12 พรรค 75 ส.ส.โดนร้องถือหุ้น บ.จดทะเบียน'ครอบจักรวาล'รวม'สื่อ'-ลุ้นศาล รธน.ชี้ขาด?

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 13 มิถุนายน 2562 เวลา 18:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | Investigative | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

“…นี่คือข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเงื่อนปมการถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส. แบ่งได้ 2 กรณี 1.ถือครองหุ้นสื่อโดยตรง 2.ถือครองหุ้นแบบ ‘ครอบจักรวาล’ โดยมีบรรทัดฐานจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม ท้ายที่สุดต้องรอฟังผลจากศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นเช่นไร ?...”

PIC sannnoon 13 6 62 1

ปมร้อนกรณี 41 ส.ส. จาก 5 พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ถูกพรรคอนาคตใหม่ยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีถือครองหุ้นสื่อ กำลังเป็นที่พูดถึงในสังคมขณะนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา นายชวน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ได้ส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากพรรคอนาคตใหม่ พบว่า มี ส.ส. รวม 42 ราย ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 27 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 11 ราย พรรคภูมิใจไทย 1 ราย พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ราย พรรคชาติพัฒนา 1 ราย และพรรคประชาภิวัฒน์ 1 ราย ที่ถูกยื่นคำร้องถึงนายชวน ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ (อ่านประกอบ : ครบทุกชื่อ! 6 พรรค 42 ส.ส. ถูกร้องปมถือครองหุ้นสื่อ-‘ชวน’ชงศาล รธน.วินิจฉัย)

สำหรับข้อเท็จจริงกรณีการถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส. นั้น ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ที่กำหนดถึงคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามว่า ส.ส. ห้ามเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

เงื่อนปมนี้ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้น ต้องมีการกรอกวัตถุประสงค์การทำธุรกิจ และที่ผ่านมาเกือบทั้งหมด มักจดวัตถุประสงค์การทำธุรกิจหลากหลายประเภท เผื่อไว้ในอนาคต หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘จดทะเบียนครอบจักรวาล’ซึ่ง เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ

ถัดมา สมมติว่า นาย A จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาแห่งหนึ่ง ต้องการทำธุรกิจค้าข้าว ตอนจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์อย่างน้อย 24 ข้อ หนึ่งในนั้นมีการระบุว่า ประกอบกิจการสื่อด้วย แต่ตอนทำธุรกิจจริง เมื่อแจ้งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีรายได้จากการขายข้าว หมายความว่าบริษัทของนาย A ประกอบธุรกิจการขายข้าว แม้ว่าจะจดทะเบียนวัตถุประสงค์การประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทก็ตาม

ยกตัวอย่างอีกกรณี นาย B จัดตั้งบริษัทแห่งหนึ่ง ต้องการจะขายมันสำปะหลัง ตอนจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์อย่างน้อย 24 ข้อ หนึ่งในนั้น ระบุว่า ประกอบกิจการสื่อ ต่อมาเมื่อแจ้งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีรายได้จากการทำสื่อ นั่นหมายความว่า บริษัทของนาย B ประกอบกิจการสื่อ แม้แจ้งตอนแรกว่าต้องการขายมันสำปะหลังก็ตาม

สรุปคือ จะทราบได้ว่าบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือกิจการแห่งใด ประกอบธุรกิจอะไร นอกเหนือจากดูวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว จะต้องดูงบการเงินประกอบด้วยว่า มีรายได้จากการทำธุรกิจอะไร สามารถดูได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพราะเป็นข้อมูลเปิดเผย

ประเด็นถัดมา เงื่อมปมที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมตอนนี้ แบ่งได้ 2 กรณี

