กระชากหน้ากากขบวนการ‘คนจีน’ ลอบนำเข้าขยะอิเล็กฯทิ้งไทย-สตช. ล่า‘บิ๊ก’รู้เห็น?

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 05 มิถุนายน 2561 เวลา 14:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ | สตช. | กรมโรงงานอุตสาหกรรม | กรมศุลกากร

“…ปัจจุบัน สตช. กำลังไล่ล่าควานหาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน มีข้าราชการระดับสูง หรือว่านักการเมืองรายใดเข้าไปเกี่ยวหรือไม่ ? เพราะไม่อย่างนั้นขบวนการเหล่านี้ หากไม่มีระดับ ‘บิ๊ก’ เป็นคน ‘ไฟเขียว’ คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จนลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องระดับชาติในตอนนี้ !...”

PIC eleccc 5 6 61 11177

ขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก กำลังถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมกับกรมศุลกากร และกรมโรงงานอุตสาหกรรมตรวจสอบอย่างเข้มข้น

พบข้อเท็จจริง 3 กรณี

หนึ่ง บริษัท-โรงงาน ที่มีใบอนุญาตโควตานำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะต้องกำจัดทิ้งที่ไทยทั้งหมด ห้ามส่งต่อ จำนวน 7 แห่ง แต่มีอย่างน้อย 4 แห่งที่ทำผิดเงื่อนไข ส่งต่อขยะให้โรงงานอื่น เบื้องต้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมพักใบอนุญาตไปแล้ว

สอง บริษัท-โรงงาน ที่ไม่มีใบอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่สำแดงเท็จ อ้างว่า นำเข้าพลาสติก แต่แอบสอดไส้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามากำจัดในไทย

สาม บริษัท-โรงงาน ที่มีใบอนุญาตนำเข้าขยะพลาสติก แต่นำเข้าโดยไม่สะอาด ผิดประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยการนำเข้าพลาสติก ที่ห้ามนำมาล้างเศษพลาสติกที่ไทยอีก และพลาสติกนำเข้าต้องเป็นวัตถุดิบในโรงงานเท่านั้น ห้ามส่งต่อ

เบื้องต้น สตช. ดำเนินการบุกตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์-โรงงานต่าง ๆ จำนวนหลายแห่ง เพื่อดำเนินการเอาผิดแล้ว (อ่านประกอบ : เบื้องหลังขบวนการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก ไทยศูนย์กลางที่ทิ้งขยะโลก?, INFO:เปิดหมดพฤติการณ์ บ.นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่าแสนตัน พักใบอนุญาต4-สำแดงเท็จ5, ปอกเปลือกขบวนการ-ขั้นตอนโรงงานลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-จนท.รัฐรู้เห็น?)

คำถามสำคัญคือ ทำไมประเทศไทยถึงกลายเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ที่ทิ้ง-กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก ของโลกได้ ?

แหล่งข่าวระดับสูงจาก สตช. อธิบายสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ก่อนหน้านี้ประเทศจีนคือแหล่งกำจัดขยะพิษ รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ และขยะพลาสติก รายสำคัญของโลก ต่อมาช่วงปี 2559 รัฐบาลจีนได้ทำสัตยาบันลงนามกับสหประชาชาติว่าด้วยการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา รัฐบาลจีนกวดขันเข้มงวดห้ามไม่ให้บริษัท หรือโรงงานใดนำเข้าขยะเหล่านี้อีก

หวยจึงมาตกอยู่ที่ประเทศไทย ?

ย้อนไปประมาณ 10 ปีก่อน มีคนจีนกลุ่มหนึ่ง มาจัดตั้งบริษัทนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเทศไทย เพียงรายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขณะนั้นได้รับโควตานำเข้าไม่มากนัก เพราะที่ประเทศจีนยังรับกำจัดขยะเหล่านี้อยู่ โดยเบื้องต้นโรงงานของบริษัทนี้ตั้งอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรม แต่เมื่อเห็นว่า ขั้นตอนการกำจัดขยะมีกลิ่น หรือส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม อาจถูกเจ้าหน้าที่รัฐสงสัยเอาได้ จึงย้ายไปตั้งในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ แทน

หลังจากนั้นไม่กี่ปีรัฐบาลจีนเริ่ม ‘เอาจริง’ จำกัดโควตาการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก ส่งผลให้กลุ่มคนจีนที่ทำกิจการเหล่านี้ที่ประเทศจีน ‘หัวใส’ เห็นช่องทาง ติดต่อพรรคพวกกลุ่มคนจีนที่ตั้งบริษัทในไทยอยู่แล้วว่า จะเข้ามาทำกิจการเหล่านี้ในไทยได้อย่างไรบ้าง

