- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- พลิกสำนวน ป.ป.ช.!ไขปม ‘ไม่ฟัน’ ซี 9 กรณีโอนเงินผ่านแบงก์ 46 ล. ‘เอาผิดยาก’
พลิกสำนวน ป.ป.ช.!ไขปม ‘ไม่ฟัน’ ซี 9 กรณีโอนเงินผ่านแบงก์ 46 ล. ‘เอาผิดยาก’
เปิดผลสอบ ป.ป.ช. เบื้องหลังมติไม่ฟัน ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ รพช. เรียกรับเงินจาก ขรก. กรณีโอนเงิน 46 ล. เข้าบัญชี ‘ประวิทย์’ อ้างเหตุแม้สงสัย แต่ ‘นานแล้ว เอาผิดยาก ไม่มีพยานชี้ชัด’เอาผิดเพียง ‘รับสด 3 ล.’ ในห้องทำงาน พบไร้ประเด็น‘เช็ค 5 ใบ’บัญชีลูกสาว ขรก.สกลนคร
คดีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปแล้วว่า ในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดผู้กระทำความผิดเพียงรายเดียวคือ นายทวี ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ (ระดับ 9) เพียงรายเดียว และในกรณีเดียวคือกรณีเรียกรับเงินสดจำนวน 3 ล้านบาทจากนายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบติการ รพช.ขอนแก่น ที่นำเงินใส่กล่องกระดาษไปมอบให้ที่ห้องทำงานของนายทวี ที่สำนักงาน รพช. เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2540 (ต่อมาศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายทวี 6 ปี)
ส่วนกรณีถูกกล่าวหาว่ารับเงินจากนายประสิทธิ์ในครั้งอื่นๆ และ กรณีเรียกรับเงินจากข้าราชการ รพช.คนอื่นกว่า 19 คน ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนายประวิทย์ รวมกว่า 46 ล้านบาท (อ่านประกอบ:เปิดหมด!รายชื่อ 20 ขรก.-เมีย โอนเงิน 46 ล.คดีซื้อเก้าอี้ รพช. ในสำนวน ป.ป.ช.) นั้น ป.ป.ช.เห็นว่า ‘ไม่มีมูล’ รวมถึง นายประวิทย์ อริยกานนท์ เจ้าของร้านขายเครื่องงจักรกล เจ้าของบัญชีผู้รับโอนด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า ป.ป.ช.ใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยในประเด็นกรณีพบหลักฐานบุคคลต่างๆโอนเงินเข้าบัญชีนายประวิทย์อย่างไร?
จากการตรวจสอบรายงานผลการสอบสวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งประเด็นวินิจฉัย ว่านายทวี ทวีวงศ์ กระทำความผิดหรือไม่ ไว้ 5 ประเด็น โดยกรณีดังกล่าวปรากฎอยู่ใน “ประเด็นที่ 1.3 นายทวี ทวีวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กระทำการเรียกและรับเงินจากข้าราชการสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทรายอื่นๆ เพื่อการโยกย้ายตำแหน่งและเลื่อนระดับหรือไม่”
สำนักข่าวอิศราเรียบเรียงมาเสนอดังนี้
เห็นว่า จากการไต่สวนพยานบุคคลที่ผู้กล่าวหาอ้างว่าเคยจ่ายเงินให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี)เพื่อการโยกย้ายตำแหน่งนั้น มีเพียงนายวรพจน์ ธีรอำพน ที่ให้การอ้างว่า เมื่อกลางปี 2538 ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รพช.จังหวัดขอนแก่น ได้นำเงินสดจำนวน 500,000 บาท ไปจ่ายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) ที่ห้องทำงานกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท เพื่อเป็นการขอบคุณที่ย้ายนายวรพจน์ จากตำแหน่ง รพช.จังหวัด กาฬสินธุ์ ให้มาดำรงตำแหน่ง รพช.จังหวัดขอนแก่น โดยนายวรพจน์ฯที่ให้การว่าเป็นผู้นำเงินไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) ด้วยตนเอง และไม่มีบุคคลอื่นอีกรู้เห็นเป็นพยาน และอ้างว่าเมื่อเดือนกันยายน 2539 ได้โอนเงินจำนวน 3,000,000 บาทเศษ เข้าบัญชีธนาคารสิกรไทย จำกัด (สาขา) ถนนมหาไชยของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เลขที่ 037-2-04887-5
