กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : จรรยาบรรณและคุณธรรมสถาบันการเงิน (2)
"...ผมตีความจากจดหมายที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยส่งให้ผม แล้วเห็นว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยคงเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้รับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาอย่างเพียงพอ และไม่ได้รับรายละเอียดที่อ้างว่ามีการกระทำความผิด รวมถึงการไม่ได้เข้าถึงข้อมูลและเอกสารที่ถูกอ้างว่าเป็นหลักฐานนั้น ธนาคารกรุงไทยทำไม่ได้เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้หากธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่า ธนาคารกรุงไทยดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบและกล่าวหาอย่างถูกต้องแล้ว คงไม่มีคำสั่งให้ธนาคารกรุงไทยดำเนินการเช่นนั้น..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว(Kittiphun Anutarasoti) แสดงความเห็นต่อกรณีถูกคณะกรรมการสอบสวนของธนาคารกรุงไทย แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดร้ายแรง เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ในการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงในการเสนอปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย โดยใช้ชื่อตอนล่าสุดว่า จรรยาบรรณและคุณธรรมสถาบันการเงิน ตอนที่ 2
---------------------
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีโอกาส update ทุกท่านในตอนที่ 9 ว่าผมตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ไป เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ ในการให้รายละเอียดข้อกล่าวหา รวมถึงการยืนยันไม่ให้เอกสารที่มีการอ้างอิงว่าเป็นหลักฐาน ทั้งที่เป็นสิทธิ์ซึ่งผมพึงได้รับตามกฎหมาย (อ่านประกอบ : กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : จรรยาบรรณและคุณธรรมสถาบันการเงิน)
เมื่อวันพุธที่ 24 เมษายน ผมได้รับจดหมายฉบับลงวันที่ 12 เมษายน 2562 จากธนาคารกรุงไทย ที่ตอบจดหมายผมฉบับลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผมขอรายละเอียดข้อกล่าวหาเพื่อผมจะได้ชี้แจงได้ ผมแปลกใจวันที่ลงในจดหมายของธนาคารกรุงไทยนิดหน่อยครับ เพราะลงวันที่ก่อนผมยื่นอุทธรณ์ และใช้เวลาเดินทางถึง 12 วัน ทั้งที่ปรกติแค่วันเดียวก็ถึงแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ถึงจะได้รับจดหมายนี้ก่อนหน้านี้ ก็คงไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร เพราะไม่ได้มีการให้รายละเอียดหรือข้อมูลใดๆ มาเลย นอกจากการยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ส่งมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 นั้นชัดเจนอยู่แล้ว ดูจากระยะเวลาที่ใช้กว่า 2 เดือนในการตอบ ผมคิดว่าน่าจะเป็นการตอบตามคำขอหรือคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผมทราบมาว่า มีการเรียกประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย และกรรมการอีกหลายท่านไปพบ เรื่องการให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทุกๆคน
ผมขอลงรูปเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ดูอีกครั้งนะครับ เริ่มตั้งแต่จดหมายที่กล่าวหาผมวันที่ 25 ธันวาคม 2561 และจดหมายที่ผมขอรายละเอียดข้อกล่าวหาครั้งสุดท้ายฉบับลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ตลอดจนจดหมายจากธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2562 รวมทั้งจดหมายที่ธนาคารกรุงไทยตอบมาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 (ดูเอกสารประกอบ ที่นี่ https://www.facebook.com/kittiphun.anutarasoti/posts/2494173857262131)
ผมเลยถือโอกาสนี้ update ให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย และทุกๆ ท่านได้เห็นคำตอบของทางธนาคารกรุงไทย ว่าถึงแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย จะได้แจ้งให้ธนาคารกรุงไทย พิจารณาให้ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนได้รับทราบข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหาอย่างเพียงพอ ตลอดจนเข้าถึงข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ทางธนาคารกรุงไทย กลับตอบมาโดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ เหมือนเดิม และยังได้มีการยืนยันว่า ข้อกล่าวหาฉบับลงวันที่ 25 ธันวาคม 2561 นั้นชัดเจนอยู่แล้ว