ต่อมาคนจีนกลุ่มใหม่ เข้ามาเปิดกิจการทำโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยตั้งแต่ช่วงปี 2556-2557 เป็นต้นมา โดยร่วมมือกับคนจีนกลุ่มแรกที่เปิดบริษัทไว้อยู่ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว พร้อมยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้มีกลุ่มคนจีนที่เปิดบริษัท-โรงงาน ได้รับใบอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากำจัดแบบถูกกฎหมายเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมเป็น 4 แห่ง

หลังจากนั้นช่วงปี 2560 ที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้บริษัท-โรงงานนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มากำจัดที่จีน กลุ่มคนจีนที่เคยทำธุรกิจนี้หลายราย จึงติดต่อผ่านกลุ่มคนจีนที่เปิดบริษัท-โรงงานในไทยไว้แล้ว 4 แห่งว่า มีช่องทางอะไรบ้าง ?

เบื้องต้นกลุ่มคนจีน 4 บริษัทแรก แนะนำว่า ให้ขอใบอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และเปิดโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่กลุ่มคนจีนล็อตหลังนี้เห็นว่า การขอใบอนุญาตมีขั้นตอนยุ่งยาก และนิคมอุตสาหกรรมค่าเช่าที่แพง รวมถึงความเข้มงวดของกฎระเบียบต่าง ๆ ทำให้กลุ่มคนจีนล็อตหลังนี้ ไปตั้งโรงงานอยู่แถบชานเมือง เช่น จ.ฉะเชิงเทรา เป็นต้น

ส่วนขั้นตอนลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก แบ่งเป็น 3 กรณี

หนึ่ง บริษัทจีนกลุ่มแรกที่มีใบอนุญาต นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำแดงอย่างถูกต้อง แต่ว่าขยะเหล่านั้นไม่ได้ถูกส่งให้กับโรงงานของบริษัทจีนกลุ่มนี้ แต่ส่งต่อไปให้กับโรงงานของบริษัทจีนกลุ่มหลังที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อดำเนินการกำจัดแทน

สอง บริษัทจีนกลุ่มแรกที่มีใบอนุญาต นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ถูกต้อง และนำมากำจัดที่โรงงานของตนเอง แต่ยังคงมีเศษขยะหลงเหลือที่กำจัดไม่หมด จึงอ้างต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมศุลกากรว่า จะส่งต่อขยะเหล่านี้ไปกำจัดให้สิ้นซากที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าไทย แต่ข้อเท็จจริง กลับส่งขยะเหล่านี้ไปให้โรงงานของบริษัทจีนกลุ่มหลังที่ไม่มีใบอนุญาต

สาม บริษัทจีนกลุ่มหลังที่ไม่มีใบอนุญาต ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-พลาสติก โดยสำแดงเท็จ เป็นพลาสติก หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะนำไปกำจัดทิ้ง โดยวิธีการเผา หรือฝังกลบ

เงื่อนปมปัญหาเหล่านี้คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าเกี่ยวข้องหรือไม่ ในขั้นตอนไหน ?

แหล่งข่าว เล่าว่ามีอยู่ 2 ส่วน

หนึ่ง ขั้นตอนที่บริษัทคนจีนกลุ่มแรก 4 แห่ง ขออนุญาตโควตานำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เข้ามาตรวจสอบหรือไม่ว่าโรงงานมีมาตรฐานแค่ไหน หรือขนาดของโรงงานเหมาะสมกับโควตาที่ได้รับไหม หรือมาตรวจสอบแค่ครั้งเดียวตอนก่อตั้งแล้วจบ หลังจากนั้นเมื่อเกิดการลักลอบนำเข้า ไม่ได้กลับมาตรวจสอบอีก

สอง กรมศุลกากรได้เข้าไปตรวจสอบสินค้าที่บริษัท-โรงงานที่สำแดงสินค้าเข้าไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากตรวจอย่างรัดกุม-รอบคอบจริง ๆ แล้ว ยังไงก็ต้องเจอว่า มีบริษัท-โรงงานหลายแห่ง สำแดงเท็จ ลักลอบนำเข้าขยะเหล่านี้เข้ามา

แต่ที่ผ่านมากรมโรงงานอุตสาหกรรม กลับไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ทั้งที่ สตช. ขอข้อมูลใบอนุญาตโควตานำเข้าของบริษัท-โรงงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแล้ว แต่กรมโรงงานฯก็ยังไม่ให้ อ้างว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ

ปัจจุบัน สตช. กำลังไล่ล่าควานหาตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน มีข้าราชการระดับสูง หรือว่านักการเมืองรายใดเข้าไปเกี่ยวหรือไม่ ?

เพราะขบวนการเหล่านี้ หากไม่มีระดับ ‘บิ๊ก’ เป็นคน ‘ไฟเขียว’ คงยากที่จะเกิดขึ้นได้ กระทั่งลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องระดับชาติในตอนนี้ !