หนึ่ง กรณี ส.ส. ถือครองหุ้นในบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือกิจการที่ประกอบธุรกิจสื่อ ‘โดยตรง’ อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ กิจการแห่งนั้นจดทะเบียนวัตถุประสงค์การทำธุรกิจด้านสื่อ และมีรายได้จากงบการเงินมาจากการทำสื่อ เช่น กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แจ้งประกอบธุรกิจสื่อ และผลิตนิตยสารชื่อดัง รวมถึงรับจ้างผลิตนิตยสารให้กับเอกชน สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นายธนาธรโอนหุ้นบริษัทแห่งนี้เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 อย่างไรก็ดีนายธนาธรยืนยันว่า บริษัทแห่งนี้เลิกกิจการตั้งแต่ปลายปี 2561 และโอนหุ้นให้มารดาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 ก่อนรับสมัคร ส.ส. (อ่านประกอบ : 9 ข้อเสี่ยงจุดตาย 'ธนาธร' ปมโอนหุ้น 8 ม.ค.62 อยู่ที่ไหน - เช็ค 6.7 ล. หลาน 2 คน, 'ธนาธร'แจงโอนหุ้น 8 ม.ค.'แม่'โอนต่อให้'หลาน'จึงมีผู้ถือหุ้น 10 คน-ยันไม่ได้ร่วมประชุม)

(นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ชี้แจงต่อ กกต. กรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด, ภาพจากประชาชาติ)

สอง กรณี ส.ส. ถือครองหุ้นในบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือกิจการใดก็ตาม ที่จดทะเบียนวัตถุประสงค์การทำธุรกิจหลากหลายประเภท หรือ ‘จดทะเบียนครอบจักรวาล’ แต่หนึ่งในนั้นมีการระบุถึงการทำสื่อด้วย จะต้องไปดูเจตนารมณ์ของรายได้ในการประกอบธุรกิจ จากงบการเงินเป็นหลักว่า บริษัทแห่งนี้มีรายได้จากธุรกิจอะไร มีรายได้ส่วนหนึ่งจากธุรกิจสื่อหรือไม่

อย่างไรก็ดีประเด็นในกรณีที่สอง เกิดบรรทัดฐานขึ้น เนื่องจากในช่วงการรับสมัคร ส.ส. ระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ. 2562 ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ผอ.กกต.ประจำเขตบางแห่ง ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. เหล่านั้น แล้วพบว่า ถือครองหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียน ‘ครอบจักรวาล’ มีข้อหนึ่งระบุว่า ประกอบกิจการสื่อ จึงส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา ท้ายที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีผลคำพิพากษาออกมาใกล้เคียงกันในหลาย ๆ กรณีว่า แม้ว่าจะแจ้งประกอบธุรกิจอื่นก็ตาม หากมีข้อใดข้อหนึ่งระบุว่า ประกอบกิจการสื่อ ถือว่าเป็นบริษัทที่ทำสื่อ ทำให้ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง หรือบางรายแจ้งว่า เลิกกิจการสื่อไปแล้ว แต่ยังมิได้เสร็จการชำระบัญชี ให้ถือว่าบริษัทแห่งนั้นยังทำสื่ออยู่ เป็นต้น

นั่นจึงกลายเป็นชนวนเหตุให้มีการร้องเรียนบรรดา ส.ส. ทั้ง 7 พรรคฝ่ายค้าน และ 19 พรรคฝ่ายรัฐบาลให้ตรวจสอบกันอยู่ตอนนี้

(นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. ให้ตรวจสอบกรณี ส.ส. ถือครองหุ้นสื่อ, ภาพจากแนวหน้า)

สำหรับกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบ ส.ส. ถือครองหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนวัตถุประสงค์หลากหลาย และมีข้อหนึ่งระบุว่า ประกอบกิจการสื่อ หรือที่เรียกว่า ‘ครอบจักรวาล’ นั้น แบ่งได้ 2 กรณี

หนึ่ง ช่วงรับสมัคร ส.ส. ระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ. แต่ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562 การพิจารณาจะอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง

กรณีนี้ ผอ.กกต.เขตเลือกตั้ง จะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. เขตว่ามีรายใดมีลักษณะต้องห้ามบ้าง หากพบว่ามี จะยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งกรณีนี้มีผู้สมัคร ส.ส. หลายราย ที่ถูกพบว่า ถือครองหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียน ‘ครอบจักรวาล’ จนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไป

สอง ช่วงหลังการเลือกตั้ง การพิจารณาจะอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ต้องดำเนินการตามไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 คือ ส.ส. หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ในสภา สามารถยื่นคำร้องต่อประธานสภาให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพสิ้นสุดลงหรือไม่ นอกจากนี้ยังเปิดช่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถตรวจสอบได้ด้วยว่า มี ส.ส. หรือ ส.ว. รายใดมีสมาชิกภาพสิ้นสุดลง ให้ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน (อ่านรัฐธรรมนูญ คลิกที่นี่)

กรณีนี้ สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเด็นคือ

1.พรรคอนาคตใหม่ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ยื่นคำร้องไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้วินิจฉัยว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล 6 พรรค 42 ราย แบ่งเป็น พรรคพลังประชารัฐ 27 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 11 ราย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาภิวัฒน์ แห่งละ 1 ราย ถือครองหุ้นสื่อที่จดทะเบียนแบบ ‘ครอบจักรวาล’ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) หรือไม่

2.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หรือ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือคนอื่น ๆ ร้องเรียนไปยังสำนักงาน กกต. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. ถือครองหุ้นสื่อที่จดทะเบียนแบบ ‘สื่อโดยตรง’ และ ‘ครอบจักรวาล’

(ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ 32 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน, ภาพจาก MGR Online)

ในชั้นการไต่สวนของ กกต. ส.ส. ที่ถือครองหุ้นสื่อโดยตรง ที่อาจขาดคุณสมบัติ หรือโอนหุ้นหลังรับสมัคร ส.ส. (หลังวันที่ 4-8 ก.พ. 2562) ข้อมูลขณะนี้มีอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปัจจุบัน กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้วินิจฉัย และสั่งให้นายธนาธร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เป็นการชั่วคราว โดยนายธนาธรได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชี้แจง รวมเป็น 45 วัน อีกรายหนึ่งคือ น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร เขต 5 ที่ถูก ร.อ.ทรงกลด ยื่นคำร้อง โดยพบว่า ถือหุ้นในบริษัท ภูมิ-ทัศน์ (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจ ข้อ (23) ระบุ ประกอบกิจการ ผลิตวัสดุ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ โปสเตอร์ รูปภาพ ชงตราสัญญลักษณ์และสิ่งพิมพ์อื่น ๆ และทำการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2562 หลังการรับสมัคร ส.ส. (อ่านประกอบ : พบ บ.ว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย สกลนคร โอนหุ้น โฆษณา สิ่งพิมพ์ 10 เม.ย.62-เจ้าตัวแจง กกต.แล้ว)

ส่วน ส.ส. ที่ถือครองหุ้นจดทะเบียนแบบ ‘ครอบจักรวาล’ เท่าที่ตรวจสอบพบมีอย่างน้อย 75 ราย จาก 12 พรรค แบ่งเป็น 32 รายจาก 6 พรรคฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 10 ราย พรรคอนาคตใหม่ 7 ราย พรรคเสรีรวมไทย 6 ราย พรรคเพื่อชาติ 5 ราย พรรคพลังปวงชนไทย 2 ราย และพรรคประชาชาติ 2 ราย และในวันที่ 14 มิ.ย. 2562 นายศรีสุวรรณ จะนำข้อมูลของพรรคอนาคตใหม่ ไปยื่นเรื่องร้องเรียนแก่ กกต. เพิ่มเติมอีก 42 ราย จาก 6 พรรคฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 27 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 11 ราย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาภิวัฒน์ แห่งละ 1 ราย

ดังนั้นหากนับรวม ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่ตรวจสอบพบขณะนี้มีอย่างน้อย 77 ราย แบ่งเป็น ส.ส.แบบถือครองหุ้นสื่อโดยตรง 2 ราย ได้แก่ นายธนาธร และ น.ส.สกุณา ส่วน ส.ส. ที่จดทะเบียน ‘ครอบจักรวาล’ มี 75 ราย จาก 11 พรรคการเมือง

นี่คือข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเงื่อนปมการถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส. แบ่งได้ 2 กรณี 1.ถือครองหุ้นสื่อโดยตรง 2.ถือครองหุ้นแบบ ‘ครอบจักรวาล’ โดยมีบรรทัดฐานจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคม

ท้ายที่สุดต้องรอฟังผลจากศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นเช่นไร ?

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/