ผมตีความจากจดหมายที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยส่งให้ผม แล้วเห็นว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยคงเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้รับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาอย่างเพียงพอ และไม่ได้รับรายละเอียดที่อ้างว่ามีการกระทำความผิด รวมถึงการไม่ได้เข้าถึงข้อมูลและเอกสารที่ถูกอ้างว่าเป็นหลักฐานนั้น ธนาคารกรุงไทยทำไม่ได้เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้หากธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่า ธนาคารกรุงไทยดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบและกล่าวหาอย่างถูกต้องแล้ว คงไม่มีคำสั่งให้ธนาคารกรุงไทยดำเนินการเช่นนั้น
ท่านลองพิจารณาดูครับว่า จากเอกสารทั้งหมด ท่านคิดว่าทางธนาคารกรุงไทย ได้ทำตามคำสั่งธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร
วันนี้ผมมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะ จึงขอแบ่งเรื่องเป็น 3 หัวข้อหลักๆ นะครับ
#1 ข้อกล่าวหาและเอกสารพยานหลักฐาน ใครกันแน่ที่ผิด ใครกันแน่ที่อาจปกปิดข้อเท็จจริง#
ผมก็แปลกใจและไม่เข้าใจนะครับ ว่าธนาคารกรุงไทยกล่าวหาผมว่ากระทำความผิด แต่ทำไมธนาคารกรุงไทยถึงให้รายละเอียดและแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดไม่ได้ หากจะบอกว่าผมทำอะไรผิด ก็บอกมาให้ชัดได้นะครับว่า ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ถึงแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้ธนาคารกรุงไทยได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ชัดเจน และให้ผมเข้าถึงพยานหลักฐานต่างๆได้ตามกฎหมาย ธนาคารกรุงไทยก็ยังคงเพิกเฉย สถานการณ์แบบนี้ชวนให้ผมคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ธนาคารกรุงไทยไม่มีพยานหลักฐานในการกล่าวหาผม เมื่อถูกทุกฝ่ายตั้งคำถามจึงใช้วิธีเงียบอย่างเดียว ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมใช้เวลาไปกับทีมกฎหมาย เพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะผมเห็นว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกคนต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ผมขอยกตัวอย่างข้อกล่าวหาซัก 2 ข้อ เป็นตัวอย่างครับ ว่าหากผมได้รับทราบข้อกล่าวหาที่ชัดเจน และได้รับการเข้าถึงเอกสาร ผมมั่นใจว่าสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างชัดแจ้งแน่นอน
1) ข้อกล่าวหาที่ว่า ผมไม่ควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อและคณะกรรมการบริหารกำหนดนั้น ผมก็อยากทราบว่าคณะกรรมการกำหนดเงื่อนไขอะไร และทางทีมงานได้ปฏิบัติอย่างไรที่ไม่เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด จาก work flow ของธนาคารกรุงไทย ผมต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับกระบวนการดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร
2) ข้อกล่าวหาที่ว่า ผมไม่คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เนื่องจากกำหนดเงื่อนไขการชำระหนี้ในสิ้นปีที่ 5 กำหนดให้ลูกหนี้จะต้องนำเงินมาชำระหนี้ให้ธนาคาร จากการ refinance หนี้ที่เหลืออยู่ (41% ของวงเงิน) และมีการนำเสนอให้ระงับการใช้วงเงินความเสี่ยงต่ำเป็นความเสี่ยงสูง เรื่องนี้ผมถามหน่อยเถอะครับ ใครอนุมัติครับ ผมไม่ใช่คนอนุมัติ คณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อมีกี่ท่าน มีใครบ้าง และในคณะกรรมการบริหารมีใครบ้าง มติคณะกรรมการทั้งสองชุดบันทึกว่าอะไร หากดูจากข้อกล่าวหาของธนาคารกรุงไทย ผมสงสัยว่าคณะกรรมการลืมไปหรือเปล่าว่าคณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อท่านอื่นๆ และคณะกรรมการบริหารนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งของแต่ละเรื่อง เข้าใจทุกประเด็นได้อย่างดี และก่อนอนุมติได้สอบถามข้อสงสัยทุกเรื่องอย่างละเอียด ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้องคงไม่มีทางอนุมัติครับ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่ผมเชื่อว่า หากได้รับทราบข้อกล่าวหาที่ชัดเจน และได้รับการเข้าถึงเอกสารที่อ้างว่าเป็นหลักฐานต่างๆ ผมเชื่อว่าผมสามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนทุกๆข้อแน่นอน เพียงแต่ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องนี้จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 2 ปี ผมยังคงไม่ได้รับสิทธิ์ที่ผมพึงมีตามกฎหมายดังกล่าว เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ผมจึงต้องการให้ทุกท่านได้รับรู้ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่เคยมีใครบอก แล้วท่านจะทราบว่าความจริงที่เกิดขึ้นคืออะไร ใครกันแน่ที่เป็นคนผิด และใครกันแน่ที่อาจปกปิดข้อเท็จจริง
#2 สินเชื่อ vs หุ้นกู้ มาตรฐานการกล่าวหาที่แตกต่าง#
นอกจากเรื่องการไม่ให้รายละเอียดข้อกล่าวหา และการเข้าถึงเอกสารแล้ว หากพิจารณาจากจดหมายกล่าวหาของกรุงไทย ผมยังเห็นว่า มีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ดูเหมือนไม่ได้มีการพิจารณาถึงทุกบทบาทของธนาคารกรุงไทย เพราะมีความไม่สอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัดในการกล่าวหาเรื่องสินเชื่อ โดยเฉพาะหากพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหุ้นกู้
อย่างที่ผมเคยเขียนไปในตอนที่ 3 ธนาคารกรุงไทยมีหลายบทบาท ตั้งแต่ให้สินเชื่อ รวมไปถึงการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ผมขอยกตัวอย่าง ข้อกล่าวหาที่ว่าผมไม่ยับยั้งการเบิกเงินกู้ในเดือนสิงหาคม 2558 จากงบการเงินที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 2 ปี 2558 ซึ่งประกาศในวันที่ 14 สิงหาคม 2558 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร แต่ธนาคารกรุงไทยลืมไปแล้วหรือว่า หลังจากเดือนสิงหาคม 2558 นำหุ้นกู้ไปขายอีก 2ชุด จำนวนรวม 5,500 ล้านบาท
ครั้งที่ 1 จำนวน 1,500 ล้านบาท ในเดือนธันวาคม 2558 ด้วยข้อมูลทางการเงินไตรมาส 3 ปี 2558 ผลประกอบการไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 2558 แทบไม่มีความแตกต่างกัน
ครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 4,000 ล้านบาท ในเดือนตุลาคม 2559 ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2559 ที่ใช้ประกอบการออกหุ้นกู้ชุดนี้ หากเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2558 มีการอ่อนตัวลงกว่าเดิมพอสมควร
ผมขอลงรูปผลประกอบการในช่วงเวลาต่างๆข้างต้น เทียบให้ดูอีกครั้งนะครับ ผมขอเตือนความจำคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยซักนิดครับ ว่าธนาคารกรุงไทยเป็นแกนนำในการขายหุ้นกู้ทั้งสองชุด
ยิ่งไปกว่านั้น ผมว่าคำถามที่น่าสนใจคือ ธนาคารกรุงไทยโดยคณะกรรมการบริหาร มีความคิดเห็นอย่างไรกับผลประกอบการและงบดุลของกลุ่มลูกหนี้ก่อนออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 เรื่องแบบนี้ธนาคารมีการบันทึกไว้ชัดเจน แล้วการขายหุ้นกู้นั้น สอดคล้องหรือไม่กับมุมมองด้านความเสี่ยงโดยคณะกรรมการบริหาร หากการไม่ยับยั้งการเบิกเงินกู้ในเดือนสิงหาคม 2558 เป็นเหตุให้ธนาคารเสียหาย ผมถามง่ายๆว่า ธนาคารกรุงไทยโดยบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องการขายหุ้นกู้คือผู้ที่ทำความเสียหายให้กับลูกค้าที่ซื้อหุ้นกู้จากธนาคารกรุงไทยหรือไม่ นี่คือคำถามที่ผมและหลายคนอยากได้คำตอบ
ถ้าคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย มีความจริงใจกับลูกค้ารายย่อย ผมคิดว่า คณะกรรมการธนาคาร ควรชี้แจงให้ลูกค้าที่เสียหายได้ทราบว่า คณะกรรมการมีความคิดเห็นอย่างไรกับผู้บริหารที่รับผิดชอบในการขายหุ้นกู้ที่ทำหน้าที่ในขณะนั้น (ท่านไปตรวจสอบชื่อได้ครับ) หากการขายหุ้นกู้นั้นไม่สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการบริหารในขณะนั้น คณะกรรมการธนาคารจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ลูกค้าธนาคารมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ผมคิดว่าการแก้ปัญหาแบบนี้ มีแต่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าธนาคารกรุงไทยโปร่งใสครับ ในทางกลับกัน ถ้าคณะกรรมการธนาคารเพิกเฉย ไม่ทำอะไร ประชาชนก็ยังมีคำถามอยู่ไม่จบ
