ฮามีด๊ะ สาและ...วิบากกรรมขายข้าวเกรียบมาเลย์ "แบกหนี้-สามีตาย-ไร้อิสรภาพ"
“ไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้ ทุกคนในครอบครัวต้องนอนหลับทั้งน้ำตา ตื่นมาก็ยังร้องไห้...”
นี่คือคำบอกเล่าจากปากของ ฮามีด๊ะ สาและ หลังทราบความจริงว่าเธอได้สูญเสียสามีไประหว่างที่ถูกนายหน้าชักชวนพร้อมๆ กับเพื่อนหญิงสูงอายุจากจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 20 คน ให้ไปทำงานขายข้าวเกรียบบังหน้าเป็นขอทานที่ประเทศมาเลเซีย กระทั่งถูกจับกุมและถูกกักตัวไว้นานกว่า 3 เดือน เพื่อเป็นพยานเอาผิดกับ “นายหน้า” ในฐานะ “ผู้นำพา” ในความผิดฐานค้ามนุษย์
การถูกจับกุมและถูกกักตัวในดินแดนที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิด ก็นับว่าหนักหนาสาหัสมากอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เธอกลับพบว่าสามีของเธอเสียชีวิตเพราะตรอมใจ เนื่องจากไม่รู้ว่าระหว่างที่เธอขาดการติดต่อไปนั้น เธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
วันแรกที่เธอกลับบ้าน ลูกชายคนโตกลัวว่าเธอยังไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายได้ จึงบอกกับเธอเพียงว่าพ่อไปดาวะห์ หรือเผยแผ่ศาสนาเป็นเวลา 40 วัน เธอเล่าว่าเมื่อได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจ พาลคิดไปว่าสามีคงมีหญิงอื่นไปแล้ว เพราะเธอหายไปนาน จนมาวันที่สอง ลูกชายจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
“วันแรกที่ลูกบอก เราก็ไม่ได้เชื่อ แต่ก็ไม่ได้โวยวาย ในใจคิดแต่ว่า สามีคงไปมีคนอื่นแล้ว เพราะเราไปนานมาก เป็นการแยกจากเขาเป็นครั้งแรก แล้วก็เจอปัญหา เขาคงไม่รอเรา พอวันที่สอง ลูกชายเล่าความจริงให้ฟังก็ตกใจมาก ตัวสั่น ไม่ร้องไห้ หูแว่วได้ยินเสียงที่คุยกับสามีวันสุดท้ายก่อนไปมาเลเซีย”
“เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลย ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ครั้งแรกที่แยกคือครั้งนี้ แล้วก็ต้องจากกันตลอดชีวิตอย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย ทุกวันนี้เวลานั่งอยู่คนเดียวก็คิด แล้วก็น้ำตาไหล กลางวันไม่เท่าไหร่ มีเพื่อนบ้านมาช่วยกันปลอบใจ เป็นกำลังใจ พยายามใช้อัลกุรอานบำบัดจิตใจ เพราะเราเครียดไม่ได้ พอเครียดมากๆ ความดันจะขึ้นสูง”
“ส่วนเวลากลางคืน ตั้งแต่กลับมา ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ไม่ร้องไห้ นอนหลับทั้งน้ำตา ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้เสียใจที่เราต้องมาแยกจากกันแบบนี้ ไม่ได้ทะเลาะ ไม่ได้ร่ำลากันเลย ช่วงที่ไปมาเลย์ก็ไม่ได้ขอโทษหรือขอบคุณสามีด้วย เพราะมัวแต่ดีใจที่จะได้ไปหาเงินกลับมาจ่ายหนี้ ลำพังกรีดยางที่บ้านคงไม่มีทาง”
การจากกันโดยไม่มีแม้แต่โอกาสได้ร่ำลา คือความเจ็บช้ำที่สุดในชีวิตของนางฮามีด๊ะ ซ้ำร้ายเมื่อเธอทราบเรื่องการจากไปของสามีแล้ว เธอยังต้องถูกเจ้าหน้าที่จากบางหน่วยงานนำรถมารับตัวเธอไปพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงจาก อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา อีก 4 คนที่เดินทางไปขายแรงงานที่มาเลเซียด้วยกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ซักถามข้อมูลต่างๆ ทำให้เธอเครียดหนัก ถึงขั้นความดันขึ้นสูงจนช็อค ลูกๆ ต้องนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
แม้ว่าวันนี้ ฮามีด๊ะได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว แต่บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นก็หนักเกินกว่าชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังหาเงินมาแก้ปัญหาหนี้สินให้ครอบครัวจะรับไหว
“ไปถึงมาเลเซียวันแรก เงินริงกิตยังจ่ายไม่เป็นเลย เวลาลูกค้าซื้อของแล้วต้องทอนเงิน ก็ต้องให้ลูกค้าช่วยคิดและหยิบเงินทอนไป วิธีขายของจะไปขายตอน 9-10 โมงเช้า นายหน้าจะพานั่งรถออกจากที่พักแล้วไปส่งตามจุดต่างๆ ขายจนถึงเที่ยงคืนถึงจะรับกลับไปกินข้าว เสร็จแล้วต้องทอดข้าวเกรียบต่อ กว่าจะได้นอนก็ตี 3 ทุกคืน เวลานอนก็นอนได้แค่ 2 ชั่วโมง ก็ต้องมาตื่นมาเอาข้าวเกรียบใส่ถุงอีก เสร็จแล้วกินข้าว ก็ออกไปขายของต่อ”
ฮามีด๊ะ เล่าถึงนาทีที่เธอโดนจับ ซึ่งเธอจำได้ไม่ลืม...