แต่จากการตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีดังกล่าวในเดือนกันยายน 2539 และ เดือนตุลาคม 2539 นอกจากเงินของผู้กล่าวหา (นายประสิทธิ์) ที่โอนเข้าบัญชีดังกล่าวจำนวน 3,000,000 บาท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2539 แล้ว ก็ไม่ปรากฎว่ามีรายการนำเงินเข้าบัญชีดังกล่าวจำนวน 3,000,000 บาท อีก เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และ ที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าไม่เคยรับเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าวจากนายวรพจน์ฯ และจากการไต่สวนไม่ปรากฎพยานหลักฐานการรับเงินจำนวนดังกล่าวอีก พยานหลักฐานจึงยังฟังไม่ได้ว่า นายวรพจน์ ธีรอำพน ได้จ่ายเงินสดจำนวน 500,000 บาท ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และโอนเงินจำนวน 3,000,000 บาทเศษ เข้าบัญชีของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ตามที่กล่าวอ้าง
@พยานอ้างไม่ใช่ซื้อขายตำแหน่ง
กรณีปรากฎจำนวนเงินโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนมหาไชย เลขที่บัญชี 037-2-04887-5 ของนายประวิทย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จำนวนหลายรายการ ตามที่ผู้กล่าวหาอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) ได้เรียกรับเงินจากข้าราชการในสังกัดสำนักงาน รพช.ที่ประสงค์จะได้รับการแต่งตั้งและโยกย้ายในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบท และเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดต่างๆ โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว มีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เป็นผู้รับเงินและนำไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) ต่อไปนั้น
จากการไต่สวนพยานบุคคลซึ่งเป็นหรือเคยรับราชการในสังกัดสำนักงาน รพช. รวมทั้งญาติของบุคคลดังกล่าว ที่ปรากฎมีรายการโอนเงิน เข้าบัญชีดังกล่าว ต่างให้การปฏิเสธว่าเงินที่โอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ไม่ใช่เป็นการโอนเงินเพื่อส่งให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) เพื่อตอบแทนหรือให้ช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้ายหน้าที่หรือเลื่อนระดับให้สูงขึ้นแต่อย่างใด
โดยบุคคลต่างๆในการสอดคล้องกับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ว่ารู้จักกับผู้ถูกกล่าวที่ 2 (นายประวิทย์) มาก่อน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ทำการค้าขายอะไหล่เครื่องจักรกลกับสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทในจังหวัดต่างๆ เป็นประจำ เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือและติดต่อรู้จักกันมานาน เงินที่โอนเข้าบัญชีของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ช่วยนำไปซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราสกุลต่างประเทศเพื่อส่งให้บุตรที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ ,เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำไปชำระหนี้ค่าเงินดาวน์รถยนต์ ค่าซื้อเครื่องจักร (เก่า) และค่าซื้อรถยนต์บรรทุกที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เป็นตัวแทนในการติดต่อกับผู้ขาย , เพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) และบางครั้งก้ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กู้ยืมไปใช้หมุนเวียน ,เพื่อร่วมลงทุนกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซื้อที่ดินมาขายต่อ และบางรายก็ให้การว่าเป็นเงินของคนรู้จักที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ แต่เพื่อความสะดวกและปลอดภัยจึงนำมาขอให้ช่วยโอนผ่านบัญชีธนาคารและจะไปรับที่กรุงเทพฯ
โดยพยานบุคคลที่ให้การอ้างว่า โอนเงินให้แก่ผู้กล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เพื่อนำไปชำระค่าเงินดาวน์รถยนต์ ค่าซื้อเครื่องจักร (เก่า) และรถยนต์บรรทุก ได้ให้การระบุถึงยี่ห้อรถยนต์และหมายเลขทะเบียนรถยนต์ และอ้างส่งสำเนา รายการจดทะเบียนรถยนต์ และภาพถ่ายเครื่องจักร (เก่า) ประกอบคำให้การเพื่อไว้ให้ตรวจสอบด้วย