#3 ข้อความฝากถึงธนาคารประเทศไทยและประธานคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย#
ถ้าธนาคารกรุงไทยยังเงียบอยู่แบบนี้ ประชาชนจะมีคำถามว่า ธนาคารกรุงไทยกำลังทำอะไร แล้วจะถามต่อไปว่าธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลธนาคารกรุงไทยกำลังทำอะไร ทำไมถึงเงียบกันหมด ในขณะที่ประชาชนได้รับความเสียหายและความไม่เป็นธรรม ผมเองได้ร้องเรียนไปทางธนาคารแห่งประเทศไทยหลายครั้งแล้วว่า ธนาคารกรุงไทยกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมาย จนบัดนี้ผมยังไม่ได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทยว่า เรื่องนี้ได้ถูกจัดการอย่างไร ผมยังคอยคำตอบอยู่ครับ
ผมขอพูดถึงบทบาทธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลธนาคารกรุงไทยว่า ผมมีโอกาสไปดูประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ผมเห็นว่าในเรื่องดังกล่าว มีการพูดถึงบทบาทและความรับผิดชอบต่อประชาชนและสังคม ในวันนี้ ผมเป็นผู้เสียหายและได้ร้องเรียนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยว่าธนาคารกรุงไทยทำผิดกฎหมายและทำผิดจริยธรรม ผมก็หวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะทำตามประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณพนักงาน ที่มีการเน้นย้ำเรื่อง มีความเป็นกลาง เที่ยงธรรม ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวของธนาคารกรุงไทยไม่มีความเป็นธรรมมากพอกับผู้ถูกกล่าวหา
ผมอยากฝากถามถึงประธานคณะกรรมการกรุงไทย ดร. เอกนิติ ว่าการกระทำของฝ่ายจัดการที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ เป็นไปตามที่ท่านเห็นสมควรหรือไม่ หลังจากมีคำสั่งจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ทางธนาคารกรุงไทยส่งรายละเอียดให้ผู้ถูกกล่าวหา แต่ทางฝ่ายจัดการยืนยันว่า สิ่งที่ทำไป ชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่สนใจต่อคำสั่งของท่านและธนาคารแห่งประเทศไทย ผมจึงสงสัยต่อไปว่า ธนาคารกรุงไทยทำแบบนี้ได้หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลธนาคารกรุงไทยมีบทลงโทษอะไรหรือไม่ หรือว่า ทุกคดีต้องมุ่งไปที่ศาลยุติธรรมอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นผมขอถามต่อไปครับว่า ตามกฎหมายแล้ว ถ้าพนักงานของรัฐจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจนทำให้ผมได้รับความเสียหายแล้ว ต้องรับผิดทางอาญาไหมครับ
ผมเลยขอตั้งคำถามไว้ครับ ว่าจรรยาบรรณสถาบันการเงิน และคุณธรรม แปลว่า อะไรแน่ และมีจริงหรือไม่...
#จรรยาบรรณสถาบันการเงิน มีจริงหรือแค่พูดให้ดูดี
#บทพิสูจน์ผู้กำกับดูแลสถาบันการเงิน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : จรรยาบรรณและคุณธรรมสถาบันการเงิน
กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : ตัวละครลับ กับมาตรฐานที่แตกต่างกัน?
กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : หมื่นสองพันล้านเกิดขึ้นอย่างไร...?
เบื้องลึก! 'กิตติพันธ์' ขอพักงาน ซีไอเอ็มบี 2 ด. สู้ข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธฯ-ตอนนี้มีอะไรในมือบ้าง?
ซีไอเอ็มบี แจ้งตลาดฯ 'กิตติพันธ์' ขอพักงาน 2 ด. ไปต่อสู้ข้อกล่าวหาปล่อยกู้เอิร์ธฯ
กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ : ศักดิ์ศรีจรรยาบรรณวิชาชีพนายธนาคาร กับ กรณีปล่อยกู้เอิร์ธฯ
กรุงไทย ยันไม่เคยหารือเอิร์ธฯออกมติเชิญเป็นกก.ย้ำสถานะผู้เสียหายฟ้องแพ่ง-อาญา
ก.ล.ต. กล่าวโทษ ก.ก. EARTH 11 ราย ยินยอมให้ลงข้อความเท็จหนี้เพิ่ม2.6หมื่นล้าน
ตั้ง บ.อีวายฯ ทำแผน! ศาลสั่งฟื้นฟูกิจการ‘เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ’-หลังปมหนี้ 2.6 หมื่นล.
ถ้าผิดจริงคุก240ปี! กรุงไทยเตรียมแจ้งดีเอสไอเพิ่ม-พบปลอมใบขนถ่านหิน80ฉบับเกือบหมื่นล.
ใช้1.5หมื่นล.แลกเหมืองถ่านหิน! เปิดรายงานตรวจสอบบ.เอิร์ธฯ สัญญาซื้อ3หมื่นล.ล่องหน
แนะกสิกรไทย-กรุงศรี-ธสน.ตรวจสอบใบขนถ่านหิน 'เอิร์ธ' หวั่นเจอเหมือนกรุงไทย!
ฉ้อโกงกรุงไทยหลายพันล.ปลอมใบขนถ่านหิน บ.เอิร์ธกู้เงิน-แจ้งดีเอสไอลุยสอบ