มูลนิธิสืบฯ ย้ำให้สังคมจับตาคดีเสือดำ ชี้เจตนาชัด จี้ตร.เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้อง
ศศิน ย้ำสังคมต้องช่วยจับตาคดีเสือดำ เน้นให้ดูพฤตการณ์คดี เจตนาของการกระทำผิด อย่าเบี่ยงเบนในเรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญของคดี ลุ้น 26 มี.ค. ส่งฟ้องหรือไม่ หลังพบความล่าช้าทั้งที่หลักฐานชัดเจน
จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 3 คน ในพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองพร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืนนั้น จนวันนี้ผ่านมาครบระยะ 1 เดือนแล้วแต่การสอบสวนเพื่อการดำเนินคดีต่อนายเปรมชัยกับพวกกลับดำเนินไปอย่างล่าช้าในสายตาของสาธารณชน
ล่าสุดเมื่อวันที่5 มี.ค.61 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดแถลงการณ์ 1 เดือนความคืบหน้า คดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ 61 ที่สำนักงานมูลนิธิฯ
นายศศิน เฉลิมลาภประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้กรมอุทยานฯ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดังนั้นในแง่การดูสำนวนคดีมีเพียงกรมอุทยานฯ ที่ดูได้ว่าสำนวนจะออกมาอย่างไร ซึ่งจากกรณีเสือดำทุ่งใหญ่ฯ หากแยกเป็นรายคดีจะพบว่ามีตั้งแต่ข้อหาพกอาวุธปืนในพื้นที่ห้ามพกอาวุธ คดีครอบครองซากสัตว์ป่า และที่สำคัญคือเจตนาล่า ฆ่าสัตว์ป่า ตามพ.ร.บ.อุทยานฯ โดยมีพฤติการณ์แห่งคดี โดยมีหลักฐานที่เปลี่ยนไม่ได้นั่นคือ ซากเสือดำ รอยกระสุน และส่วนพยานที่บิดเบือนได้อย่าง พยานบุคคล พยานนิติวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ถ้าพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.บอกว่า ตอนนี้รวบรวมหลักฐานได้กว่า 90% และจะสามารถส่งฟ้องได้ภายใน 26 มี.ค.นี้
นายศศิน กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นพยานที่เปลี่ยนไม่ได้ น่าจะเร่งรัดและเร่งให้มีการส่งฟ้อง แต่ถ้าสมมติกรมอุทยานฯ ไปดูสำนวนคดีแล้วพบว่าเรื่องนี้หลุดไป เช่น ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า อาวุธปืนกระบอกไหนยิงเสือดำ หรือใครเป็นคนยิง พวกนี้จะเข้าไปสู่การพิจารณาแบบประมวลกฎหมายอาญา ที่ต้องหาหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นหลักฐานถ้าไม่เพียงพอ เลวร้ายสุดคือไม่มีการยื่นส่งฟ้อง ฟ้องเลย หรือคลุมเครือจนศาลไม่สามารถพิจารณาได้
“ซึ่งถ้าเกิดกรณีแบบนี้แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่มูลนิธิสืบฯ ประชาชนชาวไทยไม่น่าจะยอม แต่มีสำนวนที่ชัดเจนว่า ร่วมกันเจตนาทำผิด ฆ่าล่า อันนี้ต้องปล่อยให้ศาลพิจารณา แต่ถ้าประเด็นนี้หลุดไป และมีแค่ครอบครอง อาวุธปืน แบบนี้ก็รับไม่ได้ เพราะว่ากระสุนหลายนัดที่ยิงไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดนี้ ไม่น่าจะคุ้ม เพราะฉะนั้นขอให้มีการดำเนินไปตามพฤติการณ์แห่งคดี” ประธานมูลนิธิสืบฯ กล่าวและว่า อย่าลืมว่าผู้ต้องหามีสิทธิไม่รับสารภาพ ก็ต้องพิจารณาตามอาญา แต่พฤติการณ์แห่งคดีไม่ซับซ้อน แต่ดราม่าทำให้คดีสับสน ปกติเวลาจับกุมพรานล่าสัตว์ ถ้าหลักฐานชัด รับสารภาพจบดำเนินคดีเลย แต่คณะนี้เข้าไปสี่คน เจตนาร่วมกันกระทำผิด แต่ข่าวสารมุ่งไปหาเพียงผู้กระทำผิดหลัก ดังนั้นสิ่งที่มูลนิธิสืบฯ ยึดคือ ให้ยึดพฤติการณ์ที่ชัดเจนและเบี่ยงเบนไม่ได้ ให้เน้นเรื่องเจตนา วันนี้มีการสืบสวนหลายประเด็น จนทำให้เจตนาคลาดเคลื่อน มีความพยายามเบี่ยงเอาประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญมาดำเนินคดี
ด้าน นายภาณุเดชเกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า
1. เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่า นายเปรมชัยกับพวกลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถก่อนขอ อนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่จะลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์ในเส้นทางและบริเวณพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปซึ่งเป็นบริเวณที่สงวนไว้สำหรับการอยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่าตามธรรมชาติอีก แสดงให้เห็นว่า นายเปรมชัยกับพวกมีเจตนาเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อล่าสัตว์ป่า ตั้งแต่แรกแล้วมิได้มีเจตนาเข้าไปเพียง เพื่อการพักผ่อน อย่างที่กล่าวอ้าง ประกอบกับเสียงปืนที่ดังมาจาก บริเวณที่ไม่อนุญาต ให้เข้าไปจึงมีเพียงกลุ่มของนายเปรมชัยกับพวกเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เข้ามา พร้อมกับอาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุน รวมถึงซากสัตว์ป่า และร่องรอยกระสุน บนซากสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย รวมถึงการประกอบอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ป่า ที่ตรวจพบในบริเวณที่ตั้งแคมป์ล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่ชัดเจนยิ่งว่านายเปรมชัยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้วนอกเหนือจากความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง และฐานซ่อนเร้น และความผิดประกอบอื่นๆ
2. จากพฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานที่ปรากฎทำให้เห็นได้ชัดว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อนจึงขอเร่งรัดให้ฝ่ายที่ดูแล และรับผิดชอบการดำเนินคดี โดยเฉพาะตำรวจ เร่งรัดดำเนินการเพื่อสรุปสำนวน พร้อมความเห็นไปยัง อัยการและส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็วและอย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการสอบสวนโดยการมุ่งไปสู่การเสาะหาพยานวัตถุที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
3. ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล เร่งรัดติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และขอให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบสำนวนคดีในชั้นอัยการอย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้องศาลเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนไปจากพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏชัดแจ้งนี้
4. ขอให้รัฐบาลหน่วยงานของภาครัฐออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันประณามผู้ที่มีเจตนาในการทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคมต่อไปในอนาคต
อ่านประกอบ
สังคมไทยเรียนรู้อะไรจาก 'เสือดำ-เปรมชัย' หรือเราจะหยุดคุยกันแค่นี้ แล้วลืมไป
วัลลภ ชี้เป็นหน้าที่ รมต.กวดขัน ออกประกาศ ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ฯ
กรมอุทยานฯ เรียกประชุม คกก.ติดตามคดี ‘เปรมชัย’ พร้อมตรวจสำนวน 28 ก.พ. 61
เปิดตำนาน คดีดัง “เก็บเห็ด เสือดำ” มูลเหตุหนุนเพิ่มโทษล่าสัตว์ ไม่ต่ำกว่า 4 ปี
จุฬาฯ เสวนา วิเคราะห์ปม ‘สัตว์โลกถูกคุกคาม’ จากเสือดำ สู่ วาระรอการแก้ไข
โฆษกกรมอุทยานฯยกเคสเปรมชัย บทเรียนจัดพื้นที่ป่าเพื่อการท่องเที่ยวใหม่
เจาะคลังแสง'เปรมชัย'เผยโฉมไรเฟิล.30-06 ยิงช้างล้มทั้งตัว-พรานล่าสัตว์นิยมใช้ทั่วโลก
ป่าลั่น!พลิกธุรกิจ‘เปรมชัย’ซีอีโอ แสนล.-กก.106 บริษัท-คู่ค้าใหญ่ภาครัฐ ก.ทรัพยฯด้วย