4 พรรค ดีเบตสังคมผู้สูงวัย 'ปชป.' หนุนขึ้น vat 3% เก็บเงินออม-พปชร.ขยายอายุเกษียณ 63 ปี
4 พรรคใหญ่ตั้งวงดีเบตนโยบายรับมือสังคมผู้สูงอายุ 'พปชร.' ชูขยายอายุเกษียณงานเป็น 63 ปี พร้อมมอบเบี้ยยังชีพ 1 พันบาท เท่าเทียมทุกคน ด้าน 'ปชป.' หนุนขึ้น vat 3% เก็บเป็นเงินออม ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่ 'เพื่อไทย' เน้นเปลี่ยนภาระเป็นพลัง ให้ผู้สูงวัยเป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิต 'อนาคตใหม่' นำ AI มาดูเเล
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2562 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) ร่วมกับสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานประสานนโยบายรองรับสังคมสูงวัย(สป.สว) เปิดเวทีนำเสนอนโยบายพรรคการเมือง “รัฐบาลใหม่กับการรับมือสังคมสูงวัย ภาระที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ” ณ ห้องประชุมสานใจ 1 ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ โดยมี 4 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และอนาคตใหม่
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนผู้สูงอายุให้เป็นพลัง โดยต้องขยายเวลาการเกษียณงานจากอายุ 60 ปี เป็น 63 ปี พร้อมมอบเบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อคนอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมกับควรลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงระบบดิจิทัล ที่ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงได้ และเทคโนโลยีในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ โครงการบ้านสุขใจวัยเกษียณ บ้านพลังประชารัฐ และโรงเรียนสูงวัย
ส่วนปัญหาทางด้านสุขภาพนั้น โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุพรรคได้จัดแบ่งประเภทเพื่อจัดระบบการช่วยเหลือให้เหมาะสม และมีคลินิกครอบครัว โรงพยาบาลสูงวัยประชารัฐและนักบริบาลชุมชน ซึ่งในที่นี้ได้มีนโยบายเพิ่มเบี้ยให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)1,000 บาท และมีคูปองสำหรับผู้สูงอายุ ในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นเช่นเครื่องช่วยฟัง ทั้งนี้ยังมองว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้ตรงประเด็น
นอกจากนี้ยังจะสนับสนุนเรื่องของชุมชนเข้มแข็ง สร้างโมเดลบ้านสุขสันต์ อีกทั้งมีนโยบายส่งเสริมความกตัญญู โดยให้ผู้ที่ประสงค์ลางานกลับไปดูแลพ่อแม่ที่บ้าน มีสิทธิ์ลางานได้ 10 วันต่อปี และหากประชาชนคนไหนที่รับภาระในการเลี้ยงดูพ่อแม่ สามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาทต่อปี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบทบาททางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ โดยมีแผนในการขยายเวลาการเกษียณอายุการทำงาน รวมทั้งบริษัทเอกชนที่มีการจ้างงานผู้สูงอายุให้มีการลดหย่อนภาษี โครงการเกษียณเงินล้านให้มีเงินเพียงพอหลังจากวัยเกษียณ นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับกลไกภาษีบังคับออม ที่จะเป็นการเรียกเก็บภาษี (VAT)10%จากประชาชน โดยแบ่งออกมา3%เป็นเงินออมฝากไว้ในบัญชีแต่ละบุคคล โดยรัฐบาลจะไม่มีการเข้าไปแทรกแซงกับเงินจำนวนนั้น แต่ทั้งนี้การใช้มาตรการนี้จะต้องมีเพดานสำหรับผู้มีรายได้ที่มีการใช้จ่ายแตกต่างกันไปและกลไกนี้ยังติดขัดอยู่ในเรื่องของจังหวะเวลาทางเศรษฐกิจที่จะต้องเหมาะสม
