ชายแดนใต้กับจังหวะก้าว"ธนาธร" ชงถอนทหาร - เยือนมัสยิด 300 ปี!
กลางเดือน ก.ค.61 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตผู้บริหารกลุ่มไทยซัมมิท เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่เคยประกาศเอาไว้เมื่อครั้งยื่นจดแจ้งจัดตั้งพรรค
แต่การปรากฏตัวของธนาธร ณ ดินแดนปลายด้ามขวาน ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่เพราะเขาเคยประกาศเอาไว้ แต่สาเหตุแห่งการประกาศ และแนวคิดของเขาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ต่างหากที่ทำให้ย่างก้าวของเขาถูกจับตา
ธนาธร เคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร GM ฉบับเดือน พ.ค.60 ในหัวข้อ "ไปให้สุดขั้ว สัมภาษณ์แบบ 'ดิ่งลึก' กับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ซึ่งบางช่วงบางตอนได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับศาสนาและการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ในลักษณะ "สุ่มเสี่ยง" พอสมควร
"รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะไม่มีที่ยืนที่เท่าเทียมกันกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ผมคิดว่ารัฐควรจะถอยตัวเองออกมาจากเรื่องศาสนา ไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาอะไรเลย"
นี่คือบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของเขา ซึ่งถูกบางฝ่ายหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อขยับตั้งพรรคการเมือง จนเขาต้องโพสต์ข้อความชี้แจงในเฟซบุ๊คของตนเอง อธิบายว่าเป็นการพูดไว้นานแล้ว เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการตั้งพรรคและไมใช่นโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ การสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคม และการกระจายอำนาจ พร้อมประกาศว่าจะลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบจริง และจะรับฟังว่ามีความเห็นในการจัดการความขัดแย้งอย่างไร
ราว 4 เดือนหลังการประกาศผ่านเฟซบุ๊ค ธนาธรเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้จริงๆ และเปิดวงรับฟังปัญหา ตลอดจนความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ผ่านการเสวนาหัวข้อ "รากปัญหาเศรษฐกิจชายแดนใต้ กับธนาธร" จัดขึ้นที่อาคารปฏิบัติการ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) โดยมีคนในพื้นที่ประมาณ 100 คนมาร่วมรับฟังและแสดงความเห็น
บรรยากาศบนเวทีนับว่าน่าสนใจ เพราะมีการพูดคุยถึงปัญหาในพื้นที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การกระจายอำนาจ การปกครอง และความมั่นคง แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือคำประกาศของธนาธร ซึ่งสะท้อนจุดยืนและนโยบายของเขาอย่างแจ่มชัด
"เรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลักทั่วประเทศ เด็กเรียนจบออกมาไม่มีงานทำ ทางออกทั่วประเทศคือสร้างอุตสาหกรรมก้าวหน้า ต้องยึดโยงท้องถิ่น วิถีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติ ผมมาปัตตานี ที่เห็นคือแพะ ควรสร้างอุตสาหกรรมนมแพะ บริษัทนมแพะที่อร่อยที่สุดในเซาท์อีสท์เอเชีย (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และการแปรรูปยางพารา ซึ่ง ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) มีงบมาก น่าจะมาทำเรื่องนี้ดีกว่าไปทำอะไรที่ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์"
"ศักยภาพท้องถิ่นถูกกดทับด้วยเศรษฐกิจของความมั่นคง ต้องเอาทหารออกนอกพื้นที่ เราไม่เห็นว่าการมีทหารในพื้นที่จะมีประโยชน์ในระยะยาว เช่น การท่องเที่ยว มีด่านตรวจตลอดทาง ใครจะอยากมาท่องเที่ยวหรือลงทุน เราอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกและสถานการณ์ฉุกเฉินมา 14 ปีแล้ว ตอนนี้ไม่ฉุกเฉิน แต่ถาวรไปแล้ว ดังนั้นพอแล้ว คนที่มีอำนาจเหนือกว่าใครๆ คือรัฐไทย การนำความสันติสุขที่ยั่งยืนสู่พื้นที่ต้องเริ่มจากรัฐไทย รัฐต้องแสดงความจริงใจ เอาทหารออกไป เอาเศรษฐกิจความมั่นคงออกไป เพื่อเปิดโอกาสเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ เศรษฐกิจการท่องเที่ยว การลงทุนเข้ามา เพื่อความเบ่งบานในท้องถิ่นชายแดนใต้ เช่นเดียวกับการศึกษาต้องตอบสนองท้องถิ่น เราเห็นโครงการรัฐออกแบบจากส่วนกลาง ซึ่งประชาชนไม่มีส่วนร่วม"