@ฝากแลกเงินสกุล ตปท. ฟังขึ้น
พยานบุคคลที่อ้างว่า โอนเงินให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เพื่อช่วยนำไปซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราสกุลต่างประเทศ เพื่อส่งให้บุตรที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ ได้ให้การระบุถึงบุตรที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ และได้มีการสอบคำให้การบุตรของพยานบางราย ได้ความว่าบุตรนั้นศึกษาอยู่ต่างประเทศและได้รับเงินตราต่างประเทศจากพยานในช่วงเวลาดังกล่าวจริง
และพยานบุคคลที่อ้างว่า โอนเงินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) และให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) กู้ยืมเงินนั้น ก็อ้างส่งสำเนาหลักฐานการกู้ยืมเงินประกอบคำให้การไว้ให้ตรวจสอบด้วย มิได้กล่าวอ้างลอยๆ จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อว่าเป็นความจริงตามคำให้การ
@มีข้อสงสัย แต่เกิดมานาน เอาผิดยาก
สำหรับพยานบุคคลที่ให้การอ้างว่าโอนเงินให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เพื่อร่วมทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน รวมถึงอ้างว่า บุคคลรู้จักนำเงินมาฝากให้โอนผ่านธนาคารเพื่อความสะดวก และปลอดภัยในการเดินทางเข้ามากรุงเทพฯนั้น แม้การอ้างว่า โอนเงินให้เพื่อร่วมทำธุรกิจซื้อขายที่ดินจะไม่มีพยานหลักฐานมายืนยัน และการอ้างว่าโอนเงินให้เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางนั้น จะมีความน่าสงสัยว่า เจ้าของเงินหรือผู้โอนนั้นน่าจะมีวิธีการอื่นที่มีความสะดวกและปลอดภัยไม่น้อยไปกว่าการโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ซึ่งมิใช่ญาติ และมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือเกี่ยวข้องกับเงินที่โอนนั้น แต่เนื่องจากระยะเวลาการโอนเข้าบัญชีธนาคาร เกิดขึ้นในช่วงปี 2539-2540 นับถึงปัจจุบันเกินกว่า 10 ปีแล้ว การตรวจสอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อทราบสาเหตุการโอนเงินว่าเป็นความจริงตามคำให้การของพยานหรือไม่ กระทำได้ยาก
และจากการไต่สวนไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าเงินที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท โอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) นั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) ได้ส่งเงินหรือโอนเงินต่อไปให้ผู้กล่าวหาที่ 1 (นายทวี) แต่อย่างใด
พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่า ข้าราชการของสำนักงาน รพช.มีการส่งเงินให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 (นายทวี) ผ่านบัญชีธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 (นายประวิทย์) เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือให้ผู้จ่ายเงินโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่และเลื่อนระดับให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามที่มีการกล่าวหา
ฉะนั้นจึงเห็นว่า พยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่า นายทวี ทวีวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กระทำการเรียกเงินและรับเงินจากข้าราชการสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทรายอื่นๆ เพื่อการโยกย้ายตำแหน่งและเลื่อนระดับ ข้อกล่าวหาประเด็นนี้ไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่วินิจฉัยกรณีมีเช็ค 5 ใบ (ฉบับ) โอนเข้าบัญชีของ น.ส.โอปอล์ บุตรสาวของนางสิรินพร เหล่าสิทธิสุข ภรรยานายสงวนศักดิ์ เหล่าสิทธิสุข รพช.จังหวัดสกลนคร แต่อย่างใด (อ่านประกอบ : เปิดหลักฐานใหม่ ! ไม่พบชื่อ‘เมีย’ซี 9 ถือหุ้นรับเหมา ช่วง‘เปิดบัญชี-รับเช็ค 5 ใบ’)
อ่านประกอบ :
เปิดหมด!รายชื่อ 20 ขรก.-เมีย โอนเงิน 46 ล.คดีซื้อเก้าอี้ รพช. ในสำนวน ป.ป.ช.
