โอฬาร ไชยประวัติ’ อดีตกุนซือ ‘ยิ่งลักษณ์’ หรืออีกหลาย ๆ คน ที่ถูกอัยการไล่ต้อนจนมุม หาทางกลับไม่ถูกมาแล้ว

คราวนี้เป็นคิวของ ‘วรวิทย์ จำปีรัตน์’ อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ (ดำรงตำแหน่งช่วงปี 2554-30 ก.ย. 2556) ช่วงเดียวกับที่รัฐนาวา ‘ยิ่งลักษณ์’ ทำโครงการรับจำนำข้าว เข้าให้ถ้อยคำในฐานะพยานฝ่ายจำเลย

อย่างไร ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมคำถาม-คำตอบของฝ่ายอัยการ และนายวรวิทย์ สรุปได้ ดังนี้

อัยการเปิดฉากด้วยการซักประเด็นเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารกรุงไทย สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าไปเป็นได้อย่างไร และไปแทนตำแหน่งนางเบญจา หลุยเจริญ (อดีต รมช.คลัง) หรือไม่ นายวรวิทย์ เบิกความสรุปได้ว่า เป็นมติของผู้ถือหุ้นในธนาคารกรุงไทย และเข้าไปดำรงตำแหน่งแทนนายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ (อดีตปลัดกระทรวงการคลัง) ไม่ใช่ในตำแหน่งของนางเบญจา

ส่วนที่สื่อมวลชนขนานนามว่า “ข้าเก่า นายแก่ แห่งนายใหญ่” คำว่า ‘นายใหญ่’ หมายถึง ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ ปฏิเสธ ระบุอย่างเดียวว่า ไม่ทราบ

อัยการเริ่มซักประเด็นสำคัญว่า โครงการรับจำนำข้าว ถือเป็นโครงการรัฐที่ใช้งบประมาณมากที่สุดใช่หรือไม่ ?

นายวรวิทย์ เงียบไปสักครู่ ก่อนตอบกลับมาว่า งบประมาณแผ่นดินเป็นงบต่อเนื่องในแต่ละปี เป็นเรื่องของภาพรวมต่าง ๆ

อัยการย้ำอีกว่า ในฐานะที่เป็นถึงอดีต ผอ.สำนักงบประมาณ ประสบการณ์ที่ผ่านมาตามข้อเท็จจริง โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการรัฐที่ใช้งบประมาณเยอะที่สุดใช่หรือไม่

นายวรวิทย์ เงียบไปสักครู่อีกครั้ง ก่อนมีท่าทีอึกอัก และยอมรับว่า ใช้ไปเยอะ แต่ไม่ได้ใช้มากที่สุด ต้องขอตรวจสอบในรายละเอียดก่อน

อัยการเริ่มรุกถามรายละเอียดในโครงการรับจำนำข้าวตามโครงการต่าง ๆ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากนายวรวิทย์ มีอีกตำแหน่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ด้วย

นายวรวิทย์ อึกอักเล็กน้อย ก็ตอบว่า เคยเข้าประชุมในบอร์ด กขช. แค่ครั้งเดียว ส่วนการเสนอราคาก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลคือ 1.5 หมื่นบาท/ตัน ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณพิจารณา และยอมรับว่า เป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปกติ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ไม่ทราบ

อัยการซักอีกว่า ปัญหาการระบายข้าวเกิดขึ้นจากข้าวในสต็อกรัฐบาลมีมากเกินไป และที่ผ่านมาไม่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น ใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ ระบุว่า สำนักงบประมาณเคยมีความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรีว่า รัฐบาลควรเร่งระบายข้าว เพราะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรับจำนำข้าว นำเงินกลับมาหมุน ช่วยลดต้นทุน และการจัดการงบประมาณจะน้อยลง

อัยการซักในประเด็น โครงการรับจำนำข้าวในช่วงแรกไม่มีการจำกัดงบประมาณ กระทั่งในช่วงปี 2556 ถึงจำกัดให้ชาวนาจำนำได้รายละไม่เกิน 5 แสนบาท สาเหตุเกิดจากที่งบประมาณเริ่มจะร่อยหรอใช่หรือไม่

นายวรวิทย์ ระบุว่า สามารถกำหนดเพดานได้ เพราะเป็นนโยบายสาธารณะ แต่เป็นเรื่องของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และเป็นส่วนรายละเอียดของการปฏิบัติงาน แต่ช่วงที่ตนอยู่ สภาพคล่องยังพอมี

