‘สมหมาย ภาษี’ เชื่อนักการเมืองไม่กล้าขึ้น VAT 3% ออมยามชรา
อดีต รมว.คลัง ไม่เห็นด้วยดัน Earmarked tax ปรับ VATเพิ่มอีก 3% เข้าเป็นเงินออมผู้บริโภคยามชรา เผยไม่ถูกหลักภาษี ทำไม่ได้ เเนะสร้างกิจกรรม ส่งเสริมทำประโยชน์ มีรายได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป
ข้อเสนอหนึ่งจากเวทีเสวนานโยบายพรรคการเมือง “รัฐบาลใหม่กับการรับมือสังคมสูงวัย ภาระที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือ การผลักดันให้มีการทำ Earmarked tax (ภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ โดยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 แล้วนำส่วนต่างร้อยละ 3 เข้าบัญชีของผู้ซื้อ โดยรัฐไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อบังคับออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ (อ่านประกอบ:ดีเบต 4 พรรคใหญ่ ถกประเด็น “กลไกภาษีบังคับออม” ผู้สูงอายุ)
นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงความเป็นไปได้ ในการทำ Earmarked tax ซึ่งเก็บ VAT จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 โดยนำส่วนต่างมาจัดสรรเป็นเงินออมแก่ผู้สูงอายุว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะไม่ถูกหลักเกณฑ์ของการจัดทำภาษี เนื่องจากภาษีทั้งหมดต้องถูกนำรวมในส่วนกลาง แล้วให้รัฐบาลเป็นผู้จัดสรร
“สมัยโบราณทำกันได้ เช่น เก็บภาษีจากของมึนเมา เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว และย้ำว่า ถึงแม้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อผู้สูงอายุก็ตาม แต่ทำไม่ได้
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า ขณะที่การเก็บ VAT จากร้อยละ 7 เป็น 10 ไม่สามารถทำได้แบบรวดเดียว ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยและจะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ยกเว้นปรับขึ้นปีเว้นปี คราวละร้อยละ 1 จนครบตามอัตราการเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นทีละขั้นอัตรา แต่นักการเมืองคงไม่กล้าผลักดันให้เกิดขึ้น ฉะนั้นการแก้ปัญหาผู้สูงอายุไม่มีเงินออม สามารถศึกษาได้จากตัวอย่างในหลายประเทศทั่วโลก อย่างญี่ปุ่น หรือยุโรปที่มีมาตรการออกมาเป็นชุด
“ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป แต่ผู้สูงอายุจริง ๆ ต้องสร้างกิจกรรมให้อยู่ด้วยกัน มีอะไรสนุก ๆ มีชีวิต มีคนดูแล เวลาเจ็บป่วย แต่ต้องมีกิจกรรม เพื่อจะเพลิดเพลินกับชีวิต ขณะที่รายได้ คนมีฐานะ มีเงินอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนจน รัฐต้องนำเงินจากภาษีอากรจัดให้ ซึ่งถึงเวลาที่รัฐบาลต้องทำแล้ว ทำให้ผู้สูงอายุเป็นผู้มีประโยชน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในที่สุด .
ทั้งนี้ ประเด็น สังคมผู้สูงอายุ ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "เศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง" ไว้ในงานดินเนอร์ทอล์ค ประจำปี 2562 เนื่องในโอกาสครบรอบ 64 ปี ณ โรงแรมอโนมาแกรนด์ ถนนราชดำริ โดยระบุตอนหนึ่งถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง ยอดหนี้ของคนไทยจำนวนมากไม่ได้ลดลงแม้ว่าจะมีอายุมากขึ้นจนถึงวัยใกล้เกษียณ
"ครัวเรือนไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องหนี้ครัวเรือนมากขึ้น เพราะเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศไทยอาจจะเป็นประเทศแรกในโลกที่คนส่วนใหญ่จะแก่ก่อนรวย โดยผลสำรวจเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนตั้งแต่หลายปีก่อน พบว่า คนไทยราว 3 ใน 4 ไม่สามารถออมเงินได้ในระดับที่ตั้งใจไว้สำหรับการเกษียณอายุ และเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่มีแผนการออมอย่างเป็นรูปธรรมหรือกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการวางแผนการออม ถ้าครัวเรือนไทยไม่สามารถพึ่งพาการออมของตัวเองได้แล้ว ท้ายที่สุดจะกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุของภาครัฐ และบั่นทอนภูมิต้านทานด้านการคลังต่อไป" (อ่านประกอบ:ดร.วิรไท ชี้ 4 ความท้าทาย -อุปสรรคฉุดรั้งศก.ไทย)
อ่านประกอบ:4 พรรค ดีเบตสังคมผู้สูงวัย 'ปชป.' หนุนขึ้น vat 3% เก็บเงินออม-พปชร.ขยายอายุเกษียณ 63 ปี
ผู้สูงอายุไทย ไม่มีเงินออม ปฏิรูปด้านสังคม เสนอให้คืน VAT ผู้บริโภค จนอายุ 60 ปี
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ขายไอเดีย "ขึ้น VAT-ส่งเสริมปลูกต้นไม้" ออมเนิ่นๆรับสังคมสูงวัย
ภาพประกอบ:https://www.dha.co.th/th/news
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/