เปิด Sหลักฐvานใหม่ ! ไม่พบชื่อ‘เมีย’ซี 9 ถือหุ้นรับเหมา ช่วง‘เปิดบัญชี-รับเช็ค 5 ใบ’
เช็ค 5 ใบโผล่ คดีซื้อrxขายเก้าอี้ รพช.! 3 ฉบับ 4.2 ล. โอนเข้าบัญชีลูกสาว ซี 9
โฉมหน้า 5 ใบโอนเงิน 6.5 ล.!อ้าง ส.ส. กาฬสินธุ์ เจ้าของตัวจริง คดีสินบน รพช.r
เปิดใบโอนเงิน‘ซี 9-เมีย’ 11.5 ล.เข้าบัญชี ‘ประวิทย์’คดีสินบน-อ้าง 6.5 ล.ของ ส.ส.
เปิดตัว-คำให้การ ‘เมีย’ ซี 9 โอน 8.5 ล.เข้าบัญชี ‘ประวิทย์’ คดีสินบน รพช.
‘เมีย’อดีต ขรก.ใหญ่ มีเงินสะพัดเข้าบัญชี 30 ล. โยงคดีสินบนซื้อเก้าอี้ รพช.
INFO : เส้นทางการโอนเงินคดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.
สเตทเม้นท์บัญชี ‘ประวิทย์’ มีเงินโอนเข้าเกิน 3 แสน 132 ครั้ง จาก 16 จ. 19 สาขา
พบ ‘ประวิทย์’ จ่ายเช็ค 98 ฉบับให้ลูกชาย 4 คนเบิกเงินสด คดีสินบน รพช.
อดีต ส.ส.-บิ๊ก รพช. ใช้บัญชี ‘ประวิทย์’ โอนเงิน ‘ซื้อที่ดิน-ดาวน์รถ-เช่าพระเครื่อง’
เปิดบทสัมภาษณ์ 'ประวิทย์' เจ้าของบัญชีเงินฝากคดี รพช. "ผมไม่ได้รวยพันล้าน"
เปิดคำให้การ อดีต ผอ. รพช. รับเช็ค 2 ล. ‘ช่วยเมียลูกชายเพื่อนทำยอดเงินฝาก’
ขมวด 5 ขรก. โอนเงินเข้าบัญชี 'เจ้าของร้านเครื่องจักรกล' 27.4 ล. คดี รพช.
คำให้การ'เฉลิม-ชัยสิทธิ์'คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.-ปัดเปิด ร.ร.สั่งลูกน้องส่งหัวคิว 2%
ไทม์ไลน์ชัดๆ คดีเรียกรับ 3 ล. บิ๊ก รพช. 13 ปีในมือ ป.ป.ช.-ขาดอายุความ 1 ข้อหา
อดีตซี 9 ฟ้อง ผอ.รพช. อีกคดี!เรียกรับ 3 ล.- นักธุรกิจแจงแค่ยืมบัญชีโอนเงิน
เบื้องหลังจ่าย 3 ล.! คำให้การ ซี 8 “นายให้นโยบายต้องจัดส่งค่าบริหารงาน 1%”
พบอีก 2 ขรก. โผล่โอนเงินเข้าบัญชี'เสี่ย ป.'ใกล้ชิดบิ๊ก รพช. 3 ล. 'ไม่รู้ค่าอะไร'
เปิดใบโอนเงิน 3 ล้าน คดีสินบน รพช.
คำให้การลึก! คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช. คนเดียวจ่ายยิบให้ ‘บิ๊ก’ 8 ครั้ง 28 ล้าน
เปิดพฤติการณ์คดีสินบน 3 ล. ซี 9 รพช. เบิกเงินสดจากแบงก์ไปจ่ายถึงห้องทำงาน
ศาลสั่งจำคุก 6 ปี ซี 9 รพช.รับเงินสด 3 ล.ค่าซื้อเก้าอี้ ผอ.ศูนย์ขอนแก่น ไม่ให้ถูกย้าย