“ตอนนั้นขายได้วันที่ 3 กำลังจะออกไปขายของ ก็มีตำรวจขับรถมาดักหน้ารถที่นายหน้าขับ แล้วเอากุญแจมือมาใส่ แล้วพาไปโรงพัก นอนที่โรงพัก 1 คืน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉินของรัฐยะโฮร์ ตอนแรกเจ้าหน้าที่บอกว่าจะพามาอยู่ 21 วันแล้วจะปล่อยกลับบ้าน พอถึง 21วัน เจ้าหน้าที่มาบอกว่านายหน้าไม่ยอมรับผิด ต้องอยู่ต่ออีก 3 เดือน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของสถานทูตมาเยี่ยม ถึงเชื่อว่าลูกๆ และสามีที่บ้านน่าจะรู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่”
ข่าวดีที่ได้กลับจากมาเลย์ของฮามีด๊ะ กลายเป็นข่าวร้าย เพราะเธอสูญเสียสามี และยังเป็นหนี้ก้อนใหญ่ถึง 7 หมื่นบาท
“กลับมาไม่มีเงินเลย ลูกๆ ก็เสียเงินค่ารักษาสามีตอนป่วย และเสียเงินตอนออกตามหาเรา จนกลายเป็นหนี้ถึง 7 หมื่นบาท ตอนนี้ฝนก็ตก กรีดยางไม่ได้ เราก็ไม่มีเงินแม้แต่จะทำบุญให้สามี สิ่งที่คิดได้อย่างเดียวตอนนี้คือโค่นต้นยางที่มีอยู่ 5 ไร่เพื่อขายไม้ยาง แล้วนำเงินมาจ่ายหนี้ แต่การขายไม้ยางก็ไม่ง่าย ไม่ใช่ว่าจะขายได้เลย ต้องใช้เวลา อีกอย่างถ้าโค่นต้นยาง ลูกๆ ก็ไม่สามารถกรีดยางได้อีก ปัญหาก็จะเพิ่มใหม่อีก 1 เรื่อง แต่เราจำเป็นต้องขายไม้ยาง เพราะเป็นวิธีเดียวที่คิดออกตอนนี้”
โชคยังดีอยู่บ้างเมื่อทหารพรานและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง จะร่วมกันเรี่ยไรเงินมาจัดงานบุญ ทำพิธีทางศาสนาให้กับสามีที่ล่วงลับ และใช้หนี้ที่ค้างอยู่
พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ซึ่งตระเวนเยี่ยมหญิงสูงอายุที่กลับจากมาเลเซีย 4 คนในพื้นที่รับผิดชอบของเขา คือ อำเภอยะหา กับ อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา บอกว่า เท่าที่ได้รับฟังปัญหา สาเหตุที่ทำให้หญิงเหล่านี้ต้องไปทำงานที่มาเลเซีย ก็เพราะไม่มีงานในพื้นที่ให้ทำ และการเดินทางไปก็ไปแบบผิดกฎหมาย ทำให้ต้องเจอปัญหาอย่างที่เห็น
ในส่วนของ ฮามีด๊ะ ที่สามีเสียชีวิต จะมีการช่วยเหลือ 3 ด้าน คือ
1.ช่วยติดตามเรื่องเงินที่จ่ายไปให้กับคนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส ที่อ้างว่าจะช่วยตามหาฮามีด๊ะ ขณะนี้ได้ประสานตำรวจสุไหงโกลกเพื่อติดตามหาตัว
2.จะช่วยจัดพิธีทำบุญให้สามีของฮามีด๊ะ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ดีขึ้น และคิดแผนต่อว่าจะช่วยจัดกิจกรรมกินน้ำชาเรี่ยไรเงินมาช่วยเหลือกรณีเงิน 7 หมื่นบาทที่ลูกยืมจากเพื่อนบ้าน อย่างน้อยจะได้ช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้าง