"การเลือกตั้งครั้งหน้าสำคัญกว่าเรื่องการจะเลือกพรรคไหนหรือนโยบายไหน แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเขียนอนาคตของประเทศไทยว่าเราจะอยู่กับการกดทับหรือเสรีภาพ เราจะอยู่ความกลัวหรือความหวัง ทั้งหมดอยู่ที่การเลือกตั้งครั้งหน้า"
เป็นคำประกาศที่เร้าใจยิ่งของธนาธร แห่งพรรคอนาคตใหม่!
การลงพื้นที่เที่ยวนี้เขาไม่ได้อยู่แค่ปัตตานี แต่ยังลงพื้นที่ "มัสยิด 300 ปี" ที่บ้านตะโละมาเนาะ ต.ลุโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ด้วย
การเดินทางไปเยือนมัสยิด 300 ปีที่กำลังมีปัญหาถูกชุมชนและผู้นำศาสนาคัดค้านการเดินหน้าโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งใช้งบประมาณเฉพาะการก่อสร้างสูงถึง 149 ล้านบาท แต่โครงการกลับไม่เดินหน้า เพราะ ศอ.บต.ไปจัดจ้างบริษัทรับเหมาจากนอกพื้นที่ซึ่งมีสถานะ "ล้มละลาย" มารับงาน ถือเป็นการลงพื้นที่แบบ "ทำการบ้านล่วงหน้า" ของพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน
"รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เห็น เศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐควรรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นตั้งนานแล้ว เพราะมัสยิด 300 ปีเป็นสถานที่สำคัญที่เป็นประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่" ธนาธรแสดงความเห็นสั้นๆ เกี่ยวกับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์มัสยิด 300 ปีที่มีปัญหายืดเยื้อยาวนาน
การลงพื้นที่ อ.บาเจาะ เป็นการไปค่อนข้างจะส่วนตัว เขาจึงพูดกับ "ทีมข่าวอิศรา" เพียงสั้นๆ แต่ก็ยังตอกย้ำการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต่อยอดจากรากเหง้าของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
"ผมได้พบปะกับกลุ่มชาวสวนยาง เกษตรกรเลี้ยงแพะ มีการเสนอไอเดียว่าหากได้เข้ามาดูแล จะไม่มีการพยุงราคายางพาราเหมือนในอดีต แต่จะพยายามพัฒนาสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากยางพารา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับยาง ในการส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนด้านปศุสัตว์ พบว่าเกษตรกรในพื้นที่เลี้ยงแพะกันมาก แต่ที่ผ่านมาส่งออกแพะเป็นไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือมาเลเซีย แต่ถ้าเราได้เข้ามาดูแล จะมีการส่งเสริมให้มีโรงฆ่าสัตว์ที่มีมาตรฐานถูกต้องตามหลักศาสนา เพื่อพัฒนาให้เป็นการส่งออกเนื้อแพะไปยังประเทศมาเลเซียและกลุ่มประเทศมุสลิม ส่วนทางด้านการศึกษา หากผมได้เข้ามาดูแลเรื่องการศึกษา ก็จะนำพัฒนาการศึกษาให้สนองตอบกับภาคเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อให้เด็กจบมามีงานทำและพัฒนาพื้นที่ต่อไป"
การจับจังหวะลงพื้นที่ชายแดนใต้ของธนาธร เพื่อเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ในห้วงที่ชาวบ้านกำลังเบื่อหน่ายกับการแก้ไขปัญหาที่ไร้ทิศทาง และยังมองไม่เห็นอนาคต ทั้งกระบวนการพููดคุยเพื่อสันติสุข การสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" นำร่องอำเภอแรก รวมถึงการพัฒนาที่ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ถือว่าเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองที่เฉียบคมพอตัว เพราะแม้วันนี้สถานการณ์ความรุนแรงที่ชายแดนใต้จะลดระดับลงอย่างเห็นได้ชัด แต่การพลิกสถานการณ์ให้เกิดสันติสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน กลับยังไร้ทิศทาง และมองไม่เห็นอนาคตใดๆ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล คสช.
