กรอ.ชี้ไทยมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ 6 หมื่นตันต่อปี
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ชี้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีจำนวนมากขึ้นตามการเติบโตของเทคโนโลยี โดยไทยมีปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์จากภาคอุตสาหกรรมในประเทศ 7,400 ตัน และนำเข้าประมาณ 53,000 ตัน
วันที่ 28 พฤษภาคม 2561 นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวถึงแนวโน้มการเพิ่มมากขึ้นของขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีจำนวนมากขึ้นตามการเติบโตของเทคโนโลยี สำหรับในประเทศไทยมีปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์จากภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าในปี 2560 กว่า 6 หมื่นตัน แบ่งเป็นจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศจำนวนประมาณ 7,400 ตัน และนำเข้าประมาณ 53,000 ตัน โดยการนำเข้าของเสียอิเล็กทรอนิกส์สามารถนำเข้าได้ตามขั้นตอนการขออนุญาตภายใต้อนุสัญญาบาเซล อันประกอบไปด้วยกระบวนการตั้งแต่การพิจารณาคำขอคำยินยอมจากหน่วยงานรัฐจากประเทศต้นทาง จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความพร้อมในด้านสถานที่จัดเก็บ ปริมาณการนำเข้า และกระบวนการผลิต ฯลฯ และหากได้รับการยินยอมแล้ว จะพิจารณาออกใบอนุญาตนำเข้าและขึ้นทะเบียน
ทั้งนี้ในการออกใบอนุญาตการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ นายมงคล กล่าวว่า จะออกให้เฉพาะโรงงานที่ประสงค์นำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเป็นวัตถุดิบในโรงงานของตนเองเท่านั้ ไม่สามารถนำไปขายหรือจำหน่ายต่อให้ผู้อื่นหรือโรงงานอื่นได้ และปริมาณที่นำเข้าต้องสอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงาน
อย่างไรก็ตาม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-waste คือกากขยะที่มาจากผลิตภัณฑ์จำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของโลกในการหาแนวทางในการจัดการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่เพราะส่วนประกอบในขยะอิเล็กทรอนิกส์มีแร่โลหะที่มีมูลค่าสูง ซึ่งหากมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมก็สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาลให้กับประเทศ สำหรับประเทศไทยมีโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจำนวน 132 โรงงาน
นายมงคล กล่าวด้วยว่า จากกรณีการพบขยะอิเล็กทรอนิกส์ในโรงงานของบริษัท ดับบลิว เอ็มดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด ในพื้นที่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา กรอ. ตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ไม่มีใบอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวในลำดับต่อไป กรอ. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแหล่งที่มาของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ว่ามาจากการลักลอบนำเข้า หรือมีการสำแดงข้อมูลอันเป็นเท็จต่อศุลกากรและเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องระวางโทษตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มาภาพ:https://www.recycling-magazine.com