3.เรื่องอาชีพ ต้องสนับสนุนให้มีอาชีพเพื่อสร้างรายได้ในช่วงแรกนี้ก่อน อาจจะให้ทำขนมอยู่กับบ้าน แล้วนำไปขาย เพราะตามหลักศาสนา ผู้หญิงมุสลิมที่สูญเสียสามี จะออกนอกบ้านไปไหนไม่ได้ระยะเวลาหนึ่ง
“เรื่องการแก้ปัญหาในภาพรวม ต้องช่วยกันสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่ และขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดูแลเรื่องหนังสือเดินทาง และใบอนุญาตทำงานในมาเลเซีย ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องตามแก้ปัญหากันไม่จบ” พ.อ.ชลัช ระบุ
เรื่องราวน่าเศร้าของ ฮามีด๊ะ สะท้อนปัญหาที่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเผชิญ ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบที่ต้องเสี่ยงตายอยู่ทุกวี่วัน ปัญหาความยากจนจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะยางพารา ครั้นเมื่อตัดสินใจไปหางานทำในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่มีช่องทางที่ถูกกฎหมาย กลายเป็นเหยื่อขบวนการนายหน้าที่กระทำไม่ต่างอะไรกับการ “ค้ามนุษย์” ซ้ำอีก
ใครเล่าจะคืนความเป็นธรรมให้กับชีวิตของพวกเขาเหล่านี้...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ฮามีด๊ะ สาและ
2 พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร
อ่านประกอบ :
ร้องช่วย 21 หญิงชราชายแดนใต้ หวั่นถูกหลอกไปขอทานมาเลย์
พบแล้ว21หญิงชราถูกกักบ้านพักฉุกเฉินรัฐยะโฮร์ – แฉเส้นทางค้ามนุษย์ชายแดนใต้
เปิดรายชื่อ 21 หญิงชายแดนใต้ถูกกักในมาเลย์ จนท.ทูต-ศอ.บต.รุดเยี่ยม
ปากคำ 21 หญิงไทยในมาเลย์...ขอทานในคราบขายข้าวเกรียบ!
21 หญิงไทยปลอดภัย แต่ป่วย 13 คน - ครอบครัวเตรียมแจ้งจับ "นายหน้า"
นายกฯสั่งคุ้มครองพยานคดี21หญิงถูกลวงขายแรงงาน – ยอดผู้เสียหายพุ่งนับร้อย
ครอบครัว 21 หญิงไทยแจ้งจับ"นายหน้า" ลุ้นกลับกลุ่มแรกก่อนปีใหม่
โทรศัพท์ลึกลับอ้างเป็น จนท.สถานทูต ขอพบญาติ บอกจะพาเยี่ยม 21 หญิงไทย!
จนท.ป้องนายหน้า-วิบากกรรม21หญิงไทย แฉให้ทำงานถึงตี2 – เอ็นจีโอยันค้ามนุษย์
21 หญิงไทยยังไม่ได้กลับบ้าน...
หญิงไทยกลุ่มแรกได้กลับบ้าน...อุทาหรณ์ถูกลวงขายแรงงาน – นายหน้าลอยนวล!
พบอีก! 177 หญิงไทยเหยื่อค้ามนุษย์ในมาเลย์ – 53 คนร่วม Thai Festival ถูกรวบ
ไม่สงบ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน...ชะตากรรมหญิงชาวบ้านต้องไปขายแรงงาน-ขอทานมาเลย์
นายกฯไม่ปิดช่องเอาผิด "นายหน้า" พาหญิงชายแดนใต้ทำงานผิดกฎหมายมาเลย์