ในด้านสภาพแวดล้อม พรรคประชาธิปัตย์ได้มองการดำเนินงานในหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนโดยมองว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงวัยเป็นเรื่องที่ต้องมีกฎกติกา การบังคับ และแรงจูงใจซึ่งในการลงทุนในเรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นต้นทุนที่สูงแต่มีความคุ้มค่าในระยะยาว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายแก้ปัญหาด้านสุขภาพ เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะอำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้านให้กับประชาชน อีกทั้งมีนโยบายการจัดตั้ง GOVTEC ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการที่เอกชนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีมาทำงานร่วมกับทางภาครัฐ
“พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายสนับสนุนด้านโครงสร้างของประชากร เช่น เกิดปั๊บรับสิทธิ์ 1 แสนหรือการเพิ่มสิทธิ์การลางานเพื่อไปดูแลบุตร การส่งเสริมโรงเรียนสามวัย หรือโครงการธนาคารเวลาซึ่งเป็นนโยบายที่หากบุคคลใดเสียสละเวลาในการไปช่วยเหลือดูแลผู้สูงวัย เวลาเหล่านั้นจะถูกบันทึกสะสมและเมื่อถึงเวลาที่บุคคลดังกล่าวเข้าสู่ภาวะสูงวัยก็จะได้รับการดูแลกลับคืน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความสำคัญอย่างแรกก่อนการเริ่มดำเนินนโยบายต่าง ๆ คือการวางแผนก่อนว่า จะนำรายได้มาจากไหนเพื่อเป็นงบประมาณในการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมองการจะหารายได้นั้นมาจากการท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยมีมุมมองว่ารัฐบาลต้องพัฒนาคุณภาพการทำงานและส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุให้สามารถมีการสร้างรายได้ไว้เลี้ยงตัวเอง
ในประเด็นของการเปลี่ยนภาระเป็นพลัง คือ การฝึกฝนผู้สูงวัยเหล่านี้ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิต อย่างเช่นในต่างประเทศที่ให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ระบบของการทำงานอีกครั้ง เพื่อให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคม อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นให้ผู้สูงอายุมาเป็นไกด์ทัวร์ได้เพราะมองว่าผู้สูงอายุ 1.มีเวลา 2.เป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิต เพราะมีประสบการณ์ในการที่จะตอบคำถามหลายๆด้านได้
ด้านคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พรรคเพื่อไทยยังมองว่าระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องมีการปรับระบบใหม่ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และมีแอพพลิเคชั่นที่จะทำให้ผู้ป่วยได้ปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทางไปโรงพยาบาล
สุดท้าย นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สังคมสูงวัยไม่ได้มีเพียงแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในสังคมของผู้สูงอายุยังมีคนในช่วงวัยแรงงานซึ่งต้องแบกรับภาระทางสังคม ซึ่งในปัจจุบันจำนวนคนในวัยแรงงานน้อยลง ประชากรเด็กน้อยลง ดังนั้นแล้วคนวัยแรงงานจึงต้องแบกรับภาระทั้งผู้สูงอายุและเด็กในเวลาเดียวกัน ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่จึงมองว่านี่คือโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทยที่จะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจประเทศเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อแก้ปัญหาแรงงานในประเทศข้ามแดนไปหารายได้นอกประเทศ อีกทั้งคนไทยยังสามารถรับจ้างหรือทำงานได้ทั่วโลก อย่างเช่น การขายของออนไลน์ เป็นต้น
ในด้านปัญหาด้านสุขภาพ พรรคอนาคตใหม่เสนอว่าการนำเทคโนโลยีAI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามาใช้ในการดูแลผู้สูงอายุจะช่วยลดปัญหาการแออัดที่โรงพยาบาลได้ เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจสอบ และทราบอาการผู้ป่วยได้ก่อนที่จะถึงมือแพทย์ อีกทั้งแพทย์ยังสามารถจ่ายยาโดยจัดส่งไปที่บ้านของผู้ป่วยได้เลยโดยที่ลูกหลานไม่ต้องลาหยุดเพื่อพาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาลอีกต่อไป .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/