ทว่าการเร่งรีบประกาศนโยบายบางอย่างที่มีความอ่อนไหวในแบบฉบับของการให้สัญญาประชาคมมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นแรงต้านที่ส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการถอนทหาร
เพราะทันทีที่มีการเสนอเรื่องนี้ ก็ถูกคัดค้านทันทีจากกลุ่มชาวไทยพุทธอย่าง รักชาติ สุวรรณ เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า "คนพุทธยังไม่พร้อมที่จะให้ถอนทหาร จนกว่าจะปลอดภัยจริงๆ"
บางทีปัญหาภาคใต้ก็ซับซ้อนและอ่อนไหวเกินกว่าที่จะรีบด่วนฟันธงไปในทางใดทางหนึ่ง!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1,3 และ 4 ธนาธรและคณะเยือนมัสยิด 300 ปี
2 หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เปิดเวทีรับฟังความเห็นที่ ม.อ.ปัตตานี
5 ภาพและข้อความที่ รักชาติ สุวรรณ โพสต์คัดค้านข้อเสนอให้ถอนทหารของธนาธร
อ่านประกอบ :
บริษัทรับงานปรับปรุงมัสยิด300ปีอยู่ปทุมฯ ที่ตั้งคล้ายบ้านร้าง แถมถูกฟ้องล้มละลาย
ภาณุ รับ บริษัทปรับปรุงมัสยิด 300 ปีล้มละลาย หารืออัยการตรวจสัญญา
เปิดเกณฑ์ "จ้างวิธีพิเศษ" เทียบมัสยิด 300 ปีหลังนายกฯสั่งฟันบริษัทล้มละลายรับงาน
ชมรมอิหม่ามบาเจาะจี้นายกฯยุติโครงการมัสยิด 300 ปี
3 บริษัทรับช่วงงานแหล่งเรียนรู้มัสยิด 300 ปี ลุยก่อสร้างด้านนอก 4 อาคาร
ทางวิบากโครงการ "มัสยิด 300 ปี" เดินหน้าต่อ สั่งชะลอ หรือเลิกสัญญา?
เปิดตัวแล้ว "หจก.สนธิเศรษฐ" รับงานมัสยิด 300 ปี 149 ล้าน!
เปิดกฎหมายตอบทุกคำถาม "ล้มละลาย-จ้างช่วง" โครงการมัสยิด 300 ปี
ชาวบ้านจี้เลิกสัญญาโครงการมัสยิด 300 ปี ชมรมอิหม่ามฯบาเจาะบอยคอตซ้ำ
ชาวบ้าน-ผู้นำศาสนาโหวตเอกฉันท์ยกเลิกสัญญาโครงการมัสยิด 300 ปี
โครงการปรับภูมิทัศน์มัสยิด 300 ปี ระวังมี "ค่าโง่"
"ประวิตร" ลงนามเห็นชอบยกเลิกสัญญาโครงการปรับปรุง "มัสยิด 300 ปี"
ศอ.บต.แจง 3 เหตุผลเลิกสัญญาเอกชน - หนุน "กก.อิสลาม" คุมปรับปรุงมัสยิด 300 ปี