มาถึงตรงนี้ องค์คณะผู้พิพากษา จึงบอกให้นายวรวิทย์ ตั้งใจฟังคำถามของอัยการให้ชัดเจน หากไม่เข้าใจให้ถามซ้ำ หรือค่อยอ่านคำถามในกระดาษ อย่ามัวแต่คิดว่าจะเอาคำตอบที่อาจเตรียมไว้อยู่แล้วมาตอบ เพราะจะไม่ตรงกับคำถาม และทำให้ไม่รู้เรื่อง ศาลไม่ได้ประโยชน์อะไร

คราวนี้อัยการซักในประเด็นที่นายวรวิทย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและกำกับหนี้สาธารณะตามตำแหน่ง (ผอ.สำนักงบประมาณ) เคยทราบหรือไม่ว่า หนี้สาธารณะที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวมีเท่าไหร่ และเคยรายงานให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบหรือไม่ และได้ประเมินผลความคุ้มค่าของเงินงบประมาณในโครงการรับจำนำข้าวบ้างหรือไม่

นายวรวิทย์ เริ่มมีท่าทีอึกอักอีกครั้ง ในส่วนของหนี้สาธารณะนั้น ไม่ทราบรายละเอียด ส่วนการประเมินผลเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นคนดำเนินการ

อัยการซักซ้ำว่า มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นคนประเมินเกี่ยวกับการทำวิจัย แต่ในเรื่องของงบประมาณ ในฐานะเคยเป็น ผอ.สำนักงบประมาณ เคยประเมิน หรือติดตามความคุ้มค่าของการใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าวตาม พ.ร.ก.บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีฯ หรือไม่

นายวรวิทย์ กล่าวว่า ไม่เคยทำ เพราะตามกฎหมายระบุให้ รัฐบาลเสนอ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (กพร.) เป็นผู้เริ่มต้นการประเมินก่อนส่งต่อให้หน่วยงานอื่น แต่รัฐบาลไม่ได้เสนอเรื่องให้ กพร. จึงไม่มีการประเมิน

อัยการซักอีกว่า โครงการดังกล่าวมีกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท หากใช้เกินกรอบวงเงินดังกล่าว จะมีผลอย่างไร

นายวรวิทย์ ระบุว่า เมื่อมีกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทแล้ว ไม่สามารถทำเกินกรอบวงเงินได้
อัยการย้ำอีกว่า หากใช้เกินกรอบจะมีผลอย่างไร นายวรวิทย์ ระบุว่า ไม่ทราบ

อัยการซักอีกว่า ในช่วงปี 2556 เกิดการคลังขาดสภาพคล่อง สำนักงบประมาณเคยเสนอรัฐบาลหรือไม่ว่า ควรยกเลิกหรือชะลอโครงการดังกล่าวไปก่อน

นายวรวิทย์ กล่าวว่า เคยแสดงความเห็นไปหลายครั้งว่า ให้รัฐบาลระบายข้าวในสต็อก นำเงินกลับมาหมุนเวียนต่อในโครงการ เพื่อให้ใช้ในโครงการถัดไป

อัยการซักต่อไปว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธาน กขช. และนายวรวิทย์ ในฐานะกรรมการ กขช. เคยมีสักครั้งไหมที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้อำนาจทักท้วง หรือมีความเห็นควรยุติโครงการรับจำนำข้าว หรือการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

นายวรวิทย์ กล่าวว่า เท่าที่เคยเข้าร่วมประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อกฎหมาย และสั่งการมาโดยตลอด

ส่วนภาระหนี้เกี่ยวกับโครงการนี้มีเท่าไหร่ ?

นายวรวิทย์ ระบุว่า รวม ๆ แล้วจากการปิดบัญชีมีจำนวนประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยหักค่าเสื่อมสภาพแล้ว แต่ตรงนี้ยังไม่ได้หักในส่วนของสินค้าในสต็อก

ท้ายสุด อัยการถามว่า รัฐบาลใช้เงินเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวไปเท่าไหร่ ?

นายวรวิทย์ ตอบไม่ได้ ระบุว่า ไม่ทราบรายละเอียด

ทั้งหมดคือคำถาม-คำตอบแบบ ‘ชัด ๆ’ ระหว่างอัยการและอดีต ผอ.สำนักงบประมาณ ในคดีจำนำข้าว

ส่วนใครจะถูกหรือผิด เป็นดุลพินิจของศาลฎีกาฯ ที่จะพิจารณากันต่อไป !

อ่านประกอบ :